กังฟูแพนด้า 2

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

กังฟูแพนด้า 2

กังฟูแพนด้า 2 (อังกฤษ: Kung Fu Panda 2) เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันแนวตลก ดราม่า และกำลังภายในอเมริกันที่ออกฉายใน ค.ศ. 2011 ผลิตโดยดรีมเวิกส์แอนิเมชันและจัดจำหน่ายโดยพาราเมาต์พิกเจอส์[a] โดยถือเป็นภาพยนตร์ภาคต่อของ กังฟูแพนด้า จอมยุทธ์พลิกล็อก ช็อคยุทธภพ ที่ออกฉายใน ค.ศ. 2008 ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดยเจนนิเฟอร์ หยู เนลซอน ซึ่งเป็นผลงานการกำกับครั้งแรกของเธอ การพากย์เสียงยังคงใช้ทีมพากย์ชุดเดิมจากภาพยนตร์ภาคแรกเป็นส่วนใหญ่ และมีแกรี โอลด์แมน, หยาง จื่อฉยง, แดนนี แม็คไบรด์, เดนนิส เฮส์เบิร์ต, ฌ็อง-โกลด ว็อง ดาม และวิกเตอร์ การ์เบอร์ เป็นผู้พากย์เสียงตัวละครใหม่ ในภาพยนตร์ โปและห้าผู้พิทักษ์ ต้องต่อสู้กับ "อ๋องเช็น" ผู้ครองนครกงเหมินและเป็นผู้มีศาสตราวุธอันทรงพลังเพื่อครอบครองแผ่นดินจีน ในขณะเดียวกัน โปก็ค้นพบอดีตอันขมขื่นของตนเอง และพบว่าอ๋องเช็นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ด้วย

ข้อมูลเบื้องต้น กำกับ, บทภาพยนตร์ ...
กังฟูแพนด้า 2
Thumb
ใบปิดภาพยนตร์
กำกับJennifer Yuh Nelson
บทภาพยนตร์
  • Jonathan Aibel
  • Glenn Berger
สร้างจากCharacters created
โดย Ethan Reiff
Cyrus Voris
อำนวยการสร้างMelissa Cobb
นักแสดงนำ
ตัดต่อClare Knight
ดนตรีประกอบฮันส์ ซิมเมอร์
John Powell
บริษัทผู้สร้าง
ผู้จัดจำหน่ายพาราเมาต์พิกเจอส์
วันฉาย
  • 22 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 (2011-05-22)

ฮอลลีวูด ปฐมทัศน์
  • 26 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 (2011-05-26)

สหรัฐอเมริกา
ความยาว90 นาที
ประเทศสหรัฐ
ภาษาอังกฤษ
ทุนสร้าง150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[1]
ทำเงิน665.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[2]
ก่อนหน้านี้กังฟูแพนด้า จอมยุทธ์พลิกล็อก ช็อคยุทธภพ
ต่อจากนี้กังฟูแพนด้า 3
ปิด

ภาพยนตร์ปล่อยฉายครั้งแรกในวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 ในระบบสามมิติ กังฟูแพนด้า 2 ยังคงได้รับการพูดถึงในเชิงบวกเหมือนกับภาคแรก ในด้านของแอนิเมชัน การพากย์เสียง ฉากการต่อสู้ เพลงประกอบ และพัฒนาการของตัวละคร ภาพยนตร์ใช้งบประมาณ 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำรายได้ทั่วโลก 665 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้กลายเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่ทำรายได้สูงที่สุดในปีนั้น และถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม ในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 84 ก่อนที่จะพ่ายให้กับภาพยนตร์เรื่อง แรงโก้ ฮีโร่ทะเลทราย ภาคต่อของภาพยนตร์เรื่องนี้คือ กังฟูแพนด้า 3 ซึ่งออกฉายใน ค.ศ. 2016[4]

