การประท้วงเพื่อต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า คือการประท้วงที่นำโดยคณะพระภิกษุสงฆ์ แม่ชี นักศึกษาและประชาชน ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2550 จากการไม่พอใจของประชาชนต่อการประกาศขึ้นราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเกือบเท่าตัว และขึ้นราคาก๊าซหุงต้มถึง 5 เท่าอย่างฉับพลันโดยมิได้ประกาศแจ้งบอกของรัฐบาลทหารพม่า[1] การประท้วงเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยมา จนถึงวันที่ 5 กันยายน มีการชุมนุมประท้วงที่วัดแห่งหนึ่งในเมืองปะโคะกู ทางตอนกลางของประเทศ เจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุม และมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก รวมทั้งพระสงฆ์จำนวน 3 รูป สื่อมวลชนบางแห่งเรียกเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า Saffron Revolution หรือ "การปฏิวัติผ้ากาสาวพัสตร์"[2][3]

ข้อมูลเบื้องต้น การปฏิวัติผ้ากาสาวพัสตร์, วันที่ ...
การปฏิวัติผ้ากาสาวพัสตร์
ส่วนหนึ่งของ การปฏิวัติสี
Protesters in Yangon with a banner that reads non-violence: national movement in Burmese, in the background is Shwedagon Pagoda
ผู้ประท้วงในย่างกุ้งที่ถือป้าย ไม่ใช้ความรุนแรง: ขบวนการระดับชาติ ในภาษาพม่า ด้านหลังคือเจดีย์ชเวดากอง
วันที่15 สิงหาคม ค.ศ. 2007 – 26 กันยายน ค.ศ. 2008
สถานที่ประเทศเมียนมาร์
สาเหตุ
เป้าหมาย
วิธีการการประท้วงของพลเรือน, การเดินขบวน, การประท้วงโดยไม่ใช้รุนแรง
ผลเกิดการปราบปรามการจลาจล, ปฏิรูปการเมือง และเลือกตั้งใหม่
ปิด
การชุมนุมกันบริเวณเจดีย์ชเวดากอง ย่างกุ้ง

คณะพระภิกษุ ซึ่งเป็นสถาบันที่ได้รับความเคารพอย่างสูงจากชาวพม่า ประกาศ "ปฐมนิคหกรรม" ไม่รับบิณฑบาตจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลทหารพม่า ทหาร และครอบครัว และเรียกร้องให้ทางการพม่า ขอโทษองค์กรสงฆ์อย่างเป็นทางการภายในวันที่ 17 กันยายน แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง ภิกษุสงฆ์จึงเริ่มเข้าร่วมการประท้วงด้วย ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน เมื่อรวมผู้ประท้วงแล้วมากกว่า 1 แสนคน การประท้วงต่อต้านรัฐบาลเผด็จการครั้งนี้จึงนับว่าเป็นการประท้วงต่อต้านครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่การประท้วงเมื่อปี พ.ศ. 2531 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 3,000 คน ในการใช้กำลังทหารเข้าสลายการประท้วง[4]

เมื่อวันเสาร์ที่ 22 กันยายน คณะสงฆ์และประชาชนได้เดินทางไปยังบ้านพักนางออง ซาน ซูจี ผู้นำประชาธิปไตยในพม่า ซึ่งนางอองซานได้ออกมาปรากฏตัวเป็นเวลา 15 นาที โดยการเปิดประตูเล็กของประตูบ้าน พร้อมกับพนมมือไหว้พระสงฆ์ที่กำลังให้พร การปรากฏตัวครั้งนี้นับเป็นการปรากฏตั้วต่อหน้าสาธารณชนครั้งแรกในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2546[5]

จนถึงวันที่ 27 กันยายน รัฐบาลพม่าได้แถลงการณ์ออกมาแล้วว่ามีผู้เสียชึวิตจากเหตุการณ์แล้ว 9 คน โดยหนึ่งในนั้นเป็นช่างภาพชาวญี่ปุ่นที่ทำงานให้กับสำนักข่าวเอเอฟพี นายเค็นจิ นางาอิ (長井 健司)[6][7] พร้อมกันนั้นรัฐบาลพม่าได้จับกลุ่มผู้ชุมนุมและพระสงฆ์ไปเป็นอีกจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 29 กันยายน ทูตพิเศษของสหประชาชาติ นายอิบราฮิม กัมบารี ได้เดินทางถึงพม่าแล้ว โดยมีจุดมุ่งหมายคือเจรจากับรัฐบาลพม่าเรื่องดังกล่าว และนำสารจากเลขาธิการสหประชาชาติมาให้ นอกจากนั้นนายอิบราฮิมยังกล่าวว่าเขาหวังที่จะเข้าพบกับบุคคลที่สมควรพบทุกคนอีกด้วย[8]

