Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
จอห์น ฟอบส์ แนช จูเนียร์ (อังกฤษ: John Forbes Nash, Jr.; 13 มิถุนายน 1928 – 23 พฤษภาคม 2015[2]) เป็นนักคณิตศาสตร์ชาวอเมริกัน มีความเชี่ยวชาญเรื่องทฤษฎีเกม, เรขาคณิตเชิงอนุพันธ์ และสมการเชิงอนุพันธ์แบบแบ่งส่วน ดำรงตำแหน่งนักวิจัยอาวุโสสาขาคณิตศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ ประจำปี 1994 จากผลงานเรื่องทฤษฎีเกมร่วมกับ Reinhard Selten และ John Harsanyi
จอห์น ฟอบส์ แนช จูเนียร์ | |
---|---|
จอห์น ฟอบส์ แนช จูเนียร์ในปี 2006 | |
เกิด | 13 มิถุนายน ค.ศ. 1928 บลูฟิลด์ รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา |
เสียชีวิต | พฤษภาคม 23, 2015 ปี) เขตการปกครองท้องถิ่นมอนโร รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา | (86
สัญชาติ | อเมริกัน |
ศิษย์เก่า |
|
มีชื่อเสียงจาก |
|
คู่สมรส | อลิเซีย แนช (สมรส ค.ศ. 1957–1963) (หย่า); (สมรส ค.ศ. 2001–2015) (เสียชีวิตทั้งคู่) |
บุตร | 2[1] |
รางวัล |
|
อาชีพทางวิทยาศาสตร์ | |
สาขา | |
สถาบันที่ทำงาน | |
อาจารย์ที่ปรึกษาในระดับปริญญาเอก | อัลเบิร์ต ดับเบิลยู. ทัคเกอร์ |
ชีวประวัติของแนชได้มีการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ที่โด่งดังในวงการฮอลลีวูด ชื่อ ผู้ชายหลายมิติ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ได้ถึง 8 รายการ เนื้อหาในภาพยนตร์จะเกี่ยวกับนักคณิตศาสตร์ผู้ปราชญ์เปรื่องคนหนึ่งที่มีชื่อเดียวกับเขา และต้องต่อสู้กับโรคประสาทหลอนเช่นเดียวกัน
แนชเกิดและเติบโตในรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย บิดาของเขาคือ จอห์น ฟอบส์ แนช เป็นวิศวกรไฟฟ้าและมารดาของเขาคือ มากาเรต เวอร์จิเนีย มาร์ติน เป็นครูสอนวิชาภาษาอังกฤษและภาษาละติน ต่อมา เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1930 มารดาของเขาก็ได้ให้กำเนิดน้องสาว คือ มาร์ธา แนช
เมื่อแนชอายุได้ 12 ปี เขาก็เริ่มทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ภายในห้องนอนของเขา แนชเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัวเงียบและไม่อยากจะทำงานร่วมกับผู้อื่น เขาชอบทำงานตัวคนเดียวมากกว่า เขาปฏิเสธการอยู่ห้องร่วมกับคนอื่น แนชปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมชั้นไม่ได้เพราะเพื่อนๆมักจะแกล้งเขาเสมอและเขามักจะนึกว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่น เขาเชื่อว่าการเต้นรำและการเล่นกีฬาเป็นสิ่งที่ทำให้เขาไม่มีสมาธิกับการทดลองและการเรียนของเขา
มาร์ธา น้องสาวของจอห์น แนชดูเป็นคนปกติมากกว่าจอห์น และจอห์นก็ดูผิดปกติไปจากเด็กคนอื่นๆ มาร์ธาเล่าว่า "จอห์นนี่เป็นคนที่ผิดปกติจากคนอื่น พ่อแม่ก็รู้ว่าเขาผิดปกติ แต่พวกเขาก็รู้ว่าจอห์นนี่ฉลาด เขามักจะทำอะไรด้วยวิธีของตัวเอง แม่บอกว่าการที่ฉันเป็นเพื่อนเล่นให้กับเขาคือสิ่งที่ฉันทำได้เพื่อเขา... แต่ฉันก็ไม่ค่อยสนใจหรอกว่าพี่ชายฉันเป็นคนค่อนข้างแปลก"[3]