เนื้อเรื่อง

โปได้ใช้ชีวิตในฝันในฐานะนักรบมังกร ที่คอยคุ้มครองหุบเขาสันติภาพ ร่วมกับเพื่อนพ้องและอาจารย์กังฟูทั้งห้า ซึ่งได้แก่ นางพยัคฆ์ , นกกระเรียน , ตั๊กแตน , อสรพิษ และ วานร แต่ชีวิตใหม่ของโปกลับถูกคุกคามด้วยการปรากฏตัวของอ๋องเช็น วายร้ายที่น่าสะพรึงกลัว ผู้วางแผนที่จะใช้อาวุธลับในการเข้ายึดครองประเทศจีนและทำลายกังฟู เป็นหน้าที่ของโปและอาจารย์กังฟูทั้งห้าที่จะต้องเดินทางข้ามจีนแผ่นดินใหญ่ เพื่อเผชิญหน้าและกำจัดภัยคุกคามนี้ แต่โปจะหยุดอาวุธที่สามารถหยุดยั้งพลังกังฟูได้ยังไงกันล่ะ เขาจะต้องมองย้อนกลับไปยังอดีตของตัวเอง เพื่อไขปริศนาที่มาอันลึกลับของตัวเอง เมื่อนั้นเขาจึงจะสามารถปลดพันธนาการพลังที่จำเป็นต่อความสำเร็จของเขาออกมาได้

งานพากย์

Thumb
แบล็กในงานปฐมทัศน์ภาพยนตร์ที่ซิดนีย์ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2011
ข้อมูลเพิ่มเติม ตัวละคร, ต้นฉบับภาษาอังกฤษ ...
ตัวละครต้นฉบับภาษาอังกฤษ สหรัฐอเมริกาพากย์ไทย ประเทศไทย
โปแจ็ก แบล็กชวลิต ศรีมั่นคงธรรม
อ๋องเช็นแกรี โอลด์แมนนิมิตร ลักษมีพงศ์
อาจารย์ชิฟูดัสติน ฮอฟแมนรอง เค้ามูลคดี
ปรมาจารย์อูเกวแรนดัล ดุก คิมนิคม สุนทรพิทักษ์
อาปิงเจมส์ ฮงพีรศักดิ์ เกษร
นางพยากรณ์มิเชล โหย่วดารณีนุช โพธิปิติ
หัวหน้าหมาป่าแดนนี แม็คไบรด์
อาจารย์วัวสลาตันเดนนิส เฮส์เบิร์ตสมพร อ่วมใจบุญ
อาจารย์เข้เคี่ยมพิฆาตฌ็อง-โกลด ว็อง ดามสุภาพ ไชยวิสุทธิกุล
อาจารย์แรดสายฟ้าวิกเตอร์ การ์เบอร์จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทร
พ่อแพนด้าเฟร็ด ทาทาสเคียร์
แกะในตลาดลอเรน ทอม
หมูป่าคอนแรด เวอร์นอน
ห้าผู้พิทักษ์
นางพยัคฆ์แอนเจลีนา โจลีแคทรียา อิงลิช
อสรพิษลูซี ลิวสุคนธวา เกิดนิมิตร
วานรแจ๊กกี้ ชานสุวิวัฒน์ วัฒนาพิริยะอมร
ตั๊กแตนเซท โรเกนกริน อักษรดี
กระเรียนเดวิด ครอสจักรรัตน์ ศรีรักษ์
ปิด

งานสร้าง

สรุป
มุมมอง
Thumb
ทัศนียภาพของภูเขาชิงเฉิง หนึ่งในต้นแบบของสถานที่ในภาพยนตร์

หลังจากที่ภาพยนตร์ภาคแรก กังฟูแพนด้า จอมยุทธ์พลิกล็อก ช็อคยุทธภพ ได้ออกฉายในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2008 ดรีมเวิกส์แอนิเมชันได้วางแผนสร้างภาพยนตร์เรื่องที่สอง ที่มีชื่อเรื่องว่า Pandamoneum[5] ต่อมาใน ค.ศ. 2010 ได้เปลี่ยนเป็นชื่อ The Kaboom of Doom[6] และเปลี่ยนชื่อเป็น กังฟูแพนด้า 2 เจนนิเฟอร์ หยู เนลซอน ผู้มีส่วนควบคุมท้องเรื่องในภาคแรก ได้มีบทบาทในการกำกับภาคสองอย่างเต็มตัว ทีมงานยังคงใช้ทีมพากย์จากภาพยนตร์ภาคแรกเป็นส่วนใหญ่ ภาพยนตร์ถูกสร้างขึ้นในรูปแบบสามมิติ เช่นเดียวกันกับภาพยนตร์ดรีมเวิกส์ทุกเรื่องนับตั้งแต่ มอนสเตอร์ ปะทะ เอเลี่ยน เป็นต้นมา