ช่วงเวลา

ก่อนการประท้วง

ก่อนจะเกิดการประท้วงนั้น มีความไม่พอใจของประชาชนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย การเจริญทางเศรษฐกิจหยุดนิ่ง จนกลายเป็นประเทศยากจนที่สุด 20 อันดับแรกสุดของสหประชาชาติ สหประชาชาติได้ประณามความเป็นผู้นำของกองทัพในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และการนำรายได้ของชาติไปใช้ในทางทหาร[9] ใน พ.ศ. 2549 ราคาของสินค้าหลายชนิดในพม่าเริ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งข้าว ไข่ และน้ำมันปรุงอาหาร ซึ่งเพิ่มขึ้น 30–40% เด็ก 1 ใน 3 คนเป็นโรคขาดสารอาหาร ค่าใช้จ่ายทางด้านสุขภาพและการศึกษาจัดอยู่ในกลุ่มที่ต่ำที่สุดในโลก รายได้เฉลี่ยต่ำกว่า 300 เหรียญสหรัฐ กองทัพพม่าดำรงอยู่ในฐานะรัฐซ้อนรัฐ มีความเป็นอยู่ที่ต่างจากส่วนอื่น ๆ ของประเทศ นายพลในกองทัพมีฐานะร่ำรวย ดังที่เห็นในงานแต่งงานของลูกสาวนายพลต้านชเว ซึ่งสวมเครื่องเพชรที่มีมูลค่าหลายล้านเหรียญสหรัฐ[10][11] ตามรายงานของบีบีซีในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 มีผู้ประท้วงกลุ่มเล็กออกมาประท้วงเกี่ยวกับราคาสินค้าภายในประเทศ มีผู้ถูกจับ 9 คน ซึ่งเป็นการประท้วงครั้งแรกในรอบสิบปีในย่างกุ้ง

เมษายน

กองทัพได้จับกุมประชาชน 8 คนเมื่อ 22 เมษายน พ.ศ. 2550 ที่ออกมาประท้วงในย่างกุ้ง เรียกร้องให้ลดราคาสินค้า ปรับปรุงบริการทางด้านสุขภาพ การศึกษา การประท้วงสิ้นสุดโดยสงบภายใน 70 นาที เมื่อรัฐบาลแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนที่จะปราบปรามผู้ประท้วง มีผู้ประท้วง 2 คนได้รับบาดเจ็บ

15 สิงหาคม ปัญหาราคาเชื้อเพลิง

ในวันที่ 15 สิงหาคม รัฐบาลได้ยกเลิกเงินอุดหนุนราคาเชื้อเพลิง ทำให้ราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ราคาเพิ่มขึ้นจาก 1.40 เหรียญต่อแกลลอนเป็น 2.80 เหรียญต่อแกลลอน ราคาแก๊สธรรมชาติเพิ่มขึ้น 500% ทำให้ราคาอาหารเพิ่มสูงขึ้น มีประชาชนออกมาประท้วง กองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารโลกได้ให้คำแนะนำว่า การเพิ่มเงินอุดหนุนเป็นการเปิดโอกาสให้ใช้ตลาดเสรีในการกำหนดราคาเชื้อเพลิง[12] โดยไม่ได้แนะนำให้ยกเลิกเงินอุดหนุนโดยไม่ประกาศ เชื้อเพลิงนี้ขายโดยบริษัทน้ำมันและแก๊สเมียนมาซึ่งเป็นบริษัทของรัฐ

การประท้วงในช่วงเริ่มต้น

ในการตอบสนองต่อการเพิ่มราคาน้ำมัน ประชาชนได้เริ่มออกมาประท้วงในวันที่ 19 สิงหาคม รัฐบาลได้เริ่มจับกุมผู้ประท้วง 13 คน หนังสือพิมพ์ของรัฐ New Light of Myanmar รายงานการกระทำของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประท้วงทำให้เกิดความวุ่นวายที่เป็นอันตรายต่อสันติภาพและความปลอดภัยของรัฐ[13] ในวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2550 กองทัพพม่าได้เข้ามาปราบปรามการประท้วงโดยสงบในปะกกกู และทำร้ายพระสงฆ์ 3 รูป[14] ในวันต่อมา พระสงฆ์รุ่นหนุ่มในปะกกกูได้ออกมาเรียกร้องให้กล่าวคำขอโทษภายในวันที่ 17 กันยายน แต่ฝ่ายทหารปฏิเสธ ทำให้มีการประท้วงโดยพระสงฆ์เพิ่มขึ้น พร้อมกับการงดบริการทางศาสนาสำหรับกองทัพ การประท้วงได้แพร่กระจายไปทั่วพม่ารวมทั้งในย่างกุ้ง ชิตเว ปะกกกู และมัณฑะเลย์

