อาร์-ทรูธ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

อาร์-ทรูธ

รอนนี แอรอน คิลลิงส์ (Ronnie Aaron Killings; เกิด 19 มกราคม ค.ศ. 1972(1972-01-19))[7][4] นักมวยปล้ำอาชีพ, นักแสดง และแร็ปเปอร์ชาวอเมริกันที่ปัจจุบันเซ็นสัญญากับWWEในนาม อาร์-ทรูธ (R-Truth)[8] เดิมใช้นาม เค-ควิก (K-Kwik) สมัย WWF[3][9] เขาเคยปล้ำให้TNAในนาม เค-ครัช (K-Krush) และ รอน "เดอะทรูธ" คิลลิงส์ (Ron "The Truth" Killings) และเป็นชาวอเมริกัน-แอฟริกันคนแรกที่ได้แชมป์โลกเฮฟวี่เวท NWA[6][2]

ข้อมูลเบื้องต้น R-Truth, ชื่อเกิด ...
R-Truth
Thumb
ชื่อเกิดRonnie Aaron Killings[1]
เกิด (1972-01-19) มกราคม 19, 1972 (53 ปี)
Williamsburg, South Carolina, United States
คู่สมรสPamela Killings (สมรส 2011)
บุตร1
ประวัติมวยปล้ำอาชีพ
ชื่อบนสังเวียนK. Malik Shabaz[2]
K-Kwik
K-Krush
Ron Killings
R-Truth[3]
ส่วนสูง6 ฟุต 2 นิ้ว (188 เซนติเมตร)[3]
น้ำหนัก220 ปอนด์ (100 กิโลกรัม)[3]
มาจากCharlotte, North Carolina[3]
ฝึกหัดโดยChris Hamrick[4]
George South[4]
Italian Stallion[4]
Manny Fernandez[5][4]
เปิดตัวMarch 15, 1997[5][6]
ปิด

ประวัติ

สรุป
มุมมอง

ทรูธได้เปิดตัวในสแมคดาวน์ 29 สิงหาคม 2008[10] และได้รับรางวัลสแลมมีอะวอร์ดประจำปี 2008 สาขา Best Musical Performance[11] ทรูธได้ร่วมปล้ำอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์เป็นครั้งแรกชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวทโดยคริส เจริโคคว้าแชมป์ไปได้[12] ในรอว์ 24 พฤษภาคม ได้คว้าแชมป์ยูเอสสมัยแรกจากเดอะมิซ[13] ก่อนจะเสียคืนให้มิซแบบสี่เส้าในรอว์ 14 มิถุนายน[14][15] ในซัมเมอร์สแลม (2010)ได้เข้าร่วมทีม WWE ปล้ำแท็กทีมคัดออก 7 คน นำทีมโดยจอห์น ซีนาเจอกับทีมเดอะเน็กซัส 7 คน แต่ก่อนถึงซัมเมอร์สแลม เดอะเกรทคาลีได้ถูกเน็กซัสลอบทำร้ายจนไม่สามารถร่วมปล้ำได้ โดยแดเนียล ไบรอัน อดีตสมาชิกเน็กซัสเข้าร่วมแทน และเอาชนะไปได้สำเร็จ[16] ในรอว์ 11 เมษายน 2011 ได้สิทธิ์ผู้ท้าชิงแชมป์ WWEในแมตช์สามเส้ากับจอห์น ซีนาและเดอะมิซ(แชมป์)ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2011)[17] แต่ในรอว์ต่อมาก็เสียสิทธิ์ผู้ท้าชิงก่อนจะกลายเป็นฝ่ายอธรรม[18] ในแคปิเทล พูนิชเมนท์ ทรูธได้ชิงแชมป์ WWE กับซีนาแต่ไม่สำเร็จ[19][20]

ทรูธได้ร่วมทีมกับเดอะมิซในนามออซัม ทรูธเป็นคู่หูคู่เกรียนคอยรังแกชาวบ้านจนถูกทริปเปิลเอช ประธาน COO สั่งไล่ทั้งคู่ออก ออซัม ทรูธได้เข้าไปรุมทำร้ายทริปเปิลเอช ทำให้นักมวยปล้ำคนอื่นต้องช่วยกันห้าม จึงถูกทริปเปิลเอชสั่งจับโยนออกไปนอกอาคาร[21] ในเฮลอินเอเซล (2011)หลังแมตช์3เส้าชิงแชมป์ WWEนั้น ออซัม ทรูธได้แอบมุดเข้ามาในกรงเหล็กและทำร้ายซีนา, พังก์, อัลเบร์โต เดล รีโอ รวมทั้งกรรมการ และตากล้อง ทำให้ทริปเปิลเอช, จอห์น โลรีนายติส และนักมวยปล้ำคนอื่นๆ ต้องออกมาช่วย ทริปเปิลเอชเลยเรียกตำรวจมาจับออซัม ทรูธออกไปท่ามกลามความชุลมุลวุ่นวาย[22] ก่อนจะกลับมาและร่วมปล้ำในเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2011)แพ้จอห์น ซีนาและเดอะร็อก[23] ในรอว์ 21 พฤศจิกายนได้ถูกมิซหักหลังด้วยการจับใส่ Skull-Crushing Finale กับพื้นทางเดินเปิดตัว[24][25] แท้จริงแล้วนั้นทรูธนั้นถูกแบนเป็นเวลา 30 วันจากข้อหาไม่ผ่านการตรวจสุขภาพของ WWE[26]

