Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โปเกมอนช็อก (ญี่ปุ่น: ポケモンショック; โรมาจิ: Pokemon Shokku; ทับศัพท์: Pokemon Shock) เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1997 ซึ่งตรงกับวันออกอากาศของอนิเมะเรื่อง โปเกมอนภาคแรก ตอนที่ 38 นักรบสมองกลโพรีกอน (ญี่ปุ่น: でんのうせんしポリゴン; โรมาจิ: Dennō Senshi Porigon) ทำให้ผู้ชมมีอาการลมชักที่เกิดจากอาการไวต่อแสงและถูกนำส่งโดยรถพยาบาลเป็นจำนวนมาก และเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เรื่องนี้ถูกระงับการออกอากาศเป็นเวลาประมาณ 4 เดือน
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1997 เวลา 18:30 น. เวลามาตรฐานญี่ปุ่น ได้ออกอากาศอนิเมะเรื่อง โปเกมอน ตอนที่ 38 นักรบสมองกลโพรีกอน เรทติ้งผู้ชมจากการสำรวจของ Video Research ในขณะนั้นอยู่ที่ 16.5% ในเขตภูมิภาคคันโต และ 10.4% ในเขตภูมิภาคคันไซ
เนื้อหาในตอนนี้คือพวกซาโตชิไปที่โปเกมอนเซ็นเตอร์ แต่เครื่องส่งโปเกมอนไม่หยุดทำงาน โดยสาเหตุมาจากไวรัสคอมพิวเตอร์ของแก๊งร็อคเก็ต จึงนำโปเกมอน CG โพลีกอน เพื่อเจาะระบบเข้าไปในระบบการถ่ายโอน ซึ่งในตอนดังกล่าวได้แสดงภาพโลกทัศน์ของคอมพิวเตอร์ โดยมีฉากการโจมตีด้วยจรวดแอนติไวรัส ที่เต็มไปด้วยแสงกะพริบสีแดงและสีฟ้า ซึ่งแสงที่ว่ามันเข้มข้นมาก (แสงกะพริบอัตราประมาณ 12 Hz ประมาณ 4 วินาที) ซึ่งฉากดังกล่าวคือพิคาชูได้ใช้ท่าหนึ่งแสนโวลต์ใส่มิชไชล์ที่สกัดแอนติไวรัส ตามรายงานข่าว คาดว่ามีผู้ชมจำนวน 3.45 ล้านคนที่มีอายุระหว่าง 4 ถึง 12 ปีรับชมตอนดังกล่าว และว่ากันว่ามีฉากที่ใช้แสงกะพริบถึง 106 ครั้งใน 4 วินาทีจาก 18:51:34 น.[1][2][3]
หลังจากการออกอากาศของตอนนี้จบลง ผู้ชมบางส่วนที่กำลังรับชมการออกอากาศต่างพูดถึงสภาพร่างกายที่รู้สึกย่ำแย่และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ผู้ป่วยจำนวนมากที่นำส่งโรงพยาบาลเป็นเด็กถึง 651 คนใน 30 จังหวัดในประเทศญี่ปุ่นถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล โดยมากกว่า 130 คนต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล โดยมีอาการปวดหัววิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ บางคนมีอาการชักและหมดสติ ผู้ชมชาวญี่ปุ่นจำนวน 700 คนถูกส่งเข้าโรงพยาบาลหลังมีอาการลมชักกะทันหัน[4] ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคลมชักที่เกิดจากอาการไวต่อแสง ซึ่งโรคดังกล่าวเป็นอาการหนึ่งของโรคลมบ้าหมู โดยผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้จะเกิดขึ้นเมื่อมีแสงกะพริบกระตุ้นให้เกิดอาการชักได้ เช่น แสงไฟ วูบๆ วาบๆ เป็นจังหวะ
และจำนวนเด็กทั้งหมดที่ไม่ได้ถูกนำส่งโรงพยาบาลแต่ได้รับผลกระทบทางใดทางหนึ่งนั้นคาดว่าจะมีจำนวนประมาณหนึ่งพันคน[5] อีกทั้งผู้ชมเกือบ 700 คนที่ถูกหามส่งโรงพยาบาล จากการดูรายการโทรทัศน์เพียงรายการเดียว ซึ่งว่ากันว่าเป็นรายการโทรทัศน์แรกในประวัติศาสตร์ของโลกที่เกิดเรื่องแบบนี้[5]