ในวันที่ 21 – 22 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ผู้เข้าร่วมการประท้วงในวันที่ 19 สิงหาคมถูกค้นบ้านโดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นโดยไม่เตือนล่วงหน้า ผู้ประท้วงถูกจำคุก 1 ปี ตามกฎหมาย 5/96 ในฐานะผู้ก่อกวนความสงบของรัฐ

การเพิ่มความรุนแรง

ในวันที่ 22 กันยายน พระสงฆ์ 2,000 รูป ออกมาเดินขบวนในย่างกุ้งและอีกพันรูปในมัณฑะเลย์ และยังมีการประท้วงในอีก 5 เมือง ขบวนได้เดินผ่านหน้าบ้านของอองซาน ซูจี[15] แม้จะอยู่ระหว่างถูกกักตัว ซูจีได้ออกมาปรากฏกายที่ประตูบ้าน ในวันที่ 23 กันยายน แม่ชี 150 คน เข้าร่วมประท้วงในย่างกุ้ง ในวันนั้น พระสงฆ์ 15,000 รูป ได้ออกมาเดินขบวนประท้วงทหารพม่า พันธมิตรพระสงฆ์พม่าทั้งมวลประกาศจะต่อต้านต่อไป จนกว่ากองทัพพม่าจะสลายตัว

24 กันยายน

Thumb
การประท้วงของพระสงฆ์ในย่างกุ้ง ถือธงพุทธศาสนา

ในวันนี้ มีพยานรายงานว่ามีผู้ประท้วงในย่างกุ้ง 30,000 - 100,000 คน[16] การเดินขบวนเกิดขึ้นในเมือง 25 เมืองในพม่า ในวันนี้ รัฐมนตรีกระทรวงศาสนา นายพลทุรา มยินต์ หม่อง ออกมาเตือนพระสงฆ์ให้ยุติการประท้วง[17]

25 กันยายน

Thumb
ผู้ประท้วงที่พระเจดีย์ชเวดากอง ย่างกุ้ง

ในวันนี้ กองทัพได้เริ่มปราบปรามและส่งรถบรรทุกทหารไปยังพระเจดีย์ชเวดากอง มีพระสงฆ์ 5,000 รูปและประชาชนเดินขบวนไปยังพระเจดีย์ชเวดากอง[18] มีการประกาศในย่างกุ้งให้ฝูงชนยุติการประท้วง อองซาน ซูจีถูกนำตัวออกจากบ้านไปยังเรือนจำอินเส่ง[19]

การปราบปรามของกองทัพ

26 กันยายน

ในวันที่ 26 กันยายน วิน ไนง์ กลุ่มผู้สนับสนุนประชาธิปไตยถูกจับที่บ้านในย่างกุ้งเมื่อ 2.30 น. หลังจากนำอาหารและน้ำไปให้พระสงฆ์ที่ออกมาประท้วง แต่ถูกปล่อยตัวหลังจากคุมขังไว้ 1 คืน[20] กองทหารเข้าปืดล้อมพระเจดีย์ชเวดากอง และโจมตีกลุ่มผู้ประท้วง 700 คนด้วยแก๊สน้ำตาและกระบอง ตำรวจพร้อมโล่และกระบองเข้าขับไล่พระสงฆ์และผู้ประท้วง 200 คนที่ยังเหลืออยู่ในบริเวณใกล้ประตูทางตะวันออกของพระเจดีย์ชเวดากอง ทหารเข้าปิดล้อมบริเวณพระเจดีย์เพื่อป้องกันไม่ให้เข้ามาประท้วงอีก[21][22] แต่ล้มเหลว ยังมีพระสงฆ์ 5,000 รูปประท้วงในย่างกุ้ง บางคนสวมหน้ากากป้องกันแก๊สน้ำตา ในวันนั้น รายงานว่ามีอย่างน้อยมีพระสงฆ์ 3 รูป และผู้หญิง 1 คน ถูกฆ่า เมื่อกลุ่มประชาชนและพระสงฆ์ยังคงประท้วงต่อไป[23]