ในรอว์ 26 ธันวาคม 2011 ได้กลับมาเป็นฝ่ายธรรมะและเล่นงานมิซ ก่อนจะหยิบไมค์มาบอกว่า ฉันจัดการเสร็จแล้วตอนนี้ แต่ความสนุกมันอยู่ไหนล่ะ ต่อจากนี้ไปจะเป็นเวลาแก้แค้นของฉันแล้ว[27][28][29] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 28ได้ร่วมทีมของทีโอดอร์ ลองแพ้ทีมของจอห์น โลรีนายติส[30] ในรอว์ 30 เมษายน 2012 ได้คว้าแชมป์แท็กทีม WWEร่วมกับโคฟี คิงส์ตัน[31] ก่อนเสียให้แดเนียล ไบรอันและเคนในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2012)[32] จากนั้นทั้งคู่ก็แยกทีมกัน[33] ต่อมาได้ชิงแชมป์ยูเอสกับซีซาโรทั้งในเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2012)[34] และทีแอลซี (2012)แต่ก็แพ้ทั้งสองครั้ง[35] ก่อนจะพักปล้ำเพราะได้รับบาดเจ็บเป็นแผลฉีกที่บริเวณเข่า[36] และกลับมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2013[37] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 31ได้ร่วมไต่บันไดชิงแชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัล[38] แต่ไม่สำเร็จ[39] ปี 2016 ได้ร่วมทีมกับโกลดัสต์ในนาม Golden Truth[40][41]

ในเดือนตุลาคม 2017 มีรายงานว่าเขาได้รับอาการบาดเจ็บที่ไหล่[42] ก่อนจะโพสต์วิดีโอผ่าน Twitter ระบุว่าเพิ่งผ่าตัดเสร็จสิ้น[43] ในปี 2018 ได้เป็นผู้ชนะรายการ Mixed Match Challenge ซัซั่น 2 ร่วมกับคาร์เมลลา ทำให้ทั้งคู่ได้สิทธิ์เข้าร่วมแมตช์รอยัลรัมเบิล 2019 ทั้งชายและหญิงเป็นลำดับสุดท้ายคนที่ 30[44] แต่ทรูธถูกไนอา แจ็กซ์ออกมาทำร้ายแย่งสิทธิ์ไป[45] เพียง 2 วันต่อมาก็ได้แชมป์ยูเอสเป็นสมัยที่ 2 จากชินซูเกะ นากามูระ[46] ก่อนเสียให้ซามัว โจ[47] ต่อมาได้เป็นเทพแห่งการครองแชมป์ 24/7[48] ในปี 2022 ทรูธได้รับบาดเจ็บอีกครั้งต้องพักเป็นเวลานาน[49] และกลับมาอีกครั้งในรอบ 1 ปีในศึกเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ 2023[50] ก่อนจะกลับมารวมทีมกับเดอะมิซอีกครั้งในนามออซัมทรูธ[51] และสามารถคว้าแชมป์รอว์แท็กทีมร่วมกันได้เป็นครั้งแรกในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 40และยังเป็นชัยชนะในเมเนียครั้งแรกของอาร์-ทรูธ[52] ก่อนเสียแชมป์ให้เดอะ จัดจ์เมนท์ เดย์

ผลงานอื่นๆ

ภาพยนตร์

ข้อมูลเพิ่มเติม Year, Title ...
Year Title Role Notes
2003 Head of State Ron "The Truth" Killings [53]
2008 The Wrestler Ron "The Truth" Killings [54]
2016 Break Dance Revolution DJ R. Killings [55]
2018 Blood Brother Blaine [56]
ปิด

เพลง

อัลบั้ม

ข้อมูลเพิ่มเติม Title, Album details ...
List of studio albums, with selected details
Title Album details
Invinceable
  • Released: 2003 (US)[57]
  • Label: K-Krush Enterprises
  • Formats: CD
Killingit
  • Released: April 1, 2016 (US)[58]
  • Label: Independent
  • Formats: Digital download
ปิด

เดี่ยว

ข้อมูลเพิ่มเติม Title, Year ...
List of singles, showing year released and album name
Title Year Album
"What' Cha Do to Get It"[59]
(featuring Black Pearl, JA and Big D)
2015 Killingit
"Pump It Up"[60]
(featuring Black Pearl and Iya Champs)
"Rep My City"[61]
(featuring Chop Blade)
"Me Myself and I"[62]
"I Be Like"[63] 2016 Non-album singles
"Back Against the Wall"[64]
(featuring Laroo RTK)
2017
"That'z Endurance"[65]
(featuring Mannish Mania)
2018
"Dance Break"[66]
(featuring J-Trx)
2019
"Run It"[67]
(featuring Leah Van Dale and J-Trx)
"Set It Off"[68] 2020
ปิด

แชมป์และรางวัล

หมายเหตุ

  1. Killings defended the championship with either James or Konnan under the Freebird Rule.

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.