โจนาธาน ไอเบล และเกลนน์ เบอร์เกอร์ ผู้เขียนฉากและผู้ร่วมสร้างในภาคแรก ได้กลับมาทำหน้าที่อีกครั้งในภาคสอง[7] โดยมีชาร์ลี คอฟมัน เป็นที่ปรึกษา[8][9] ในขั้นตอนการพัฒนาบทภาพยนตร์[10]

ใน กังฟูแพนด้า 2 ทีมงานการผลิตได้แสดงความใกล้ชิดต่อวัฒนธรรมจีนมากขึ้น โดยใน ค.ศ. 2008 หลังจากที่ กังฟูแพนด้า ปล่อยฉายแล้ว ผู้บริหารของดรีมเวิกส์ เจฟฟรีย์ แคตเซนเบิร์ก พร้อมทั้งผู้กำกับ ผู้ออกแบบการผลิต และทีมงานคนอื่น ๆ ได้เดินทางไปยังเฉิงตู ซึ่งได้รับสมญาว่า "บ้านเกิดของแพนด้า"[11] พวกเขาได้เดินทางไปพบแพนด้าที่ศูนย์วิจัยแพนด้ายักษ์ และสมาชิกทีมออกแบบการผลิตก็ได้เรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นที่นั่น แคตเซนเบิร์กกล่าวว่า ภาคต่อนี้จะนำองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างในเฉิงตูเข้ามารวมด้วย[12] ภูมิลักษณ์และสถาปัตยกรรมที่ปรากฏในภาพยนตร์ได้รับแรงบันดาลใจจากสถานที่จริงที่ภูเขาชิงเฉิง ซึ่งเป็นภูเขาของลัทธิเต๋าที่มีชื่อเสียง[13] ในการสัมภาษณ์กับไชนาเดลี ซีบาชเล่าว่าศูนย์วิจัยแพนด้าจะมีอิทธิพลต่อภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะพวกเขามีประสบการณ์ในการดูแลลูกแพนด้าอายุน้อย ซึ่งเป็นแนวคิดให้เกิดภาพของโปในวัยเด็กที่ปรากฏในฉากย้อนอดีต[14] นอกจากนี้ยังมีแนวคิดในการนำเสนออาหารเสฉวน อาทิ เต้าหู้หม่าโพ และก๋วยเตี๋ยวตันตาน[15] ในการสัมภาษณ์กับมูฟวีไลน์ เบอร์เกอร์กล่าวว่า "เราไม่เคยคิดว่าภาพยนตร์ที่มีฉากในประเทศจีนนี้จะทำเพื่อชาวอเมริกัน แต่เป็นภาพยนตร์ที่มีฉากในจีนอันเป็นตำนานและเป็นสากลเพื่อทุกคนในโลก"[16][17]

การออกฉายและจัดจำหน่าย

กังฟูแพนด้า 2 ถูกฉายในงานเทศกาลภาพยนตร์กานในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2011 ก่อนที่จะถูกฉายในเชิงพาณิชย์ในภายหลัง[18] ในสหรัฐ ภาพยนตร์ฉายรอบปฐมทัศน์ในวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 ที่โรงละครจีนกรอมันในฮอลลีวูด รัฐแคลิฟอร์เนีย[19] ภาพยนตร์ฉายทั่วสหรัฐครั้งแรกในวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 ต่อมาได้ฉายในสหราชอาณาจักรครั้งแรกในวันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ. 2011 และฉายในออสเตรเลียครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 2011 นอกจากนี้ภาพยนตร์ยังฉายทางไอแมกซ์ในภูมิภาคยุโรป-ตะวันออกกลาง-แอฟริกา[20]

ภาพยนตร์ได้จำหน่ายทางดีวีดีและบลูเรย์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 2011 โดยมาพร้อมกับภาพยนตร์สั้น กังฟูแพนด้า: ซีเคร็ตออฟเดอะมาสเตอร์ และละครโทรทัศน์ กังฟูแพนด้า: ตำนานสะท้านโลกันตร์[21]