ทันทีหลังจากการออกอากาศ ข่าวแรกของเหตุการณ์นี้ได้ถูกนำรายงานข่าวในรายการ "NHK News" (NHK General TV) ซึ่งออกอากาศเวลา 21:59 น. ในช่วงวันเดียวกันกับวันที่ออกอากาศ หลังจากนั้นก็มีการรายงานข่าวในรายการ "News JAPAN" (Fuji TV) ที่ออกอากาศตั้งแต่เวลา 23:30 น. ในวันเดียวกัน วันรุ่งขึ้น มีการรายงานข่าวนี้อย่างกว้างขวางในสื่อมวลชน เช่น หนังสือพิมพ์และรายการทั่วไป (ทั้ง Nippon TV "The Wide", Fuji TV "FNN News 555 The Human" เป็นต้น)
และเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดจราจลทั้งการทุบทำลายเกมและสินค้าโปเกมอนทั้งหมดที่เกิดเป็นข่าวและประนามกล่าวหา ชูโด ทาเกชิ ผู้เขียนบทอนิเมะโปเกมอนภาคแรก ว่าใช้ผลประโยชน์จากความวุ่นวายและมองว่ารู้สึกว่าพวกเขาเป็นคนไร้เหตุผล[6]
โดยก่อนหน้านี้ ได้มีเหตุการณ์กรณีเดียวกันคืออนิเมะทางโทรทัศน์เรื่อง YAT ตะลุยอวกาศ ตอนที่ 25 ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ. 1997 ก่อนเกิดเหตุการณ์นี้ ซึ่งผู้ชมที่รับชมตอนดังกล่าวเกิดอาการเดียวกัน แต่ทว่ามีจำนวนผู้ชมที่รับผลกระทบในตอนนั้นยังไม่เยอะมากเท่าโปเกมอน
อย่างไรก็ตาม หลังจากผลกระทบของเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น ทำให้สื่อต่างๆ ทั้งอนิเมะ, ละครไลฟ์แอ็คชัน ที่ใช้เทคนิคแสงกะพริบไวแสงนั้น ต่างก็เริ่มปรับเปลี่ยนไม่ใช้แสงกะพริบไวแสงหรือปรับปรุงลดใช้แสงลง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยแบบโปเกมอน รวมไปถึงสื่อสำนักข่าวต่างๆ งดใช้แสงแฟลชในการถ่ายจากกล้องถ่ายรูป จนเวลาผ่านไป เหตุการณ์โปเกมอนช็อกค่อยๆ เริ่มซาลงไป
หลังจากเหตุการณ์นี้เป็นข่าวดังไปทั่วโลก ทางสถานีโทรทัศน์ทีวีโตเกียวต้องออกมาขอโทษและสั่งระงับการออกอากาศอนิเมะโทรทัศน์โปเกมอนเป็นการชั่วคราว รวมถึงรายการโทรทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับโปเกมอนตั้งแต่รายการพิเศษ และ รายการโอฮะสตาร์ ในช่วงเปิดเผยข้อมูลขาวสารเกี่ยวกับโปเกมอน เพื่อค้นหาสาเหตุที่เกิดขึ้น จนกว่าจะทราบผลการสอบสวน นอกจากนี้ ในวันที่ 17 ธันวาคม ปีเดียวกัน หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ในช่วงที่ออกอากาศอนิเมะเรื่อง อูเทนะ พลิกฟ้าตามหารัก ได้มีข้อความประกาศเรียกร้องไม่ให้ผู้บันทึกเทปอนิเมะโปเกมอนตอนดังกล่าวที่ออกอากาศเมื่อวาน และวันที่ 18 ธันวาคม วันถัดไปอีกวัน โคอิจิ ยามาเดระ พิธีกรหลักของรายการโอฮะสตาร์ในขณะนั้น ได้ประกาศขอความร่วมมือไม่บันทึกเทปตอนที่เกิดขึ้นเช่นกัน
