Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เดวิด ไมเคิล บอทิสตา จูเนียร์ (David Michael Bautista Jr.)[6] เกิด 18 มกราคม ค.ศ. 1969 เป็นนักแสดง, นักมวยปล้ำอาชีพที่เกษียณอายุ และอดีตนักต่อสู้แบบผสมชาวอเมริกัน มีฉายาว่า "ดิ แอนิมอล" (The Animal) เป็นที่รู้จักดีบนสังเวียนในนาม บาทิสตา (Batista) เป็นแชมป์ WWE 2 สมัย แชมป์โลกเฮฟวี่เวท 4 สมัย แชมป์แท็กทีม WWE 4 สมัย[7] ผู้ชนะรอยัลรัมเบิลประจำปี 2005 และ 2014
Dave Bautista | |
---|---|
เกิด | David Michael Bautista Jr. มกราคม 18, 1969 Arlington, Virginia, U.S. |
อาชีพ |
|
ปีปฏิบัติงาน | 1999–2010, 2014, 2019 (wrestling) 2006–present (acting) 2012 (MMA) |
คู่สมรส | Glenda Bautista (สมรส 1990; หย่า 1998) Angie Bautista (สมรส 1998; หย่า 2006) Sarah Jade (สมรส 2015; 2019) |
บุตร | 3 |
ชื่อบนสังเวียน | Batista Dave Batista Deacon Batista Khan[1] Leviathan[1] |
ส่วนสูง | 6 ฟุต 2.5 นิ้ว (189 เซนติเมตร)[2] |
น้ำหนัก | 216 ปอนด์ (98 กิโลกรัม)[2] |
มาจาก | Washington, D.C.[2] |
ฝึกหัดโดย | Afa Anoaʻi[3] Marrese Crump[1] |
เปิดตัว | October 30, 1999[4] |
รีไทร์ | April 8, 2019[5] |
ลายมือชื่อ | |
บาทิสตาก่อนเข้า WWE ก็เข้าสมาคม WXW ในเดือนตุลาคม 1999 โดยใช้ชื่อในสมาคมนี่ว่า Kahn และวันที่ 30 ตุลาคม เป็นแมตช์แรกที่ได้ปล้ำใน WXW ชนะ Southtown Joe พอในเดือนกุมภาพันธ์ 2000 ก็จะขอเซ็นสัญญาอยู่กับ WWF/E แต่ตอนนั้น WWE นั้นบอกให้กลับไปฝึกที่ OVW ก่อนและก็ได้แชมป์มากมาย[8] พอปี 2002 ก็มาต่อที่ WWE[3] และได้อยู่ SmackDown! เป็นลูกศิษย์ D-Von อยู่ได้พักหนึ่งก็หักหลัง D-Von[9][10] แล้วย้ายมาอยู่ RAW แล้วใช้ชื่อเดฟ บาทิสตา แล้วทริปเปิลเอชก็ชวนเข้ากลุ่ม Evolution[11] บาทิสตาก็ประสบความสำเร็จมากหลังจากอยู่ Evolution ได้แชมป์โลกแท็กทีมคู่กับริก แฟลร์ใน Armageddon 2003 จาก Dudley Boyz[12][13]
ในรอยัลรัมเบิล 2005 บาทิสตาเอาชนะจอห์น ซีนาได้ในแมตช์รอยัลรัมเบิล จึงได้รับสิทธิ์เข้าไปชิงแชมป์โลกในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 21[14] โดยมีแชมป์โลกอีก 1 คนของค่ายสแมคดาวน์คือเจบีแอล นั่นเองซึ่งเป็นเจ้าของแชมป์ WWE ในขณะนั้นมาเสนอให้ท้าชิงแชมป์เพราะ JBL ขับรถชน บาติสตาแต่เขาก็รอดชีวิตจากการช่วยเหลือของทริปเปิลเอช[15] จนทำให้เขาแค้นมากแต่เขาก็ไม่ไว้ใจทริปเปิลเอชด้วยเช่นกัน เพราะทริปเปิลเอชใช้บาทิสตาเป็นเครื่องทุ่มแรงในการปล้ำอยู่เสมอ บาทิสตาจึงตัดสินใจทำสัญญาท้าชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวทจากทริปเปิลเอชในเรสเซิลเมเนีย 