27 กันยายน

ในวันที่ 27 กันยายน กองทัพได้ปราบปรามผู้ประท้วงอย่างรุนแรง จับกุมพระสงฆ์อย่างน้อย 200 รูปในย่างกุ้ง และมากกว่า 500 รูปทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ[24] กองทัพได้เข้าจับกุมพระสงฆ์หลายรูปในย่างกุ้งและจุดชุมนุมในสถานที่สำคัญทางศาสนาต่าง ๆ มีผู้ประท้วงมากกว่า 50,000 คน ออกมาสู่ท้องถนนในย่างกุ้ง ฝ่ายทหารเตรียมใช้ยาฆ่าแมลงในการฉีดไล่ฝูงชน ซึ่งมีผู้เห็นรถบรรทุกบรรทุกเครื่องจักรและสเปรย์ฉีดยาในตลาดเทียนจีในย่างกุ้ง[25]

ในข่าวต่าง ๆรายงานว่าทหารได้ประกาศให้ฝูงชนสลายตัว 10 นาทีก่อนจะปราบปรามอย่างรุนแรง[26] สถานีวิทยุเสียงประชาธิปไตยแห่งพม่ารายงานว่าพลเรือน 9 คน รวมทั้งช่างภาพชาวญี่ปุ่น เคนจิ นากาอิ ถูกยิงและถูกฆ่าโดยทหาร[27][28] และถูกยึดกล้องถ่ายรูปไป ทหารพม่าได้ยิงเข้าใส่ทั้งยิงขึ้นฟ้าและยิงใส่ฝูงชนที่ประท้วง มีพยานเห็นผู้ถูกยิงกว่า 100 คน นักเรียนนักศึกษากว่า 300 คนถูกจับกุม หลังจากกองทัพเคลื่อนกำลังเข้าหาฝูงชน มีผู้ประท้วงอย่างสงบ 50,000 คน ในขณะที่ทหารเข้าควบคุมสถานที่สำคัญรวมทั้งที่ทำการของรัฐบาล

ในช่วงเย็น โทรทัศน์ของรัฐบาลพม่ารายงานว่ามีผู้ถูกฆ่า 9 คนในการปราบปรามผู้ประท้วงในย่างกุ้งโดยกองทัพ มีผู้บาดเจ็บเป็นผู้ประท้วง 11 คน และทหาร 31 คน ในวันนี้ มีรายงานอย่างเป็นทางการว่าครอบครัวของตัน ฉ่วยได้เดินทางออกนอกประเทศ โดยเครื่องบินของครอบครัวลงจอดที่เวียงจันทน์ ประเทศลาว[29]

28 กันยายน

ในวันนี้กรุงย่างกุ้งเงียบเหงาเพราะประชาชนหวาดกลัวความรุนแรงจากกองทัพ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ กลอเรีย มากาปากัลป์ ได้เรียกร้องให้พม่าดำเนินการไปตามขั้นตอนประชาธิปไตย ฟิลิปปินส์จะระงับความช่วยเหลือทางการเงินแก่พม่าถ้าไม่ปล่อยตัวอองซาน ซูจี สหรัฐเรียกร้องให้จีนแสดงอิทธิพลต่อพม่า

รัฐบาลพม่าพยายามหยุดยั้งการประท้วงโดยตัดการให้บริการอินเทอร์เน็ต ทหารได้มุ่งเป้าในการจับกุมช่างภาพ หลังจากช่างภาพชาวญี่ปุ่นถูกทหารพม่าสังหาร นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ยาซูโอะ ฟุกุดะ ได้ออกมาแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตและเรียกร้องให้มีการสืบสวนขยายผล อาเซียนได้ถกเถียงกันเรื่องการผลักดันให้ส่งตัวแทนสหประชาชาติเข้าสู่พม่า ในขณะที่สภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าใช้ความอดกลั้น

มีรายงานว่าทหารจากภาคกลางเริ่มเคลื่อนพลเข้าสู่ย่างกุ้งโดยทหารเหล่านี้มาจากศูนย์บัญชาการภาคกลางที่ตองอูและกองบัญชาการตะวันออกเฉียงใต้ แต่ไม่ทราบเหตุผลแน่ชัดของการเคลื่อนพล.[30] นายพล หม่อง อเย ซึ่งมีตำแหน่งรองลงมาจากนายพลตัน ฉ่วย[31]แสดงความไม่เห็นด้วยกับการปราบปรามผู้ประท้วง และมีแผนจะเข้าพบอองซาน ซูจี บางแหล่งข่าวรายงานว่าหม่อง อเยเตรียมทำรัฐประหารล้มล้างนายพลตัน ฉ่วย และส่งทหารของเขาออกมาคุ้มกันอองซาน ซูจี และมีรายงานว่าทหารบางกลุ่มไม่ให้ความร่วมมือในการปราบปรามประชาชน[32]

