รัฐเคาะลีฟะฮ์ฟาฏิมียะฮ์ (อาหรับ: الخلافة الفاطمية) เป็นรัฐเคาะลีฟะฮ์แบบชีอะฮ์อิสมาอิลียะฮ์ที่ปกครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของแอฟริกาเหนือ ตั้งแต่ทะเลแดงทางฝั่งตะวันออก ถึงมหาสมุทรแอตแลนติกทางฝั่งตะวันตก เป็นราชวงศ์ของชาวอาหรับ[4]ที่ปกครองแถวชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของแอฟริกาและทำให้อียิปต์เป็นศูนย์กลางของรัฐเคาะลีฟะฮ์ โดยครอบครองตั้งแต่มัฆริบ, ซูดาน, ซิซิลี, ลิแวนต์ และฮิญาซ
ข้อมูลเบื้องต้น รัฐเคาะลีฟะฮ์ฟาฏิมียะฮ์ الخلافة الفاطميةAl-Khilafah al-Fāṭimīyah, เมืองหลวง ...
รัฐเคาะลีฟะฮ์ฟาฏิมียะฮ์
الخلافة الفاطمية Al-Khilafah al-Fāṭimīyah |
---|
ค.ศ. 909–ค.ศ. 1171 |
|
ระยะเวลาการขยายตัวของรัฐฟาฏิมียะฮ์ |
เมืองหลวง |
- ร็อกกอดะฮ์ (ค.ศ. 909–921)
- อัลมะฮ์ดียะฮ์ (ค.ศ. 921–948)
- อัลมันศูรียะฮ์ (948–973)
- ไคโร (ค.ศ. 973–1171)
|
---|
ภาษาทั่วไป |
|
---|
ศาสนา | อิสลาม (ชีอะฮ์อิสมาอิลี) |
---|
การปกครอง | รัฐเคาะลีฟะฮ์ |
---|
เคาะลีฟะฮ์ | |
---|
|
• ค.ศ. 909–934 (องค์แรก) | อับดัลลอฮ์ อัลมะฮ์ดีบิลลาฮ์ |
---|
• ค.ศ. 1160–1171 (องค์สุดท้าย) | อัลอาฎิด |
---|
|
ยุคประวัติศาสตร์ | ต้นสมัยกลาง |
---|
|
• โค่นล้มพวกอัฆลาบิด | 5 มกราคม ค.ศ. 909 |
---|
• พิชิตอียิปต์และก่อตั้งกรุงไคโร | ค.ศ. 969 |
---|
• ถูกโค่นล้มโดยเศาะลาฮุดดีน | 17 กันยายน ค.ศ. 1171 |
---|
|
พื้นที่ |
---|
ค.ศ. 969[2][3] | 4,100,000 ตารางกิโลเมตร (1,600,000 ตารางไมล์) |
---|
สกุลเงิน | ดินาร์ |
---|
|
ปิด
พวก ฟาฏิมิด (อาหรับ: الفاطميون, อักษรโรมัน: al-Fāṭimīyūn) อ้างว่าตนสืบเชื้อสายมาจากฟาฏิมะฮ์ ลูกสาวของศาสดามุฮัมมัด รัฐของพวกฟาฏิมิดเริ่มก่อร่างแถวชายฝั่งทางภาคตะวันตกของแอฟริกาเหนือ (ในประเทศแอลจีเรีย) ในปีค.ศ. 909 ได้มีการยึดครองร็อกกอดะฮ์ เมืองหลวงของอัฆลาบิด ในปีค.ศ. 921 พวกฟาฏิมิดได้ก่อตั้งเมืองหลวงของตนที่ตูนีเซียของอัลมะฮ์ดียะฮ์ ในปีค.ศ. 948 พวกเขาได้ย้ายเมืองหลวงไปที่อัลมันศูรียะฮ์ ใกล้กับก็อยเราะวานในตูนีเซีย ในปีค.ศ. 969 พวกเขาได้ยึดครองอียิปต์และตั้งเมืองไคโรเป็นเมืองหลวง จึงทำให้เอียิปต์เป็นศูนย์กลางทางการเมือง, วัฒนธรรม และศาสนาของชาวอาหรับ[5]
หลังจากการพิชิตครั้งแรก รัฐเคาะลีฟะฮ์ได้ยอมรับความต่างทางศาสนาต่อลัทธิที่ไม่ใช่ชีอะฮ์ของอิสลาม เช่นเดียวกันกับชาวยิว, ชาวมอลตาที่นับถือศาสนาคริสต์ และคอปติก[6] อย่างไรก็ตาม ผู้นำของรัฐนี้ไม่ได้ดำเนินการจูงใจประชากรในอียิปต์ไปมากเสียเท่าไหร่[7]
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 11 และศตวรรษที่ 12 รัฐเคาะลีฟะฮ์ฟาฏิมียะฮ์เสี่อมถอยลงเรื่อย ๆ และในปีค.ศ. 1171 เศาะลาฮุดดีนได้โจมตีรัฐนี้ และก่อตั้งราชวงศ์อัยยูบิดกับรวมรัฐของฟาฏิมียะฮ์ให้เป็นส่วนหนึ่งของ รัฐเคาะลีฟะฮ์อับบาซียะฮ์.[8]
เคาะลีฟะฮ์
บทความหลัก: รายพระนามเคาะลีฟะฮ์แห่งรัฐเคาะลีฟะฮ์ฟาฏิมียะฮ์
- อบูมุฮัมมัด อับดุลลอฮ์ อัลมะฮ์ดี บิลลาฮ์ (ค.ศ. 909–934) ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ฟาฏิมียะฮ์
- อบูลกอซิม มุฮัมมัด อัลกออิม บิอัมริลลาฮ์ (ค.ศ. 934–946)
- อบูฏอฮิร อิสมาอิล อัลมันศูร บิลลาฮ์ (ค.ศ.946–953)
- อบูตะมีม มะอัดด์ อัลมุอิซซ์ ลิดีนัลลอฮ์ (ค.ศ. 953–975) อียิปต์ถูกครอบครองในรัชสมัยนี้[9]
- อบูมันศูร นิซาร์ อัลอะซีซ บิลลาฮ์ (ค.ศ. 975–996)
- อบูอะลี อัลมันศูร อัลฮากิม บิอัมริลลาฮ์ (ค.ศ.996–1021) ศาสนาดรูซถูกก่อตั้งในรัชสมัยนี้
- อบูลฮะซัน อะลี อัซซอฮิร ลิอิอ์ซาซ ดีนัลลอฮ์ (ค.ศ. 1021–1036)
