Loading AI tools
กษัตริย์กัมพูชา จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระเจ้ายโศวรรมันที่ 1 หรือเอกสารไทยมักเรียก พระเจ้ายโศวรมันที่ 1 (เขมร: យសោវរ្ម័នទី១ ยโสวรฺมันที ๑, อักษรโรมัน: Yasovarman I; สวรรคต ค.ศ. 910[1]) หรือพระนามหลังสวรรคตว่า บรมศิวโลก (เขมร: បរមឝិវលោក) เป็นพระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรพระนคร ครองราชย์ระหว่างปี ค.ศ. 889 – 910
พระเจ้ายโศวรมันที่ 1 | |||||
---|---|---|---|---|---|
พระบาทบรมศิวโลก | |||||
พระบรมสาทิสลักษณ์ พระเจ้ายโศวรมันที่ 1 | |||||
พระมหากษัตริย์พระนคร | |||||
ครองราชย์ | ค.ศ. 889 – 910 | ||||
พระองค์ก่อน | พระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 | ||||
พระองค์ถัดไป | พระเจ้าหรรษวรมันที่ 1 | ||||
สวรรคต | ค.ศ. 910[1] | ||||
พระมเหสี | ไม่ปรากฏพระนาม (เป็นพระเชษฐภคินี/ขนิษฐาของพระเจ้าชัยวรมันที่ 4) | ||||
พระราชบุตร | อีสานวรรมันที่ 2 พระเจ้าหรรษวรรมันที่ 1 | ||||
| |||||
ราชวงศ์ | วรมัน (เกาฑิญยะ-จันทรวงศ์) | ||||
พระราชบิดา | พระเจ้าอินทรวรรมันที่ 1 | ||||
พระราชมารดา | พระนางอินทรเทวี |
พระนาม "ยโศวรรมัน" แปลว่า ผู้มียศเป็นเกราะ มาจากคำสันสกฤต ยศ แปลว่า ยศ + วรฺมัน แปลว่า ผู้มีเกราะ
พระองค์ทรงได้รับสมัญญาว่า "เสด็จขี้เรื้อน" (ស្តេចគម្លង់ สฺเตจคมฺลง̍; Leper King)[2] เพราะเชื่อกันว่า ประชวรด้วยโรคนี้[1]
พระองค์ทรงได้รับพระนามหลังสวรรคตว่า "บรมศิวโลก" (បរមឝិវលោក) เพราะทรงนับถือพระศิวะ[1]
พระเจ้ายโศวรรมันที่ 1 เป็นพระโอรสของพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1พระมหากษัตริย์แห่งจักรวรรดิเขมร กับพระนางอินทรเทวี พระองค์เป็นศิษย์ของพราหมณ์วามศิวา (Vamasiva) นักบวชลัทธิเทวราชา ซึ่งเป็นศิษย์ของศิวโสมา (Sivasoma) ผู้มีความสัมพันธ์กับอาทิ ศังกระ (आदि शङ्करः Ādi Śaṅkaraḥ) ปรัชญาเมธีฮินดู[3]: 111
เมื่อพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 พระราชบิดาสวรรคตลง พระเจ้ายโศวรรมันที่ 1 กับพระเชษฐาหรือพระอนุชา ทรงแย่งชิงพระราชบัลลังก์ สงครามยุติด้วยชัยชนะของพระเจ้ายโศวรรมันที่ 1 แต่เพราะพระบิดาเคยรับสั่งห้ามพระเจ้ายโศวรรมันที่ 1 สืบราชสมบัติ ตามที่ปรากฏในจารึกหลายหลัก พระเจ้ายโศวรรมันที่ 1 จึงทรงเลี่ยงการอ้างสิทธิทางพระบิดาซึ่งเป็นเชื้อสายพระเจ้าชัยวรมันที่ 2ผู้สถาปนาพระนคร ไปอ้างสิทธิทางพระมารดาซึ่งเป็นเชื้อสายกษัตริย์แห่งอาณาจักรฟูนันและอาณาจักรเจนละแทน[4]