29 กันยายน

Thumb
ผู้ประท้วงชาวพม่าเดินขบวนในชิคาโก

มีรายงานเตือนว่ากองทัพอาจจัดการประท้วงต่อต้านการประท้วงที่เกิดขึ้น โดยบังคับให้ประชาชนเข้าร่วม กลุ่มนักกิจกรรม 88 ได้โต้แย้งสหประชาชาติ รวมทั้งสถานทูตสหราชอาณาจักรและสหรัฐในย่างกุ้ง ให้เปิดบริการเว็บไซต์ที่เข้าถึงได้ด้วยไวไฟ เพื่อต่อต้านการบล็อกอินเทอร์เน็ตของรัฐบาล

มีรายงานว่าตัวแทนสหประชาชาติเข้าพบนายพลหม่อง อเย ผู้บัญชาการคนที่ 2 ของกองทัพ บีบีซีรายงานว่ามีคนหลายร้อยคนถูกจับในย่างกุ้ง มีพยานรายงานว่าผู้ประท้วงถูกล้อมรอบด้วยกองกำลังรักษาความปลอดภัยและประชาชนที่นิยมทหาร ผู้สังเกตการณ์จากสหประชาชาติ อิบราฮิม กัมบารี ได้เดินทางมาถึงย่างกุ้งแล้วเดินทางต่อไปยังเนย์ปยีดอว์ทันทีเพื่อพูดคุยกับนายพลในกองทัพพม่า[33]

มีประชาชนออกมาประท้วงในกรุงมัณฑะเลย์ประมาณ 5,000 คน รถทหารได้ขับตามฝูงชน และพยายามแยกประชาชนออกจากกัน กองทัพบังคับให้พระที่มาจากนอกมัณฑะเลย์ให้กลับไปยังเมืองของตน มีการส่งทหารไปล้อมบ้านของอองซาน ซูจีในตอนกลางคืน

30 กันยายน

ในวันนี้ อิบราฮิม กัมบารีได้รับอนุญาตให้เข้าพบอองซาน ซูจี และได้พบปะพูดคุยกัน 90 นาทีในกรุงย่างกุ้ง[34] ตอนเช้าวันนี้ที่ถนนเวยซายันตาร์ในย่างกุ้ง พยานได้เล่าว่า มีทหารเข้ามากวาดต้อนพระสงฆ์ขึ้นรถบรรทุกไป พระที่เป็นหัวหน้ามรณภาพในวันรุ่งขึ้น[35] รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น มิโตจิ ยาบุนากะ ได้เดินทางมาถึงเนปยีดอว์ในวันนี้ เนื่องจากการเสียชีวิตของช่างภาพชาวญี่ปุ่น[36]

1 ตุลาคม

Thumb
พม่าอิสระ ในโอเรกอน

สิ่งกีดขวางรอบ ๆพระเจดีย์ชเวดากองถูกรื้อถอนออกไป แต่ทหารยังคงเฝ้าทางเข้าทั้งสี่ประตู พระสงฆ์กล่าวว่ามีพระอย่างน้อย 5 รูปถูกฆ่าระหว่างการกวาดล้าง ทหารและตำรวจยังคงเฝ้าตามจุดสำคัญในย่างกุ้ง ทำให้การประท้วงเกิดขึ้นไม่ได้[37] ทหารตรวจค้นรถเพื่อหากล้องถ่ายภาพ เครือข่ายอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือถูกรบกวน พระสงฆ์ราว 4,000 รูปเล่าว่าพวกท่านถูกล้อมโดยทหารในสัปดาห์ที่ผ่านมาขณะที่ประท้วง เสียงประชาธิปไตยแห่งพม่าได้เผยแพร่ภาพศพของพระสงฆ์ที่ลอยใกล้ปากแม่น้ำย่างกุ้ง[38] มีผู้ประท้วง 5,000 คนในรัฐยะไข่เรียกร้องให้ปล่อยนักโทษการเมืองทั้งหมด ลดราคาสินค้า และลดความดื้อดึง[39]

2 ตุลาคม

อิบราฮิม กัมบารีเข้าพบอองซาน ซูจีเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่เข้าพบตัน ฉ่วย ที่เนปยีดอว์ โดยแสดงความกังวลถึงความรุนแรงที่ปะทุขึ้น[40] มีพระสงฆ์ปฏิเสธการรับบิณฑบาตจากทหาร[41] สภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติประชุมและอภิปรายเกี่ยวกับเหตุการณ์ในพม่า เรียกร้องให้ปล่อยผู้ถูกจับกุมทั้งหมดระหว่างการประท้วง

3 ตุลาคม

พระสงฆ์ 25 รูปถูกกองกำลังรักษาความปลอดภัยจับกุมที่วัดในย่างกุ้งตอนกลางคืน พระสงฆ์บางส่วนพยายามหนีจากย่างกุ้ง แต่คนขับรถบัสปฏิเสธไม่รับ[42]

