วิหารโปกลองการาย
อาคารทางศาสนาในเวียดนาม จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อาคารทางศาสนาในเวียดนาม จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วิหารโปกลองการาย[1] หรือ วิหารโปกลองก่าหร่าย[2] (อังกฤษ: Po Klong Garai Temple) เป็นหมู่วิหารในศาสนาฮินดูยุคจามปา ตั้งอยู่ในราชรัฐปาณฑุรังคะ (Panduranga) ของชาวจามปา ที่ซึ่งปัจจุบันคือเมืองฟานซาง จังหวัดนิญถ่วน ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม วิหารนี้สร้างขึ้นโดยกษัตริย์ชัยสิงหาวรมันที่ 3 เพื่อบูชากษัตริย์ในตำนาน โปกลองก่าหร่าย ผู้ครองนครปาณฑุรงค์ระหว่างปี 1151 ถึง 1205[3]: 217 [4]
โปกลองการาย | |
---|---|
ศาสนา | |
ศาสนา | ศาสนาฮินดู |
จังหวัด | นิญถ่วน |
เทพ | กษัตริย์โปกลองการาย |
ที่ตั้ง | |
ที่ตั้ง | ฟานซาง |
ประเทศ | เวียดนาม |
พิกัดภูมิศาสตร์ | 11°36′04″N 108°56′49″E |
สถาปัตยกรรม | |
ประเภท | จาม |
ตามตำนาน กษัตริย์โปกลองการาย[1] หรือ โปกลองก่าหร่าย[2] (Po Klong Garai, ในภาษาจาม แปลว่า "กษัตริย์มังกรแห่งชาวก่าหร่าย") เริ่มต้นชีวิตโดยการเป็นคนเลี้ยงวัวที่เป็นที่รัก ต่อมาด้วยชะตาฟ้าลิขิตจึงได้กลายมาเป็นกษัตริย์แห่งจามปา ปกครองชาวจามปาด้วยความเฉลียวฉลาดและเพื่อประโยชน์สุขของปวงชน เมื่อครั้นชาวเขมรเข้ารุกรานดินแดน เขาได้ท้าทายให้พวกเขมรประลองสร้างหอคอย (พระปรางค์) แข่งกันเพื่อยุติการรุกรานนี้ โปกลองก่าหร่ายสามารถเอาชนะชาวเขมรและบังคับให้พวกเขมรต้องถอยทัพกลับไป[5] หลังสิ้นชีวิต โปกลองก่าหร่ายกลายมาเป็นเทพเจ้าและเทพารักษ์แก่ผู้คนที่ยังอาศัยอยู่ ว่ากันว่าหอคอยที่สร้างแข่งกับเขมรในเวลานั้นคือหอคอยโปกลองการาย[6]
กษัตริย์ชัยสิงหวรมันที่สาม (เวียต: Chê Mân) ได้รับการขึ้นชื่อเป็นผู้ก่อสร้างหอคอยโปกลองการายชึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่กษัตริย์โปกลองก่าหร่าย โดยหอคอยนี้สร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่ 13 อย่างไรก็ตาม จารึกจำนวนมากจากสมัยก่อนหน้าเสนอว่ากษัตริย์ชัยสิงหวรมันที่สามน่าจะเพียงแค่ทำนุบำรุงวิหารและก่อสร้างเพิ่มเติมจากโครงสร้างที่มีอยู่แต่เดิม[7]
จารึกหนึ่งจากปี 1050 ที่วิหารโปกลองการายระบุการเฉลิมฉลองชัยชนะในการศึกของเจ้าชายแห่งจามสองคน ซึ่งสันนิษฐานว่าหมายถึงราชวงศ์อินทรปุระ (Indrapura) จากทางเหนือ ซึ่งมีราชธานีใกล้กับหมีเซิน เหนือพวกปาณฑุรงค์แห่งจามปาใต้ เจ้าชายทั้งสองที่มีชัยในการศึกนี้ได้สร้างลึงค์และวิชยสตมภ์ (เสาชัยชนะ) ขึ้น[8]
วิหารโปกลองก่าหร่ายจัดเป็นศิลปกรรมแบบ Thap Mam ของศิลปกรรมจาม หมู่วิหารประกอบไปด้วยหอคอยอิฐสามหอ ได้แก่หอหลักสูงสามชั้น และหอซุ้มทางเข้าออก (โคปุระ) ที่มีขนาดเล็กลงมา และหอทรงยาวที่มีหลังคาทรงอานม้า หมู่อาคารทั้งหมดได้รับการอนุรักษ์อย่างดี[9] เหนือประตูทางเข้าหลักของหอคอยหลักมีประติมากรรมรูปพระศิวะในปางศิวนาฏราช ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นชิ้นงานที่สำคัญชิ้นหนึ่งของศิลปกรรมแบบ Thap Mam[10] กระนั้น งานศิลปกรรมที่หลงเหลือภายในวิหารนั้นไม่เป็นที่น่าประทับใจนัก มีลักษณะที่บ่งบอกถึง "ศิลปะในยุคเสื่อมถอย อันเนื่องมาจากงานช่างที่ดูแข็งทื่อและจืดชืด"[11] หอคอยที่มีหลังคารูปอานม้านั้นเข้าใจว่ามีไว้บูชาเทพเจ้าแห่งเปลวเพลิงนามว่า Thang Chuh Yang Pui[12]
รูปเคารพหลักของวิหารคือมุขลึงค์ อายุศตวรรษที่ 16 หรือ 17 แม้ปกติลึงค์เช่นนี้จะเป็นสัญลักษณ์แทนพระศิวะ แต่มุขลึงค์นี้ชาวจามเชื่อว่าเป็นรูปแทนของกษัตริย์โปกลองก่าหร่ายมากกว่า จนถึงปัจจุบันยังคงมีการจัดเทศกางเฉลิมฉลองของชาวจามขึ้นที่นี่[13]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.