เมื่อเสวยราชย์แล้ว ยโศวรรมันที่ 1 ทรงยกทัพไปตีอาณาจักรจามปา ตามความในจารึกที่บันทายฉมาร์ (បន្ទាយឆ្មារ บนฺทายฉฺมาร)[5]: 54
ช่วงปีแรก ๆ แห่งรัชกาล พระองค์ทรงสร้างอาศรมราว 100 แห่งทั่วแว่นแคว้น เพื่อเป็นที่พักกลางทางสำหรับนักบวชและราชวงศ์[3]: 111–112 ครั้น ค.ศ. 893 พระองค์ทรงเริ่มให้สร้างฝายเรียก "อินทรตฎาก" (ឥន្ទ្រតដាក อินฺทฺรตฎาก) ตามพระดำริของพระบิดา ที่กลางฝาย (ซึ่งปัจจุบันแห้งเหือดสิ้นแล้ว) ทรงให้สร้างวัดชื่อ ปราสาทลอเลย (ប្រាសាទលលៃ)[6]
ต่อมา พระองค์ทรงให้ย้ายพระนครจากหริหราลัย (ហរិហរាល័យ) ไปยังยโศธรปุระ (យសោធរបុរៈ ยโสธรบุระ̤) ที่ซึ่งภายหลังมีโบราณสถานสำคัญจัดตั้งขึ้นมากมาย เช่น นครวัด นักประวัติศาสตร์คาดว่า เหตุที่ทรงให้ย้ายพระนครนั้น เป็นเพราะพระนครเดิมแออัดไปด้วยศาสนสถานที่กษัตริย์พระองค์ก่อน ๆ ทรงสร้างไว้ ด้วยตามประเพณีแล้ว แต่ละพระองค์ทรงจำต้องมีที่ประทับหลังสิ้นพระชนม์เป็นของพระองค์เอง อีกสาเหตุอาจเป็นเพราะพระนครแห่งใหม่อยู่ใกล้แม่น้ำเสียมราฐ ทั้งอยู่กลางทางไปพนมกุเลน (ភ្នំគូលេន ภฺนํคูเลน; "ภูเขาลิ้นจี่") และทะเลสาบเขมร จะได้มีแหล่งน้ำถึงสองแห่ง[3]: 103
ยโศธรปุระมีศูนย์กลางอยู่ที่พนมบาแคง (ភ្នំបាខែង ภฺนํบาแขง) และมีเส้นทางเชื่อมไปยังพระนครเดิม เมื่อทรงตั้งพระนครใหม่แล้ว ทรงให้ขุดฝายขนาดใหญ่ชื่อ "ยโศธรตฎาก" (យឝោធរតដាក) หรือชื่อปัจจุบัน คือ "บารายตะวันออก" (បារាយណ៍ខាងកើត บารายณ์ขางเกีต)[7]: 64–65
เพราะฉะนั้น ปราสาทลอเลย พนมบาแคง และบารายตะวันออก จึงเป็นอนุสรณ์แห่งกษัตริย์พระองค์นี้[8][9]: 360–362
ในรัชสมัยยโศวรรมันที่ 1 ยังมีการสร้างปราสาทที่สำคัญอีกสองแห่งที่ยโศธรปุระ คือ พนมโกรม (ភ្នំក្រោម ภฺนํโกฺรม) กับพนมบูก (ភ្នំបូក ภฺนํบูก)[3]: 113
ยโศวรรมันที่ 1 เสด็จสวรรคตใน ค.ศ. 910[1]
พระชายาพระองค์หนึ่งของยโศวรรมันที่ 1 เป็นพระพี่นางหรือพระน้องนางของชัยวรรมันที่ 4 พระมหากษัตริย์เขมร พระชายาพระองค์นี้มีพระโอรสสองพระองค์กับยโศวรรมันที่ 1 คือ อีสานวรรมันที่ 2 และหรรษวรรมันที่ 1[10]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.