การตอบรับ

สรุป
มุมมอง

คำวิจารณ์

รอตเทนโทเมโทส์ได้ให้คะแนนภาพยนตร์จากผู้วิจารณ์ 172 คน อยู่ที่ร้อยละ 81 และให้คะแนนโดยเฉลี่ย 6.91 เต็ม 10 โดยคำวิจารณ์ได้กล่าวว่าโดยรวมว่า "เนื้อเรื่องอาจดูชินตาไม่แปลกใจ แต่ กังฟูแพนด้า มีฉากต่อสู้ ฉากตลก และฉากสวยงามเปล่งประกายที่เพียงพอต่อการชดเชย"[22] ส่วนเมทาคริติก ได้ให้คะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 67 เต็ม 100 จากผู้ประเมิน 31 คน โดยระบุว่า "เป็นที่ชื่นชอบโดยทั่วไป"[23]

นิตยสาร วาไรตี พูดถึงภาพยนตร์นี้ว่า "เป็นภาคต่อที่คุ้มค่าซึ่งมีสิ่งพิเศษจากฉากต่อสู้ในรูปแบบสามมิติ"[24] ขณะที่ เดอะฮอลลีวูดรีพอร์เตอร์ ก็กล่าวชื่นชมภาพยนตร์ในทำนองเดียวกัน[25] โรเจอร์ อีเบิร์ต ได้ให้คะแนนภาพยนตร์ 3.5 เต็ม 4 ดาว และยกย่องว่าภาคนี้เหนือว่าภาคแรก โดยถือเป็นส่วนต่อขยายที่มีความทะเยอทะยาน[26]

ผู้วิจารณ์บางคนได้สังเกตว่า ผู้บริหารงานผลิต กิเยร์โม เดล โตโร มีส่วนต่องานภาพยนตร์ในธีมที่มืดขึ้น[27] และจิม ทูดอร์ จากทวิตช์ฟิล์ม.เน็ต บรรยายว่า "เมื่อภาพยนตร์มีเดล โตโร เป็นทีมงาน ทำให้ภาพยนตร์เจาะลึกไปยังเรื่องราวการเดินทางและปัญหาในอดีตของโป คล้ายกับต้นฉบับของแคมป์เบลเลียน แต่ก็ยังมีความบันเทิงที่เหมาะกับทุกวัย"[28]

แฟรงก์ ลอเวซ จาก ฟิล์มเจอร์นัลอินเตอร์เนชันนัล กล่าวว่าภาพยนตร์ "มีความสวยงามที่เห็นได้อย่างแท้จริง" และ "ทำงานบนสุนทรียภาพและอารมณ์"[29] เบ็ตซี ชาร์คีย์ จาก ลอสแอนเจลิสไทมส์ เขียนว่า "สำหรับ แพนด้า 2 ไม่ใช่เพียงภาพยนตร์ทั่ว ๆ ไป แต่มันคืองานศิลป์ในระดับสูง"[30] ผู้วิจารณ์หลายคนกล่าวยกย่องแกรี โอลด์แมน ในด้านการพากย์เสียงและพัฒนาตัวละครที่ชื่ออ๋องเช็น และมีการเปรียบเทียบกับเอียน แม็คเชน ที่พากย์เสียงไต้ลุงในภาคแรก แองจี เออริโก จากนิตยสาร เอ็มไพร์ กล่าวถึงโอลด์แมนว่า "เป็นวายร้ายปกคลุมด้วยขนที่น่าเหลือเชื่อ และลักษณะตัวละครก็ทำให้การแสดงของเขานั้นได้เผยถึงการต่อสู้ที่ชวนตะลึง และหางนกยูงที่สะบัดไปด้วยสเน่ห์อันร้ายแรง"[31] ไคล์ สมิท จาก นิวยอร์กโพสต์ กล่าวว่า "ตอนแรกมันค่อนข้างยากที่จะรู้สึกว่านกยูงมันน่ากลัว (เสือดาวหิมะในภาคแรกยังดูน่ากลัวกว่า) แต่ทีมงานก็ประสบความสำเร็จในการปรุงแต่งนกยูงอ๋องหนุ่มให้ดูน่ากลัวขึ้นได้"[32]

รายได้

Thumb
เครื่องบินลายกังฟูแพนด้า ที่ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่ง