- อบูตะมีม มะอัดด์ อัลมุสตันศิร บิลลาฮ์ (ค.ศ. 1036–1094) การทะเลาะในเรื่องผู้สืบทอด นำไปสู่การแยกตัวของนิซารี
- อัลมุสตะอ์ลี บิลลาฮ์ (ค.ศ.1094–1101)
- อบูอะลี มุนศูร อัลอามิร บิอะฮ์กามัลลอฮ์ (ค.ศ. 1101–1130) ผู้ปกครองฟาฏิมียะฮ์หลังจากพระองค์ไม่ถือว่าพระองค์เป็นอิหม่ามโดยอิสมาอิลีสายมุสตะอ์ลี/ฏ็อยยะบียะฮ์
- อับดุลมะญีด อัลฮาฟิซ (ค.ศ. 1130–1149) ลัทธิฮาฟิซีถูกก่อตั้งโดยมีอัลฮาฟิซเป็นอิหม่าม
- อัซซอฟิร (ค.ศ. 1149–1154)
- อัลฟาอิซ (ค.ศ. 1154–1160)
- อัลอาฎิด (ค.ศ. 1160–1171)[10]
- รายชื่อราชวงศ์อิสลามนิกายชีอะฮ์
Wintle, Justin (May 2003). History of Islam. London: Rough Guides Ltd. pp. 136–7. ISBN 978-1-84353-018-3.
Pollard;Rosenberg;Tignor, Elizabeth;Clifford;Robert (2011). Worlds together Worlds Apart. New York, New York: Norton. p. 313. ISBN 9780393918472.{{cite book}}
: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)
Baer, Eva (1983). Metalwork in Medieval Islamic Art. SUNY Press. p. xxiii. ISBN 9780791495575. In the course of the later eleventh and twelfth century, however, the Fatimid caliphate declined rapidly, and in 1171 the country was invaded by Ṣalāḥ ad-Dīn, the founder of the Ayyubid dynasty. He restored Egypt as a political power, reincorporated it in the Abbasid caliphate and established Ayyubid suzerainty not only over Egypt and Syria but, as mentioned above, temporarily over northern Mesopotamia as well.
- Brett, Michael (2001). The Rise of the Fatimids: The World of the Mediterranean and the Middle East in the Fourth Century of the Hijra, Tenth Century CE. The Medieval Mediterranean. Vol. 30. Leiden: BRILL. ISBN 978-9004117419.
- Canard, Marius (1965). "Fāṭimids". ใน Lewis, B.; Pellat, Ch. & Schacht, J. (บ.ก.). The Encyclopaedia of Islam, Second Edition. Volume II: C–G. Leiden: E. J. Brill. pp. 850–862. OCLC 495469475.
- Cortese, Delia, "Fatimids", in Muhammad in History, Thought, and Culture: An Encyclopedia of the Prophet of God (2 vols.), Edited by C. Fitzpatrick and A. Walker, Santa Barbara, ABC-CLIO, 2014, Vol I, pp. 187–191.
- Daftary, Farhad (2007). The Ismāʿı̄lı̄s: Their History and Doctrines (Second ed.). Cambridge: Cambridge University Press. ISBN 978-0-521-61636-2.
- Daftary, Farhad (1999). "FATIMIDS". Encyclopaedia Iranica, Vol. IX, Fasc. 4. pp. 423–426.
- Halm, Heinz (1996). The Empire of the Mahdi: The Rise of the Fatimids. Handbook of Oriental Studies. Vol. 26. แปลโดย Michael Bonner. Leiden: BRILL. ISBN 978-9004100565.
- แม่แบบ:The Prophet and the Age of the Caliphates
- Halm, Heinz (2014). "Fāṭimids". ใน Fleet, Kate; Krämer, Gudrun; Matringe, Denis; Nawas, John; Rowson, Everett (บ.ก.). Encyclopaedia of Islam (3rd ed.). Brill Online. ISSN 1873-9830.
- Lev, Yaacov (1987). "Army, Regime, and Society in Fatimid Egypt, 358–487/968–1094". International Journal of Middle East Studies. 19 (3): 337–365. doi:10.1017/S0020743800056762. JSTOR 163658.
- Walker, Paul E. (2002). Exploring an Islamic Empire: Fatimid History and its Sources. London: I.B. Tauris. ISBN 9781860646928.
- แม่แบบ:Encyclopaedia Islamica