4 ตุลาคม

ร่างของเคนจิ นากาอิ นักวารสารชาวญี่ปุ่น ถูกส่งถึงญี่ปุ่น ต้นสังกัดของเขาเรียกร้องให้ทหารคืนกล้องของเขา[43]

5 ตุลาคม

Thumb
ผู้ประท้วงต่อต้านการปราบปรามของกองทัพในพม่า ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อ 5 ตุลาคม

รอยเตอร์รายงานว่าผู้ประท้วงที่ถูกจับตัวได้จะถูกจำคุก 2-5 ปี ส่วนแกนนำถูกจำคุก 20 ปี ทหารพม่าเข้าปรามปรามการประท้วงที่ยะไข่ที่ดำเนินมาได้ 3 วัน[44]

8 ตุลาคม

มีการขว้างปาก้อนหินใส่ทหารในย่างกุ้ง และสามารถจับผู้ขว้างปาก้อนหินบางคนได้[45]

10 ตุลาคม

มีรายงานว่าวิน ชเว สมาชิกสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยเสียชีวิตในสะกายง์ บริเวณภาคกลางของพม่า เขาและผู้ร่วมงานอีก 5 คน ถูกจับเมื่อ 26 กันยายน มีพยานเล่าว่า หน่วยรักษาความปลอดภัยค้นบ้านเรือนผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการประท้วง ร่างของวิน ชเวไม่ได้ถูกส่งคืนให้ครอบครัวแต่ถูกเผาไป[46] มีรายงานว่านายพล 5 คน และทหารอีกราว 400 นายในพื้นที่ใกล้เคียงมัณฑะเลย์ถูกสั่งขังเพราะปฏิเสธที่จะยิงและจับกุมพระสงฆ์ระหว่างการประท้วง[47]

12 ตุลาคม

ทหารได้จับกุมอดีตผู้นำในการประท้วง พ.ศ. 2531 จำนวน 4 คน ทหารได้จัดแรลลี่เพื่อสนับสนุนรัฐบาลในย่างกุ้ง แต่มีผู้เข้าร่วมน้อยกว่าที่รัฐบาลคาดหวัง[48]

16 ตุลาคม

ญี่ปุ่นประกาศยกเลิกการให้เงินสนับสนุนทางด้านทรัพยากรมนุษย์แก่มหาวิทยาลัยย่างกุ้ง เพื่อเป็นการตอบสนองต่อการกระทำของกองทัพพม่า

17 ตุลาคม

รัฐบาลปล่อยตัวแกนนำการประท้วงบางคน เสียงประชาธิปไตยแห่งพม่าได้กล่าวอ้างว่าประธานพรรค NLD อู จอไคน์และเลขาธิการพรรค โก มัน อ่อง ถูกจำคุก 7 ปีครึ่ง อู ทุนจี และอู ทันเป สมาชิกพรรค ถูกจำคุก 4 ปีครึ่ง อู เซ่งจออยู่ระหว่างการสอบสวน มีสมาชิกพรรคถูกจับกุมไปทั้งหมด 280 คน โดยถูกจับในมัณฑะเลย์ 50 คน[49] และอู อินทริยา พระสงฆ์ที่เป็นผู้นำการประท้วงในชิตตเวถูกจำคุก 7 ปีครึ่ง[50]

18 ตุลาคม

อดีตครู 2 คนคือ ติน หม่อง โอ และนินิไมมาขึ้นศาลหลังจากกล่าวต่อต้านกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาล และถูกกลุ่มผู้สนับสนุนจับตัวเมื่อ 16 ตุลาคม ซึ่งศาลให้เข้ามาฟังคำตัดสินในวันที่ 30 ตุลาคม[51]

20 ตุลาคม

รัฐบาลทหารยังประกาศห้ามออกนอกเคหสถานในย่างกุ้งและมัณฑะเลย์[52]

24 ตุลาคม

มีชนกลุ่มน้อยในพม่าราวร้อยคนได้ลี้ภัยไปยังรัฐไมโซรัม ประเทศอินเดีย ที่มีชายแดนติดต่อกับพม่าเพื่อหลีกหนีการปกครองของทหาร โดยพวกเขาถูกบังคับให้เข้าร่วมแรลลีของฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลและต้องจ่ายเงินถึง 10,000 จ๊าด บางส่วนถูกจับกุมเพราะเป็นบาทหลวง ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่เป็นชาวฉิ่นที่นับถือศาสนาคริสต์ ซึ่งกล่าวว่าถูกบีบให้ออกจากพม่าเพราะนับถือศาสนาคริสต์และไม่ใช่ชาวพม่า[53][54]