21[16] สุดท้ายบาทิสตาก็เป็นฝ่ายเอาชนะและคว้าแชมป์โลกเฮฟวี่เวทสมัยแรกได้สำเร็จ[2][17] ภายหลังจากล้างแค้นได้สำเร็จในเวลาต่อมา บาทิสตา ถูกให้ย้ายไปสังกัดสแมคดาวน์ สลับกับจอห์น ซีนา ซึ่งเป็นแชมป์ WWE ที่ได้แชมป์มาจาก JBL ในเรสเซิลเมเนีย 21 ไปสังกัดรอว์[18] ต่อมาในปลายปี 2005 เขาต้องรับการผ่าตัด จึงมีความจำเป็นต้องสละตำแหน่งแชมป์ให้กับเคิร์ต แองเกิล[19] พอเขากลับมาในปี 2006 เขาได้เอาชนะบูเกอร์ ที เขาก็ได้เข็มขัดกลับมาอย่างสมใจ[20]
ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 23 บาทิสตาได้เสียแชมป์โลกเฮฟวี่เวทให้กับดิอันเดอร์เทเกอร์ (เป็นครั้งแรกที่เสียแชมป์โลก)[21] แต่เขาก็มีโอกาสกลับมาชิงแชมป์ได้จากเดอะเกรทคาลีอีกครั้ง ในอันฟอร์กิฟเว่น 2007[2][22] บาทิสตาก็เสียแชมป์โลกเฮฟวี่เวทให้กับเอดจ์ ในอาร์มาเกดดอน 2007[23] ต่อมาบาทิสตาได้เปิดศึกกับชอว์น ไมเคิลส์ เพราะชอว์นเป็นต้นเหตุที่ทำให้ริก แฟลร์ อดีตคู่หูกลุ่มเอฟโวลูชั่น และครูผู้ฝึกสอนของเขาต้องเลิกปล้ำ และท้าเจอกันในแบคแลช (2008) สุดท้ายบาทิสตาก็เป็นฝ่ายแพ้ไปให้กับชอว์น
ช่วงศึกไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2008) บาทิสตาก็ได้มีโอกาสชิงแชมป์โลกคืนจากเอดจ์ แต่เอดจ์ให้ด่านทดสอบว่าจะให้ปล้ำแท็กทีม 8 คน โดยบาทิสตาไม่มีคู่ปล้ำ แต่วิกกี เกร์เรโรอาสาเลือกคู่ปล้ำให้ โดยเลือกให้จับคู่กับนักมวยปล้ำจ็อบเบอร์ล้วนๆ ฝั่งของเอดจ์มีชาโว เกร์เรโร, เคิร์ต ฮอว์กินส์และแซค ไรเดอร์ แต่บาทิสตาก็เอาชนะทีมของเอดจ์ได้ทั้งหมด ภายหลังไนท์ออฟแชมเปียนส์นั้นทำให้บาทิสตามีความโกรธเคืองอย่างหนักจากที่เอดจ์ใช้กลโกง และไม่ทันได้แก้แค้นก็ถูกย้ายไปสังกัดค่ายรอว์ในทันทีจากการดราฟท์ตัว ไม่นานโอกาสที่ได้แก้แค้นมาถึงเมื่อเอดจ์เดินทางไปประกาศชัยชนะ ณ เวทีของรอว์ บาทิสตาจึงออกมาอัด ทำให้เอดจ์ไม่อยู่ในสภาพที่จะลุกขึ้นได้ จึงลงจากเวทีไป เป็นโอกาสให้ซีเอ็ม พังก์ เจ้าของกระเป๋า Money In The Bank เดินสวนทางออกมาใช้สิทธิ์นั้นทันที เป็นผลกรรมที่เอดจ์เคยใช้สิทธิ์นี้ต้องเสียแชมป์โลกเฮฟวี่เวทไป
บาทิสตาได้เปิดศึกกับ นักมวยปล้ำขั้นเทพที่มีฝีมือและดีกรีสูสีกับเขาในยุคนี้ คือ จอห์น ซีนา เนื่องจากมีปัญหาเข้าใจผิดที่ซีนาจะใช้เก้าอี้ตีใส่ JBL แต่ JBL หลบได้ เลยพลาดไปถูกบาทิสตา ทำให้คู่นี้กลายเป็นคู่กรณีกันโดย 2 คนนี้ถูกให้จับคู่กันเพื่อไปชิงแชมป์แทคทีมกับเดอะเลกาซี (โคดี โรดส์ และเท็ด ดิบิอาซี่) ซึ่งก็สามารถคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ[24][25] แต่เป็นเพราะคู่นี้เป็นคู่กรณีกัน จึงไม่มีความสามัคคี ทำให้อีก 1 อาทิตย์ต่อมา ต้องเสียแชมป์กลับคืนให้กับเลกาซี[26] จากนั้นคู่นี้ก็ได้เจอกันอย่างสมใจ เมื่อศึกใหญ่อย่างซัมเมอร์สแลม (2008)มาถึง ผลปรากฏว่าซีนาโดนบาทิสตาบอมบ์ ท่าไม้ตายของบาทิสตาแพ้ไปอย่างหมดรูป ทำให้ซีนาต้องพักการปล้ำไปนานพอควรเลยทีเดียว แมตช์นี้ถือได้ว่าเป็นการพบกันของ 2 นักมวยปล้ำชั้นนำของ WWE ซึ่งไม่เคยได้เจอกันแบบตัวต่อตัว นับแต่พวกเขาได้เข้ามาในวงการถึง 6 ปี[27]