หลังผ่านครบ 1 สัปดาห์หลังจากเกิดข้อพิพาทดังกล่าว ทางสถานีโทรทัศน์ได้นำอนิเมะเรื่อง ยามาซากิ ราชันย์ชั้นเรียน มาออกอากาศแทน นอกจากนี้ทางทีวีโตเกียวสั่งงดออกอากาศรายการที่เกี่ยวข้องกับโปเกมอน รวมไปถึงทางสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นและเครือข่ายอื่นๆ ทำให้การออกอากาศล้าช้าเป็นอย่างมาก และร้องขอสั่งลบวิดีโอตอนดังกล่าวจากร้านเช่าวิดีโอออก
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ทาง NHK ได้เปิดตัวโครงการ ทบทวนปัญหาแอนิเมชัน โดยได้เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้มีผู้ชมที่เป็นเด็กถึง 4 คน มีอาการสภาพร่างกายไม่ดี หลังจากชมอนิเมะเรื่อง YAT ตะลุยอวกาศ และเป็นสาเหตุเดียวกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้มีคำกล่าวขอโทษว่า หากเราตรวจสอบสาเหตุในเวลานั้น เหตุการณ์นี้อาจไม่เกิดขึ้น
ในเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 1998 NHK และ สมาคมผู้ประกอบการแพร่ภาพกระจายเสียงเชิงพาณิชย์แห่งประเทศญี่ปุ่น ได้มีกำหนดข้อหลักเกณฑ์สำหรับแอนิเมชันและเทคนิคภาพยนตร์ โดยผู้ประกอบธุรกิจแต่ละรายให้ความสำคัญการแสดงออกของสื่อด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
เพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทาง NHK ได้ออกรายการพิเศษฉุกเฉินชื่อว่า TV อนิเมะ ~ทำไมเด็กๆ ถึงล้มลง~ นอกจากนี้ เพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์นี้ NHK ได้เพิ่มข้อกำหนดว่า "การพิจารณาผลกระทบของเทคนิควิดีโอ เช่น แอนิเมชั่นบนร่างกาย" ได้ถูกเพิ่มเข้าไปใน "มาตรฐานรายการในประเทศของสมาคมผู้ประกอบการแพร่ภาพกระจายเสียงเชิงพาณิชย์แห่งประเทศญี่ปุ่น" บทที่ 1 ส่วนที่ 11 "การแสดงออก" บังคับใช้เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2541 ภายหลังการปรึกษาหารือและการรายงานต่อสภารายการกระจายเสียงกลางและมติของคณะกรรมการบริหาร NHK
ทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้ กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งกลุ่มวิจัยทางคลินิกเกี่ยวกับอาการชักจากแสง, กระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคมประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งกลุ่มวิจัยด้านกิจการกระจายเสียงและโสตทัศนูปกรณ์ รวมไปถึง NHK และสหพันธ์กิจการกระจายเสียงและกระจายเสียงเชิงพาณิชย์แห่งประเทศญี่ปุ่น ได้ทำการตกลงที่จะกำหนดแนวปฏิบัติร่วมกัน
ในส่วนกระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคมออกประกาศเตือนอย่างเข้มงวดเมื่อวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 1998 ในนามอธิบดีกรมกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ฐานฝ่าฝืนวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติกิจการกระจายเสียงและกิจการวิทยุกระจายเสียง ขอเรียกร้องให้ TV Tokyo ดำเนินมาตรการการกำหนดแนวปฏิบัติเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำอีกครั้ง[7]