26 ตุลาคม

ตำรวจปราบจลาจลและทหารหลายร้อยคนพร้อมไรเฟิลเข้าประจำการในถนนในย่างกุ้ง[55] ล้อมรอบพระเจดีย์ชเวดากองและเจดีย์สุเลเพื่อป้องกันการประท้วงอีกรอบหนึ่ง แต่ไม่พบการประท้วงใด ๆเกิดขึ้น

31 ตุลาคม

พระภิกษุมากกว่า 100 รูปเดินขบวนในเมืองปะกกกูทางตะวันตกเฉียงเหนือของย่างกุ้ง ซึ่งเป็นการเดินขบวนครั้งแรกหลังการปราบปรามของกองทัพในเดือนกันยายน[56] พระภิกษุที่ประท้วงกล่าวกับเสียงประชาธิปไตยแห่งพม่าว่า พวกเขายังไม่ได้ในสิ่งที่เรียกร้องคือค่าครองชีพที่ต่ำลง และการปล่อยตัวอองซาน ซูจีโดยทันที รวมทั้งนักโทษการเมืองที่ถูกคุมขังด้วย[57]

กันยายน พ.ศ. 2551

Thumb
เครื่องหมายหยุด

หนึ่งปีหลังการประท้วงเริ่มต้น สัญลักษณ์ของการต่อต้านเล็กน้อยยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเครื่องหมายหยุด ที่ประทับตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อเตือนความจำถึงการประท้วง[58]

ความเสียหาย

จำนวนความเสียหายที่เกิดขึ้นยังไม่ชัดเจน รายงานที่เป็นทางการกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิต 13 ราย[59] ช่างภาพชาวญี่ปุ่น เคนจิ นากาอิ เป็นชาวต่างชาติคนเดียวที่เสียชีวิต แต่เป็นไปได้ว่าจะมีผู้เสียชีวิตมากกว่ารายงานที่เป็นทางการ[60] สภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติรายงานว่า แหล่งข่าวอิสระกล่าวว่ามีพระภิกษุ 30 – 40 รูป และพลเรือน 50-70 คนถูกฆ่า[61] วิทยุเสียงประชาธิปไตยแห่งพม่ารายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 138 คน[62]

การจับกุมและการปล่อยตัว

ในวันที่ 7 ตุลาคม สำนักข่าวอัลญาซีรารายงานว่ามีผู้จับกุมอย่างน้อย 1,000 คน ในวันที่ 11 ตุลาคม มีรายงานว่ามีผู้ถูกจับกุมมากกว่า 2,100 คน และถูกปล่อยตัวมาแล้ว 700 คน[63] แต่แหล่งข่าวต่างประเทศรายงานว่าถูกจับกุมมากกว่า 6,000 คน[64] ในวันที่ 11 พฤศจิกายน ศาลในคุกอินเส่ง สั่งจำคุกสมาชิกกลุ่มนักศึกษา 88 จำนวน 14 คน ที่ถูกจับกุมระหว่างการประท้วงให้ถูกจำคุก 65 ปี นักกิจกรรม 26 คน รวมทั้งพระภิกษุ 5 รูปถูกจำคุก 6-24 ปี[65] อูคัมภีระถูกตัดสินจำคุก 68 ปี[66]

การควบคุมอินเทอร์เน็ต

รัฐบาลพยายามบล็อกเว็บไซต์ทั้งหมดและบริการที่นำข่าวหรือข้อมูลเกี่ยวกับพม่า ป้องกันการเข้าถึงอีเมล แต่ผู้ประท้วงสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้[67] ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในย่างกุ้งรายงานถึงการเซ็นเซอร์การโพสต์ภาพและวีดีโอในบล็อก ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในพม่าพยายามใช้อินเทอร์เน็ตฟอรัมเพื่อหาข้อมูลภายนอกที่ไม่ถูกควบคุมโดยรัฐบาล ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในขณะนั้น ในวันที่ 28 กันยายน มีรายงานว่ารัฐบาลได้สกัดกั้นการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทั้งหมด[68][69]อินเทอร์เน็ตใช้งานได้อีกครั้งในราววันที่ 6 ตุลาคม

