Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กลุ่มภาษากัม-ไท (อังกฤษ: Kam–Tai languages), ต้ง-ไท (จีน: 侗台语支) หรือ จ้วง-ต้ง (จีน: 壮侗语族) เป็นสาขาภาษาหลักที่มีการเสนอให้จัดแบ่งขึ้นในตระกูลภาษาขร้า-ไท ประกอบด้วยภาษาของชนชาติต่าง ๆ ในจีนตอนใต้และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประมาณกว่าร้อยละ 80 ของภาษาทั้งหมดในตระกูลดังกล่าว[2]
กลุ่มภาษากัม-ไท | |
---|---|
ต้ง-ไท จ้วง-ต้ง | |
ภูมิภาค: | จีนตอนใต้, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, มณฑลไหหลำ |
การจําแนก ทางภาษาศาสตร์: | ขร้า-ไท
|
ภาษาดั้งเดิม: | กัม–ไทดั้งเดิม |
กลุ่มย่อย: | |
กลอตโตลอก: | kamt1241[1] |
Edmondson & Solnit (1988).[3][4] Hansell (1988)[5] ยอมรับการแบ่งกลุ่มภาษากัม-ไทที่แบ่งเป็นกัม-ฉุ่ยกับไท เพราะเบเป็นพี่น้องของสาขาไทที่มีคำศัพท์คล้ายกัน และเสนอกลุ่ม เบ–ไท ในกลุ่มกัม–ไท Norquest (2015) ก็ยอมรับการจัดแบบนี้ด้วย[6]
อย่างไรก็ตาม Ostapirat (2005)[7] และนักภาษาศาสตร์กลุ่มอื่นไม่ใช้การจัดกลุ่มกัม–ไท
Liang & Zhang (1996:18)[8] ประมาณการว่าสาขากัม-ฉุ่ย, ไท และ Hlai เริ่มมีรูปร่างขึอนในประมาณ 5,000 ปีก่อนปัจจุบัน
คำว่ากลุ่มภาษาจ้วง-ต้งนิยมใช้ในหมู่นักวิชาการจีนทั้งในด้านภาษาศาสตร์และวัฒนธรรม ในจีน ภาษานี้ใช้พูดโดยชนกลุ่มน้อย เช่น ชาวจ้วง, ปู้อี, กัม (ต้ง), ไท, ฉุ่ย, มูลัม เหมาหนาน และไหล แต่ก็รวมภาษาของชาวไทย, ลาว, ไทใหญ่, นุง, ต่า, โทในเวียดนามและชนกลุ่มอื่น ๆ ที่พบในไทย ลาว พม่า เวียดนาม นักวิชาการจีนให้กลุ่มภาษาจ้วง-ตั้งอยู่ในตระกูลภาษาจีน-ทิเบต ตระกูลภาษาย่อยทิเบต-พม่า สาขาแม้ว-เย้า [ต้องการอ้างอิง] นักวิชาการบางส่วนในปัจจุบันใช้คำว่าไท-กะไดแทน และถือว่ากลุ่มภาษานี้ไม่มีความสัมพันธ์ทางพันธุศาสตร์กับตระกูลภาษาจีน-ทิเบต แต่น่าจะมีความสัมพันธ์ทางพันธุศาสตร์กับตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน และเกิดสมมติฐานออสโตร-ไทขึ้น
ในจีนผู้พูดกลุ่มภาษากัม-ไทพบในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง มณฑลกุ้ยโจว หูหนาน ยูนนาน กวางตุ้ง และไหหลำ ทางภาคใต้ของจีน ใน พ.ศ. 2533 มีผู้พูดในภาษาในกลุ่มนี้ทั้งหมด 23,262,000 คน ดังต่อไปนี้