แนชเขียนไว้ในหนังสือชีวประวัติของเขาบอกว่า หนังสือเรื่อง Men of Mathematics แต่งโดย E.T. Bell (ที่จริงเป็นเรียงความที่อยู่ใน Fermat) เป็นหนังสือที่ทำให้เขาหันมาสนใจด้านคณิตศาสตร์ แนชเข้าไปเรียนที่วิทยาลัยบลูฟิลด์ตั้งแต่ตอนที่ยังเรียนไฮสกูลอยู่ ต่อมาก็ได้ศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่สถาบันเทคโนโลยีคาร์เนกี (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน) ในเมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย โดยได้รับทุนการศึกษาเวสติงเฮาส์ ตอนแรก แนชสนใจศึกษาวิชาวิศวกรรมเคมี ต่อมาก็มาศึกษาด้านเคมี ก่อนจะหันมาเปลี่ยนเป็นคณิตศาสตร์ในที่สุด เขาสำเร็จการศึกษาโดยได้รับทั้งปริญญาตรีและปริญญาโท ในปี 1948 ที่สถาบันคาร์เนกีนั่นเอง
หลังจากจบการศึกษาแล้ว แนชทำงานในช่วงหน้าร้อนที่เมืองไวท์โอค รัฐแมริแลนด์ โดยเป็นทำวิจัยเกี่ยวกับทหารเรือภายใต้การควบคุมของนักคณิตศาสตร์ชื่อ Clifford Truesdell
ในปี 1948 ช่วงที่แนชกำลังสมัครงานที่ภาควิชาคณิตศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยปรินซ์ตันอยู่นั้น ศาสตราจารย์ R.J. Duffin ที่ปรึกษาของแนชและอดีตศาสตราจารย์แห่งสถาบันเทคโนโลยีคาร์เนกีได้เขียนจดหมายแนะนำตัวให้กับแนชโดยมีใจความสั้น ๆ คือ "เด็กหนุ่มนี้เป็นอัจฉริยะ"[4] แต่ว่ากลายเป็นมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่ตอบรับการสมัครงานของแนชก่อน ซึ่งที่จริงแล้ว ฮาร์วาร์ดเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของเขาเพราะเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงมายาวนานและมีคณะคณิตศาสตร์ที่โด่งดัง แต่ Solomon Lefschetz หัวหน้าภาควิชาคณิตศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยปรินซ์ตันและจอห์น เอส. เคเนดี แนะนำเขาว่าฮาร์วาร์ดคงจะไม่เห็นค่าของเขาเท่าที่มหาวิทยาลัยปรินซ์ตัน[3] จนในที่สุด แนชจึงได้ตัดสินใจย้ายจากไวท์โอคมาทำงานที่มหาวิทยาลัยปรินซ์ตัน และทำงานอยู่ที่นั่นจนเกิดทฤษฎีดุลยภาพของเขา ที่เรียกว่า สมดุลแบบแนช (ทฤษฎีดุลยภาพของแนช) แนชได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตในปี 1950 จากวิทยานิพนธ์เรื่องทฤษฏีเกมแบบไม่มีความร่วมมือกัน[5] โดยมี Albert W. Tucker เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา วิทยานิพนธ์นี้ส่วนหนึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับนิยามและคุณสมบัติของสิ่งที่ต่อมาเรียกว่า "ดุลยภาพของแนช" ซึ่งเกี่ยวกับ 3 ประเด็นหลักดังนี้ :
นอกจากนั้น แนชยังได้มีผลงานสำคัญๆเกี่ยวกับเรขาคณิตเชิงพีชคณิตอีกด้วย คือ:
ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขาในสาขาของคณิตศาสตร์บริสุทธิ์ คือ Nash embedding theorem
ในปี 2015 แนชและหลุยส์ นิเรนเบิร์ก ได้รับรางวัลอาเบล สำหรับผลงานด้านสมการเชิงอนุพันธ์[6][7] แต่ต่อมาในวันที่ 23 พฤษภาคม 2015 แนชและภรรยา อลิเซีย แนช ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต ขณะทั้งคู่โดยสารรถแท็กซี[8][9]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.