ปฏิกิริยาของนานาชาติต่อเหตุการณ์

  • ธงของประเทศสิงคโปร์ สิงคโปร์ - โฆษกรัฐบาลสิงคโปร์ ได้ออกแถลงการณ์ผ่านอีเมลว่า วิตกต่อข่าวการใช้กำลังสลายกลุ่มผู้ชุมนุมในพม่าเป็นอย่างยิ่ง และเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าใช้ความอดกลั้น พร้อมกับขอให้ทุกฝ่ายหาทางสร้างความปรองดองและหลีกเลี่ยงการกระทำที่เป็นการยั่วยุ พร้อมประกาศแนะให้ชาวสิงคโปร์ที่อาศัยอยู่ในพม่าไปลงชื่อในเว็บไซต์ของกระทรวงต่างประเทศ เพื่อจะได้ให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงทีหากเกิดเหตุจำเป็นขึ้นมา[70]
  • ธงของประเทศญี่ปุ่น ญี่ปุ่น - รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น นายมะซะฮิโกะ คุมุระกล่าวว่า ญี่ปุ่นในฐานะเป็นผู้บริจาครายใหญ่ให้แก่พม่ากำลังกดดันให้ทางรัฐบาลพม่าแสดงความอดกลั้นในการตอบโต้ผู้ประท้วง และทางญี่ปุ่นจะยังคงเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดต่อไป
  • ธงของประเทศมาเลเซีย มาเลเซีย - รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย นายซายเอ็ด ฮามิด อัลบาร์ ซึ่งอยู่ระหว่างการร่วมประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา กล่าวว่ามาเลเซียเชื่อว่ามาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อพม่านั้นไม่น่าจะเป็นวิธีการที่ดี แต่หนทางที่ดีสุดในการแก้ไขปัญหาคือให้พยายามสร้างความสมานฉันท์พร้อมให้ดำเนินการจัดร่างรัฐธรรมนูญต่อไป พร้อมหวังว่าสถานการณ์คงไม่เลวร้ายลงไปจนต้องให้สหประชาชาติมาแทรกแซง[71]
  • ธงของสหราชอาณาจักร สหราชอาณาจักร - นายกรัฐมนตรีอังกฤษ นายกอร์ดอน บราวน์ เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจัดประชุมฉุกเฉินเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในพม่าในทันที พร้อมเสนอให้สหประชาชาติส่งผู้แทนพิเศษไปยังพม่า[72]
  • ธงของสหรัฐอเมริกา สหรัฐอเมริกา - ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช กล่าวต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติว่า สหรัฐฯ จะบังคับใช้มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อทั้งผู้นำรัฐบาลและผู้ให้การสนับสนุนทางด้านการเงินนอกจากนี้ พร้อมประกาศว่าจะเพิ่มมาตรการห้ามออกวีซ่ากับคณะผู้นำรัฐบาลพม่าที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน[73]
  • ธงของประเทศจีน จีน - นายกรัฐมนตรีจีน นายเวิน เจีย เป่า ระบุผ่านแถลงการณ์กระทรวงต่างประเทศจีนว่าหลังได้หารือทางโทรศัพท์กับนายกอร์ดอน บราวน์ของอังกฤษ ทางจีนหวังว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในพม่าจะใช้ความอดทนอดกลั้น และใช้สันติวิธีทำให้สถานการณ์กลับคืนสู่ความสงบเรียบร้อยโดยเร็วที่สุด รวมถึงสนับสนุนการสร้างความสมานฉันท์และประชาธิปไตยในชาติ[74] ถึงอย่างไรก็ตาม ทางจีนก็มิได้พูดถึงเรื่องพม่าเลยในการประชุมสหประชาชาติ[75]
  • ทิเบต - องค์ทะไลลามะ ได้กล่าวว่าสนับสนุนกลุ่มพระสงฆ์ที่เรียกร้องเพื่อการอิสรภาพและประชาธิบไตย พร้อมให้พรกับกลุ่มผู้ประชุม และนางอองซานซูจี[76]
  • ธงของสหภาพยุโรป สหภาพยุโรป - โฆษกของนายฆาบิเอร์ โซลานา ผู้ดูแลนโยบายด้านการต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยว่า นายเฮลกา ชมิดต์ รองผู้ดูแลนโยบายด้านการต่างประเทศของอียู ได้เรียกนาย ฮาน ตู่ อุปทูตพม่าประจำกรุงบรัสเซลส์เข้าพบ โดยนายชมิดต์ได้เตือนว่าอียูกำลังเตรียมขยายการคว่ำบาตรกับรัฐบาลทหารพม่า พร้อมกับเตือนว่าตอนนี้อียูกำลังประสานงานกับทั้งจีน และอินเดีย ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของพม่าในเรื่องนี้อยู่ นอกจากนั้นนักการทูตยุโรปในกรุงบรัสเซลส์ก็กำลังหารือกับตัวแทนประเทศอาเซียนทั้งหมด เพื่อกระตุ้นให้ประเทศเหล่านี้ออกมากดดันพม่าด้วย ขณะเดียวกันอียูก็กำลังวางแผนให้การช่วยเหลือชาวพม่าโดยตรงอีกด้วย[77]

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Wikiwand in your browser!

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.

Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.