Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ถั่งเช่า หรือ ตังถั่งเช่า หรือชื่อเต็ม ตังถั่งแห่เช่า[2] (จีนตัวย่อ: 冬虫夏草; จีนตัวเต็ม: 冬蟲夏草; พินอิน: Dōngchóngxiàcǎo ตงฉงเซี่ยเฉา) หมายถึง "หญ้าหนอน" หรือ "ฤดูหนาวเป็นหนอน ฤดูร้อนเป็นหญ้า" เป็นสมุนไพรจีนที่เป็นส่วนผสมของเห็ดราและสัตว์[3] เกิดจากหนอนผีเสื้อกลางคืนแถบที่ราบสูงทิเบตที่จำศีลอยู่ใต้ดินในฤดูหนาว ถูกสปอร์ของเห็ดราที่ไม่ก่อให้เกิดโรคในคน (ที่คนกินได้) ในสกุล Ophiocordyceps อาศัยเป็นปรสิตและเติบโตสร้างเส้นใยออกมาทางส่วนหัวของตัวหนอนในฤดูร้อน เห็ดชนิดนี้มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ophiocordyceps sinensis
ถั่งเช่า | |
---|---|
ดอกเห็ด Ophiocordyceps sinensis (ซ้าย) เจริญเติบโตออกจากหัวของซากของหนอนผีเสื้อ (ขวา) | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Fungi |
หมวด: | Ascomycota |
ชั้น: | Sordariomycetes |
อันดับ: | Hypocreales |
วงศ์: | Ophiocordycipitaceae |
สกุล: | Ophiocordyceps |
สปีชีส์: | O. sinensis |
ชื่อทวินาม | |
Ophiocordyceps sinensis (Berk.) G.H.Sung, J.M.Sung, Hywel-Jones & Spatafora (2007) | |
ชื่อพ้อง[1] | |
Sphaeria sinensis Berk. (1843) |
ถั่งเช่าพบในทิเบต มณฑลชิงไห่ มณฑลเสฉวน มณฑลกานซู มณฑลยูนนาน และแถบเทือกเขาหิมาลัยในอินเดีย ภูฏาน และเนปาล เห็ดถั่งเช่ามีสารสำคัญคอร์ดีเซพิน (Cordycepin) ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของอะดีโนซีน[4] อย่างไรก็ตามถั่งเช่าที่เก็บเกี่ยวในธรรมชาติมักมีสารหนูและโลหะหนักอื่น ๆ ปะปนในปริมาณสูง[5] จึงอาจเป็นพิษได้ ในประเทศจีนการขายถั่งเช่าได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวดโดย CFDA (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของจีน) ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2559[6]
เห็ดถั่งเช่า (ชื่อวิทยาศาสตร์: Ophiocordyceps sinensis (เดิมชื่อ Cordyceps sinensis)) เป็นที่รู้จักกันในภาษาจีนคือ ตงฉงเซี่ยเฉา และในภาษาไทยซึ่งทับศัพท์จากภาษาแต้จิ๋ว ตังทั้งแห่เฉ่า ชื่อภาษาท้องถิ่นอื่นคือ "ยาร์ตซากันบู" (ภาษาทิเบต: དབྱར་རྩྭ་དགུན་འབུ་, ไวลี: dbyar rtswa dgun 'bu, ตามตัวอักษร "หญ้าฤดูร้อน, หนอนฤดูหนาว") หรือ Yarsha-gumba หรือ Yarcha-gumba (यार्सागुम्बा ในภาษาเนปาล) หรือ Keeda Jadi (ရှီးပတီး ในภาษาพม่า)
โดยทั่วไปหนอนผีเสื้อกลางคืนที่มีแนวโน้มจะติดเชื้อสปอร์ของเห็ด O. sinensis อาศัยอยู่ใต้ดิน 15 ซม. ในทุ่งหญ้าบนที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบตและพื้นที่โดยรอบเช่นแถบเทือกเขาหิมาลัย ที่ระดับความสูงระหว่าง 4,100 ถึง 5,000 ม. สามารถพบถั่งเช่าในพื้นที่ทางตอนเหนือของเนปาล ภูฏาน รัฐทางตอนเหนือของอินเดีย ยูนนานตอนเหนือ ชิงไห่ตะวันออก ทิเบตตะวันออก เสฉวนตะวันตก และทางตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลกานซู