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเริ่มซาลง มีเสียงของผู้ชมหลายคนที่ต้องการเรียกร้องให้อนิเมะโปเกมอนกลับมาออกอากาศอีกครั้ง และจากความคิดเห็นทั้งหมด 3,076 ความคิดเห็นจากทีวีโตเกียว พบว่า 2,223 ความคิดเห็น หรือ 72% ต้องการให้กลับมาออกอากาศต่อ ทำให้อนิเมะโปเกมอน ถูกอนุมัติกลับมาออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ทีวีโตเกียวอีกครั้ง ต่อมาเมื่อวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 1998 NHK และสมาคมผู้ประกอบการแพร่ภาพกระจายเสียงเชิงพาณิชย์แห่งประเทศญี่ปุ่น ได้ประกาศว่าจะกลับมาออกอากาศภายในวันที่ 16 เมษายน
เมื่อวันที่ 8 เมษายน NHK และสมาคมผู้ประกอบการแพร่ภาพกระจายเสียงเชิงพาณิชย์แห่งประเทศญี่ปุ่น ได้ประกาศสร้างกฏหลักเกณฑ์ปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้สื่อประกอบต่างๆ เช่นฉากแสงกระพริบ และเมื่อวันที่ 11 เมษายน เวลา 13:00 น. ถึง 14:00 น. ได้มีรายการพิเศษ รายงานการตรวจสอบปัญหาอนิเมะโปเกมอน (アニメポケットモンスター問題検証報告) ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ทีวีโตเกียวและสถานีในเครือทั้ง 6 แห่ง และอนิเมะโปเกมอนได้ย้ายวันและเวลาออกอากาศจากทุกวันอังคารเป็นทุกวันพฤหัสบดี ในช่วงเวลาไพร์มไทม์ เวลา 19:00 น. เมื่อวันที่ 16 เมษายน ตามประกาศกำหนดการณ์ไว้ ซึ่งตอนที่ออกอากาศตอนใหม่นั่นก็คือ ป่าของพิคาชู และ 4 พี่น้องอีวุย โดยออกอากาศ 2 ตอนใน 1 ชั่วโมงเพื่อกลับมาออกอากาศอีกครั้ง ผลการสำรวจของ Video Research ในช่วงนั้น เรทติ้งของตอนใหม่ที่ได้กลับมาออกอากาศอยู่ที่ 16.2%[8]
หลังจากที่อนิเมะโปเกมอนกลับมาออกอากาศอีกครั้ง จุดเปลี่ยนแปลงของตัวอนิเมะคือ ฉากพิคาชูที่ใช้ท่าไม้ตายหนี่งแสนโวลต์ ได้ปรับเปลี่ยนเอฟเฟกต์ให้แสงสว่างจากกระแสไฟฟ้าลดลง และภาพในเพลงเปิดได้ปรับเปลี่ยนบางส่วน โดยภาพฉากโปเกมอนได้เปลี่ยนจากภาพโปเกมอนภาพต่อภาพมาเป็นภาพเรียง 4 ตัว และในเวอร์ชันที่ออกอากาศทางช่องทีวีดาวเทียมญี่ปุ่นคิดส์สเตชัน ภาพอินโทรของเพลงเปิด เมะซาเสะ โปเกมอนมาสเตอร์ ได้เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน รวมไปถึงฉากพักโฆษณาตัดส่วนเอฟเฟกต์ไฟฟ้าออกไปหมด
ในส่วนของโพรีกอน หลังจากเกิดเรื่อง โพรีกอน ไม่มีบทบาทและปรากฏตัวในอนิเมะตอนอื่นอีกเลย รวมไปถึงร่างพัฒนาเพิ่มเติมอย่าง โพรีกอน 2 และ โพรีกอน Z แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งโพรีกอนและร่างพัฒนาก็มีปรากฏตัวในภาพยนตร์โปเกมอน จากฉากช่วงเกริ่นนำของเรื่อง
จากเหตุการณ์นี้ทำให้มีสื่อล้อเลียนโปเกมอนเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยปรากฏการเย้ยหยันในเรื่องเดอะซิมป์สันส์ ตอน Thirty Minutes over Tokyo[9] และเรื่องเซาท์พาร์ก ตอน Chinpokomon[10]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.