เหตุกราดยิงที่มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียเทค
From Wikipedia, the free encyclopedia
37.227°N 80.422°W / 37.227; -80.422
การกราดยิงที่เวอร์จิเนียเทก | |
---|---|
เป็นส่วนหนึ่งของ การกราดยิงหมู่ในสหรัฐ | |
การจุดเทียนระลึกในคืนวันที่ 17 เมษายน 2007 ด้านหน้าเบอร์รัสฮอลล์
| |
สถานที่ | แบล็กสเบิร์ก รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐ |
พิกัด | 37.2231°N 80.4211°W / 37.2231; -80.4211 (Ambler Johnston Hall)[1] 37.2294°N 80.4231°W / 37.2294; -80.4231 (Norris Hall)[2] |
วันที่ | 16 เมษายน 2007; 17 ปีก่อน (2007-04-16) ป. 7:15 – 9:51 a.m.[3]: 25 (EDT) |
เป้าหมาย | นักศึกษา อาจารย์ ที่เวอร์จิเนียเทก |
ประเภท | กราดกราดยืงในโรงเรียน, การกราดยิงหมู่, ฆาตกรรมหมู่, ฆาตกรรมและฆ่าตัวตายตาม, การยิงโดยสุ่ม |
อาวุธ | |
ตาย | 33 (รวมผู้ก่อเหตุ)[5]: 127 |
เจ็บ | 23 (17 จากบาดแผลกระสุนปืน, 6 จากการกระโดดออกทางหน้าต่าง)[6]: 92 [7] |
ผู้ก่อเหตุ | โช ซิง-ฮี |
ผู้ต่อต้าน |
|
เหตุจูงใจ | สรุปไม่ได้ (เป็นไปได้ส่ามาจก ความเกลียดชังมนุษย์ หรือ ล้างแค้นการกลั่นแกล้ง) |
การกราดยิงที่เวอร์จิเนียเทก เป็นการยิงต่อเนื่องโดยสุ่มเมื่อ 16 เมษายน 2007 ประกอบด้วยการโจมตีสองครั้งในวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยรัฐและสถาบันเทคโนโลยีเวอร์จิเนียในแบล็กส์เบิร์ก รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา ผู้ก่อเหตุคือโช ซึง-ฮี นักศึกษาปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยนี้ ชาวเกาหลีใต้ผู้อยู่อาศัยในสหรัฐ ฆาตกรรมเหยื่อรวม 32 ราย และบาดเจ็บ 17 คน โดยใช้อาวุธปืนพกกึ่งอัตโนมัติสองกระบอก ผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหกคนจากเหตุการณ์เป็นการบาดเจ็บหลังกระโดดหนีออกทางหน้าต่าง
การกราดยิงระลอกแรกเริ่มต้นที่เวสต์ แอมเบลอร์ จอห์นสตัน ฮอลล์ (West Ambler Johnston Hall) อาคารหอพัก มีผู้เสียชีวิตสองราย ส่วนการกราดยิงระลอกหลักเป็นการกราดยิงในสถานศึกษา ก่อเหตุที่นอริสฮออล์ (Norris Hall) อาคารเรียน โชเดินเข้ามายังอาคารเรียนนี้ ใช้โซ่ล่ามปิดประตูทางเข้าทั้งหมด และกราดยิงเข้าไปในห้องเรียนสี่ห้องและตามทางบันได มีผู้เสียชีวิตเพิ่มสามสิบราย ในขณะที่ตำรวจกำลังบุกเข้าอาคารเรียน โชยิงตัวตายเข้าทางศีรษะ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เหตุการณ์นี้ถือเป็นการกราดยิงหมู่ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของสหรัฐในเวลานั้น กระทั่งเก้าปีต่อมาที่ซึ่งเกิดเหตุกราดยิงหมู่ที่ไนต์คลับในออร์แลนโด ตามด้วยเหตุกราดยิงหมู่ในลาสเวกัสในปีต่อมา เหตุการณ์นี้ยังคงเป็นการกราดยิงในสถานศึกษาที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด และเป็นครั้งที่เลวร้ายที่สุดในรัฐเวอร์จิเนีย
เหตุการณ์นี้นำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงวัฒนธรรมปืนในสหรัฐ[9] และกระตุ้นให้เกิดการถกเถียงว่าด้วยความรุนแรงจากปืน, กฎหมายควบคุมปืน, ช่องโหว่ในระบบการรักษาสุขภาพจิตในสหรัฐ, สภาวะจิตใจของผู้ก่อเหตุ, ความรับผิดชอบของผู้บริหารเวอร์จิเนียเทก,[10] กฎหมายว่าด้วยความเป็นส่วนตัว, จริยธรรมในการทำข่าว และปัญหาอื่นอีกมากมาย หน่วยงานข่าวที่ออกอากาศบางส่วนของประกาศเจตจำนงในรูปมัลติมีเดียของโชถูกวิจารณ์โดยครอบครัวของเหยื่อ, หน่วยบังคับใช้กฎหมายของรัฐ และสมาคมจิตแพทย์อเมริกัน[11][12]
ก่อนหน้านี้ โชเคยถูกวินิจฉัยด้วยภาวะไม่ยอมพูดในบางสถานการณ์ และโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง ตลอดช่วงชีวิตในโรงเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลาย เขาได้รับการรักษาและการศึกษาสำหรับเด็กพิเศษ เขาเข้าศึกษาต่อที่เวอร์จิเนียเทกหลังจบการศึกษา เนื่องด้วยกฎหมายเรื่องความเป็นส่วนตัวของสหรัฐ มหาวิทยาลัยไม่ทราบถึงประวัติการวินิจฉัยโรคและประวัติการเข้ารับการศึกษาสำหรับเด็กพิเศษของโช ในปี 2005 โชถูกกล่าวหาว่าแอบติดตามนักศึกษาหญิงสองคน[13] หลังการตรวจสอบในครั้งนั้น โชได้รับการประกาศจากหน่วยยุติธรรมพิเศษให้เป็นผู้มีความเจ็บป่วยทางจิตและมีคำสั่งให้เข้ารับการรักษา กระนั้น โชไม่เคยเข้ารับการรักษาในหน่วยงานใด ๆ (institutionalized) ซึ่งทำให้เขาสามารถซื้ออาวุธปืนได้[14] เหตุการณ์นี้ส่งผลให้รัฐเวอร์จิเนียปิดช่องว่างทางกฎหมายซึ่งทำให้บุคคลที่ผิดปกติทางจิตโดยคำสั่งศาลสามารถซื้อปืนได้ตราบที่ไม่มีขึ้นทะเบียนกับระบบ National Instant Criminal Background Check System (NICS)[15]