เห็ดถั่งเช่า (O. sinensis) เป็นเห็ดราที่เป็นปรสิตในแมลง (Entomopathogenic fungus) ในฤดูหนาวเมื่อหนอนผีเสื้อกลางคืนผี (Hepialidae) ถูกเข้าอาศัยโดยเห็ดปรสิตและเติบโตในตัวหนอน จะถูกดูดซับสารอาหารจนตาย[7] ซึ่งเป็นไปได้ว่ากลไกของการติดเชื้อของหนอนผีเสื้อกลางคืนจะมาจากการกินรากพืชท้องถิ่นบางชนิดและในดิน[8] ในระยะต่อมาเนื้อเยื่อและเปลือกของตัวหนอนจะรวมตัวกับเส้นใยของเห็ดรา O. sinensis เพื่อสร้างกลุ่มใยรา (ไมซีเลียมแข็ง) เนื่องจากในช่วงนี้ลักษณะรูปร่างยังคงเหมือนตัวอ่อนของผีเสื้อจึงเรียกว่า "หนอนฤดูหนาว - ตังถั่ง" เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิในปีถัดไปไมซีเลียมของเห็ดจะเริ่มเจริญเติบโต ในฤดูร้อนจะงอกออกจากส่วนหัวของหนอนผีเสื้อกลางคืน แล้วยื่นโผล่พ้นจากพื้นดินเป็นรูปแท่งและกลายเป็นที่มาของชื่อ "หญ้าฤดูร้อน - แห่เช่า" และรวมตัวกันเป็น Ophiocordyceps sinensis ที่สมบูรณ์[9]
ส่วนที่เป็นตัวหนอน (corpus) มีความยาว 3-5 ซม. และเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.3-0.8 ซม. ผิวสีเหลืองเข้มถึงน้ำตาลเหลือง มีข้อปล้อง 20-30 ข้อ มีวงปล้องถี่ละเอียดใกล้หัว หัวสีน้ำตาลแดง ส่วนที่เป็นเห็ด O. sinensis ประกอบด้วยสองส่วนคือ endosclerotium (เจริญอยู่ภายในตัวหนอน) และสโตรมา[10] (ดอกเห็ด) งอกออกจากกลางหัวของหนอนมีความแตกต่างชัดเจนของพื้นผิวจากตัวหนอน ดอกเห็ดเกลี้ยงเกลาไม่มีข้อและเปราะแตกง่าย มีลักษณะเรียวและทรงกระบอก[11] มีส่วนแบนเล็กน้อยตรงปลาย[12] และมักยาวกว่าตัวหนอน มีความยาว 4-10 ซม. และเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.3 ซม. พื้นผิวเป็นสีน้ำตาลเข้ม ถึงน้ำตาลดำหรือดำ มีร่องตามยาวและส่วนบนขยายออกเล็กน้อย เมื่อสดเนื้อมีความยืดหยุ่นอาจมีสีเหลืองอ่อนและเนื้อในเป็นสีขาว กลิ่นคาวเและรสขมเล็กน้อย[13] (ซึ่งสีต่างจากเห็ดสกุล Cordyceps เช่น เห็ดถั่งเช่าสีทอง Cordyceps militaris ที่มีสีเหลืองสด เมื่อสดและแห้ง)
ส่วนที่เห็ดถั่งเช่างอกออกมาคือ หัวของหนอน ซึ่งภายในบรรจุไปด้วยเม็ดเล็ก ๆ คือแอสโคสปอร์ มีการเรียงตัวตามปกติและเป็นรูปไข่ยาว 5-12 ไมครอน[14] อยู่ภายใน (ถุง) แอสโคคาบหรือเรียกว่าที่เรียกว่า fruiting body (คือส่วนของหมวกเห็ดและครีบที่ยังไม่สร้างสปอร์ หรือยังไม่บานออก)
ถั่งเช่า (O. sinensis) เติบโตช้า และเติบโตได้ดีที่อุณหภูมิค่อนข้างต่ำ คือต่ำกว่า 21° ซ ความต้องการอุณหภูมิต่ำและอัตราการเจริญเติบโตเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ถั่งเช่าแตกต่างจากเห็ดราชนิดอื่นที่คล้ายคลึงกัน[15] ซึ่งเป็นไปได้ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) จะส่งผลเสียต่อถั่งเช่าในธรรมชาติ[16][17]
นอกจากหนอนผีเสื้อกลางคืนชนิด Hepialus armoricanus[18] ซึ่งเป็นชนิดแรกที่พบในช่วงปี พ.ศ.2501 ยังมีอีกประมาณ 50 สปีชีส์จากหลายสกุลในวงศ์ผีเสื้อกลางคืนผี (ghost moth) ที่มีศักยภาพในการเป็นโฮสต์ปรสิต (parasite host) ของเชื้อเห็ด O. sinensis ซึ่งกระจายพันธุ์ในประเทศจีน และอีก 12 ประเทศ (ซึ่งอาศัยในระดับความสูง 2,800 - 5,100 ม.[19]) ได้แก่[18]
จากผลการศึกษาถั่งเช่าจากชิงไห่ มีกรดคอร์ดีเซพิกประมาณ 7% คาร์โบไฮเดรต 28.9% ไขมันประมาณ 8.4% โปรตีน 25% และใน 82.2% ของไขมันเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว นอกจากนี้ยังมีวิตามินบี 12 และ ฯลฯ[28]