ขอบเขตการแพร่กระจายของภาษาในกลุ่มนี้เริ่มจากทางตะวันตกของยูนนานไปจนถึงกวางตุ้งและเกาะไหหลำ ผู้พูดส่วนใหญ่รวมตัวเป็นกลุ่มก้อนท่ามกลางชาวจีนฮั่นหรือชนกลุ่มน้อยอื่นๆ มีความเชื่อที่คล้ายคลึงกันมีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สืบทอดมาด้วยภาษาของตนเองซึ่งน่าจะเริ่มต้นมาจากภาษากัม-ไทดั้งเดิม ชาวเยว่ที่เคยแพร่หลายทางตอนใต้ของจีนสมัยโบราณมีภาษาที่มีบรรพบุรุษเดียวกับภาษาในกลุ่มนี้
เยว่เป็นชื่อทั่วไปที่ใช้เรียกกลุ่มชนที่มีความสัมพันธ์กับชนกลุ่มน้อยต่าง ๆ ที่อยู่ในจีนตอนใต้มาเป็นเวลานาน เนื่องจากมีหลายสาขา เยว่จึงเคยมีชื่อเรียกว่าไป่เยว่ (เยว่ร้อยจำพวก) ในเอกสารประวัติศาสตร์สมัยโบราณของจีนซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่ใหญ่มาก ชนกลุ่มเยว่ในบริเวณต่างกันมีชื่อเรียกต่างกันตั้งแต่ชายฝั่งตะวันออกของประเทศจีนไปจนถึงตะวันออกเฉียงเหนือในพม่ามีชาวเยว่หลายกลุ่ม เช่น หวู่เยว่ (Wuyue 吳越), ยูเยว่ (Yuyue 於越), โอวเยว่หรือเยว่ตะวันออก (Ouyue 甌越), หนานเยว่ (Nanyue 南越/南粵), ซีโอว (Xi'ou 西甌), หลัวเยว่ (Luoyue 雒越/駱越), หยางเยว่ (Yangyue 揚越), หมิ่นเยว่ (Minyue 閩越), ชานเยว่ (Shanyue 山越), กุยเยว่ และเตียนเยว่ (Dianyue 滇越)
ในช่วงสมัยราชวงศ์ฉินจนถึงราชวงศ์ฮั่นตะวันตกเกิดการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ในหมู่ชาวไป่เยว่ในจีนตอนใต้ซึ่งเกิดจากการสู้รบระหว่างชาวไป่เยว่กับรัฐบาลกลางทำให้มีการจัดการปกครองขึ้นใหม่ มีการอพยพของทหารจีนจากตอนเหนือเข้ามา ชาวเยว่เริ่มรวมตัวกันเป็นกลุ่มแยกต่างหากจากผู้อพยพเข้ามาใหม่ เกิดการใช้ชื่อเรียกชาวเยว่ในแต่ละที่เป็นการเฉพาะ คำว่าเยว่จึงหายไปจากประวัติศาสตร์จีน
หลังจากยุคราชวงศ์ฮั่นประมาณพุทธศตวรรษที่ 8 มีชื่อใหม่ เช่น วูฮู ลื้อ และลาวเกิดขึ้น เพื่อใช้เรียกกลุ่มชาวไป่เยว่ที่แตกต่างกัน มีความเห็นที่แตกต่างกันมากในหมู่นักประวัติศาสตร์จีนเกี่ยวกับต้นกำเนิดของคำว่าวูฮู คำว่าลื้อและลาวเริ่มใช้ในพุทธศตวรรษที่ 8-11 ใช้เรียกชาวเยว่ที่อยู่ทางตะวัตกเฉียงใต้ของจีน ในสมัยราชวงศ์ถังมีชื่อของกลุ่มชนลาวกว่า 20 ชื่อ เช่นลาวนานผิง ลาวเจียนนาน ลาววูฮู ลาวปาโจว ลาวอี้โจว ลาวกุ้ยโจว และลาวฉาน
คำว่าจ้วงปรากฏครั้งแรกในหนังสือ A History of the Local Administration in Guangxi เขียนโดย Fan Chengda ในสมัยราชวงศ์ซ้องใต้ แต่โดยมากมักใช้ปะปนกับคำว่าลาว ในกว่างซี คำว่าจ้วงใช้เรียกปนกับพวกลื้อจนถึงสมัยราชวงศ์หมิง ต่อมาจึงใช้คำว่าจ้วงเรียกลูกหลานของกลุ่มชนปู้จ้วงที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกวางสี ทางใต้ของกุ้ยโจวและตะวันตกของกวางตุ้ง
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.