ตลอดช่วงที่ฉาย ภาพยนตร์ทำรายได้ถึง 165.2 ล้านดอลลาร์ฯ ในสหรัฐและแคนาดา และทำรายได้ในภูมิภาคอื่น ๆ ของโลกอีก 500.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมรายได้ทั้งหมด 665.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[2] โดยการฉายในระบบสามมิติมีส่วนในการทำรายได้ถึงร้อยละ 53 ของรายได้ทั้งหมดทั่วโลก[33] ภาพยนตร์นี้จึงกลายเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่ทำรายได้สูงสุดที่ใน ค.ศ. 2011 และเป็นภาพยนตร์ที่รายได้สูงเป็นอันดับที่ 6 ในปีนั้นด้วย[34] แต่ถ้านับรวมทุกปีแล้ว นี่เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่ทำรายได้สูงเป็นอันดับที่ 14 และเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงเป็นอันดับที่ 69[35] ในช่วงสัปดาห์แรกของการฉาย ภาพยนตร์ทำรายได้ถึง 108.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากเป็นอันดับที่ 3 รองจาก ไพเรทส์ออฟเดอะแคริบเบียน: ผจญภัยล่าสายน้ำอมฤตสุดขอบโลก และ เดอะ แฮงค์โอเวอร์ ภาค 2[36] นอกจากนี้ยังเคยเป็นภาพยนตร์ที่กำกับโดยผู้หญิงที่ทำรายได้สูงสุดจนกระทั่งถูกทำลายสถิตินี้โดย ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ ที่ออกฉายในอีกสองปีถัดมา และยังเป็นภาพยนตร์ที่กำกับโดยผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ทำรายได้สูงสุดจนกระทั่งถูกทำลายโดย วันเดอร์ วูแมน ใน ค.ศ. 2017[37]

ในอเมริกาเหนือ ภาพยนตร์ทำรายได้ 5.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐในวันเปิดตัว (26 พฤษภาคม ค.ศ. 2011) โดยมากเป็นอันดับที่สอง รองจาก เดอะ แฮงค์โอเวอร์ ภาค 2[38] และในวันถัดมา ภาพยนตร์ทำรายได้รวม 13.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยังน้อยกว่าที่ภาคแรกเคยทำได้ในช่วงเวลาเท่ากัน (20.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)[39] ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ภาพยนตร์ทำรายได้เพิ่มเป็น 47.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยังคงน้อยกว่าที่ภาคแรกเคยทำไว้ (60.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)[40] และในวันจันทร์วัดถัดมา (เมมโมเรียลเดย์) ภาพยนตร์ทำรายได้ในวันนั้น 13.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้มีรายได้ในช่วงวันหยุด 4 วันช่วงสุดสัปดาห์มากถึง 60.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[41]

ในภูมิภาคอื่น ๆ นอกจากอเมริกาเหนือ ภาพยนตร์ทำรายได้ในสัปดาห์แรก 55.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดอันดับหนึ่งของบ็อกซ์ออฟฟิศใน 9 จาก 11 ประเทศที่เข้าฉาย และเมื่อนับรวมทุกประเทศ ภาพยนตร์ทำรายได้มากเป็นอันดับที่ 3 รองจาก ไพเรทส์ออฟเดอะแคริบเบียน: ผจญภัยล่าสายน้ำอมฤตสุดขอบโลก และ เดอะ แฮงค์โอเวอร์ ภาค 2[42] นอกจากนี้ยังภาพยนตร์ยังทำรายได้นอกอเมริกาเหนือติดอันดับหนึ่งของบ็อกซ์ออฟฟิศ 2 สัปดาห์ติดต่อกัน (สัปดาห์ที่ 3 และ 4 ของการฉาย)[43][44]

ในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดที่ทำรายได้สูงสุดรองจากอเมริกาเหนือ มีการรายงานรายได้ในช่วงสุดสัปดาห์จากแหล่งข่าวสองแหล่งซึ่งมีข้อมูลต่างกัน แหล่งข่างแรกรายงานว่าทำรายได้ 19.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่อีกแหล่ง รายงานรายได้อยู่ที่ 16.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี กังฟูแพนด้า 2 ได้ทำสถิติเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้ในวันเปิดตัวมากที่สุดในจีน[45][46] และตลอดช่วงที่ฉาย ภาพยนตร์ทำรายได้ถึง 93.19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้กลายเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่ทำรายได้มากที่สุดในจีน แซงหน้าภาคแรก (26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)[47] ก่อนที่จะถูกทำลายสถิติโดยภาพยนตร์จีน ไซอิ๋ว วานรผู้พิทักษ์ ที่ออกฉายใน ค.ศ. 2015[48] กังฟูแพนด้า 2 เป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงที่สุดในช่วงสุดสัปดาห์แรกของการเปิดตัวในมาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, เกาหลีใต้ และไทย[49][50] นอกจากนี้ ยังกลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินได้สูงที่สุดในเวียดนาม แซงหน้าภาพยนตร์เรื่อง อวตาร[51][52]

รางวัล

ข้อมูลเพิ่มเติม รางวัล, ประเภท ...
รางวัลประเภทผู้ชนะ/ผู้เสนอชื่อเข้าชิงผล
รางวัลออสการ์ ครั้งที่ 84[53] ภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม Jennifer Yuh Nelson เสนอชื่อเข้าชิง
สมาคมสตรีผู้สื่อข่าวภาพยนตร์[54] ภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม กังฟูแพนด้า 2
Best Animated Female Angelina Jolie
Best Woman Director Jennifer Yuh Nelson
Annie Awards[55][56] ภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม Melissa Cobb
Animated Effects in an Animated Production Dave Tidgwell
Jason Mayer
Character Animation in a Feature Production Dan Wagner
Pierre Perifel
Directing in a Feature Production Jennifer Yuh Nelson ชนะ
Production Design in a Feature Production Raymond Zilbac
Storyboarding in a Feature Production Gary Graham
Philip Craven
เสนอชื่อเข้าชิง
Voice Acting in a Feature Production Gary Oldman
Voice Acting in a Feature Production James Hong
Editing in a Feature Production Clare Knight
ASCAP Award Top Box Office Films Hans Zimmer and John Powell ชนะ
1st Behind the Voice Actors Awards[57] Best Vocal Ensemble in a Feature Film กังฟูแพนด้า 2
Best Female Vocal Performance in a Feature Film Angelina Jolie เสนอชื่อเข้าชิง
Best Male Vocal Performance in a Feature Film Gary Oldman
Critics' Choice Awards[58] ภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม Jennifer Yuh Nelson
Golden Reel Awards[59] Best Sound Editing – Sound Effects, Foley, Dialogue and ADR in an Animation Feature Film John Marquis
โกลเดนโทเมโทส์อะวอร์ด 2011[60] ภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม กังฟูแพนด้า 2 อันดับที่ 5
Denver Film Critics Society[61] ภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม เสนอชื่อเข้าชิง
Houston Film Critics Society[62] ภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม
Kids' Choice Awards[63] Favorite Animated Movie
Favorite Voice From an Animated Movie Jack Black
Online Film Critics Society[64] ภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม Melissa Cobb
People's Choice Awards[65] Favorite Movie Animated Voice Jack Black
Producers Guild of America Awards[66] Best Animated Theatrical Motion Pictures Melissa Cobb
San Diego Film Critics Society Awards[67] ภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม Jennifer Yuh Nelson and Mellisa Cobb
Satellite Awards[68] Motion Picture, Animated or Mixed Media กังฟูแพนด้า 2
Saturn Awards[69] ภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม
St. Louis Gateway Film Critics Association Awards[70] ภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม Jennifer Yuh Nelson
Teen Choice Awards[71] Choice Movie Animated Voice Jack Black
Visual Effects Society Awards[72] Outstanding Visual Effects in an Animated Feature Motion Picture Melissa Cobb, Alex Parkinson, Jennifer Yuh Nelson, Raymond Zibach
Women Film Critics Circle[73] Best Animated Females กังฟูแพนด้า 2
ปิด

หมายเหตุ

  1. ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2014 สิทธิในการจัดจำหน่ายถูกโอนจากพาราเมาต์พิกเจอส์ไปยังดรีมเวิกส์แอนิเมชัน[3] และโอนย้ายไปยังทเวนตีเฟิสต์เซนจูรีฟอกซ์ ก่อนที่จะโอนคืนให้กับยูนิเวอร์แซลสตูดิโอส์ใน ค.ศ. 2018

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.