การบันทึกที่เก่าแก่ที่สุดเมื่อปี ค.ศ. 863 ของ Duan Chengshi นักธรรมชาติวิทยาในราชวงศ์ถัง ถั่งเช่าได้รับการระบุว่า "ทำให้ปอดและไตแข็งแรงขึ้น ห้ามเลือด และแก้เสมหะ"[29] อย่างไรก็ตามเนื่องจากปริมาณสารหนูในถั่งเช่าที่ได้จากธรรมชาติ มีปริมาณสูงกว่าค่ากำหนดอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ ในปี 2559 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของจีน ได้นำถั่งเช่าออกจากประเภทอาหารเพื่อสุขภาพ และได้ออกคำแนะนำในการบริโภคสำหรับผลิตภัณฑ์ถั่งเช่า โดยระบุว่า "ในถั่งเช่าแห้งและแคปซูลผงถั่งเช่าบริสุทธิ์มีปริมาณสารหนู 4.4 - 9.9 มก./กก." และ "มีความเสี่ยงสูงในการบริโภค"[5][30] มีการบังคับใช้กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องและไม่อนุญาตให้ผลิตหรือขายโดยไม่ได้รับการอนุมัติ[31] ในการศึกษาบางฉบับแนะนำให้กินถั่งเช่าธรรมชาติไม่เกินวันละ 3-9 กรัม[5]
ในทางการแพทย์แผนจีน (TCM) เชื่อว่าถั่งเช่าช่วยบำรุงปอดและไต[32] การศึกษาในหนูทดลองพบว่าถั่งเช่ามีผลต่อการเพิ่มคอร์ติโคสเตอโรน (Corticosterone) (เป็นฮอร์โมนที่มีส่วนช่วยในการควบคุมการใช้พลังงานและปฏิกิริยาตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของไตและช่วยในเรื่องของระบบทางเดินหายใจ)[33][34] นอกจากนี้ในการศึกษาทางการแพทย์แผนปัจจุบันยังเป็นไปได้ว่าถั่งเช่ามีฤทธิ์ต่อต้านเนื้องอก[35], ต้านการอักเสบ, สารต้านอนุมูลอิสระ[36], ลดน้ำตาลในเลือด[37], ต่อต้านการตายของเซลล์, การควบคุมและสร้างภูมิคุ้มกัน[38]
อย่างไรก็ตามยังปรากฏข้อโต้แย้งในเรื่องของสรรพคุณทางยาในการบรรเทาอาการหย่อนและเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ และการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว[39] ซึ่งเชื่อว่าเป็นคุณสมบัติของคอร์ดีเซพินที่คล้ายกับอะดีโนซีน คือการช่วยขยายหลอดเลือดดำ และการเพิ่มความสามารถของระบบภูมิคุ้มกัน ตามลำดับ
ก่อนหน้าน้ำตาลแอลกอฮอล์ "แมนนิทอล" ในถั่งเช่าเคยถูกเรียกอย่างผิดพลาดในชื่อเฉพาะว่า กรดคอร์ดีเซพิก (cordycepic acid)[20] แม้ว่าแมนนิทอลมีผลในการบำบัดโรคซิสติกไฟโบรซิส (CF) ในผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไป[40][41] แต่แมนนิทอลยังสามารถสังเคราะห์ได้จากสารชีวโมเลกุล[42] และสกัดได้จากธรรมชาติ[43] จากพืชอื่น ๆ เช่นปาล์มเลื้อย[44]
มีการศึกษาพบว่า การผลิตสารคอร์ดีเซพินของถั่งเช่าในธรรมชาติ อาจมีปริมาณที่ไม่แน่นอน[45][46] (ซึ่งต่างจากปริมาณการผลิตสารคอร์ดีเซพินที่พบจากถั่งเช่าสีทอง - Cordyceps militaris ที่เพาะเลี้ยง[45])
ในตลาดกลางชิงไห่ โดยทั่วไปแบ่งระดับราคาถั่งเช่าออกเป็น 5 ระดับใหญ่ ๆ ตามน้ำหนักสีและขนาด ได้แก่ king of the king มีถั่งเช่า 900 ชิ้น (หรือน้อยกว่า) ต่อกก., king of cordyceps 1,000-1,400 ชิ้นต่อกก., ถั่งเช่าชั้นหนึ่ง 1,500-1,900 ชิ้นต่อกก., ถั่งเช่าชั้นสอง 2,000-2,400 ชิ้นต่อกก. และถั่งเช่าชั้นสาม มากกว่า 2500 ชิ้นต่อกก.
เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติระบุว่า "เสี่ยง" ในบัญชีแดงของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ (VU - ชนิดพันธุ์ที่มีแนวโน้มใกสูญพันธุ์) ปัจจัยหลักที่คุกคามการลดลงของประชากรคือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกและการขุดค้นมากเกินไป[47] ในปี 2542 ได้รับการระบุให้เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับการคุ้มครองระดับประเทศระดับสองโดยประเทศจีน[28]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.