จากนั้นต่อมา บาทิสตาได้กลายมาเป็นคู่ปรับกับนักมวยปล้ำหนุ่มผู้กวาดล้างนักมวยปล้ำที่เป็นตำนานนามว่าแรนดี ออร์ตัน ซึ่งเคยเป็นเพื่อนเก่าของบาทิสตาในกลุ่มเอฟโวลูชั่น เนื่องจากมีความแค้นส่วนตัวที่ออร์ตันถูกหักหลังและโดนไล่ออกจากกลุ่มนั่นเอง ในเซอร์ไวเวอร์ ซีรีส์ (2008) คู่นี้ได้ปะทะกันในรูปแบบแทคทีม 5 คน ในชื่อ อิลิมิเนชั่นแทกแมตช์ ซึ่งใครแพ้ต้องถูกคัดออก ผลปรากฏว่าบาทิสตาเป็นฝ่ายแพ้ให้กับออร์ตัน โดยมีโคดี โรดส์ ลูกน้องของออร์ตัน คอยช่วยอยู่ในฐานะสมาชิกแทคทีมของเขา จนกระทั่งในศึกส่งท้ายปีอย่าง อาร์มาเกดดอน (2008) คู่นี้ก็ได้เจอกันอีกครั้ง คราวนี้ บาทิสตาได้เอาคืนออร์ตัน โดยการเอาชนะล้างตาไปได้ แต่ในรอว์ ออร์ตันก็ได้เล่นงานบาทิสตาสารพัดและจบด้วยการเตะศีรษะบาทิสตาจนต้องพักการปล้ำไปนานถึง 4 เดือน[28]
4 เดือนต่อมาหลังศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 25 บาทิสตาได้กลับมาเพื่อทวนแค้นกับ แรนดี ออร์ตัน ซึ่งแพ้ ทริปเปิล เอช มาหมาดๆ จากการชิงแชมป์ WWE ซึ่งคราวนี้ บาทิสตา จะได้จับคู่แทคทีมกับ ทริปเปิล เอช และ เชน แมคแมน เจอกับ ออร์ตัน และ เดอะเลกาซี ในการปล้ำแทคทีม 6 คน ในศึก แบคแลช (2009) ซึ่งหากทีมออร์ตัน ชนะ ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายจับกดใครได้ก็ตาม ออร์ตัน จะกลายเป็นแชมป์ WWE ไปในทันที ผลปรากฏว่า บาทิสตาไม่อาจคุ้มครองลูกพี่เก่าเพื่อรักษาตำแหน่งแชมป์ไว้ได้จนต้องเสียแชมป์ WWE ให้กับ ออร์ตัน ในรอว์ บาทิสตาได้เจอกับ บิ๊กโชว์ เพื่อหาผู้ท้าชิงอันดับ 1 ในการชิงแชมป์ WWE ซึ่งบาทิสตา ได้เอาชนะ บิ๊กโชว์ ไปได้จากความช่วยเหลือของ จอห์น ซีนา ที่เข้ามารบกวน บิ๊กโชว์ ระหว่างแมตซ์ ทำให้บาทิสตา ได้ไปชิงแชมป์ WWE กับ ออร์ตัน เพื่อชำระแค้นกันอีกครั้ง ในศึก จัดจ์เมนท์เดย์ (2009) เมื่อถึงวันปล้ำ ออร์ตันได้ทำให้ตัวเองถูกจับแพ้ฟาวล์เพื่อรักษาตำแหน่งเอาไว้อีกครั้ง ในศึก เอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2009) บาทิสตาก็สามารถกระชากแชมป์จากออร์ตัน ได้ในแมตช์การปล้ำในกรงเหล็ก[29] แต่บาทิสตาก็ต้องสละแชมป์ WWE และพักการปล้ำไปเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่แขน[30]
บาทิสตาได้กลับมาอีกครั้งหลังจากเจ็บที่แขนไปยาวนาน และในแบรกกิ้ง ไรท์ส (2009) บาทิสตาได้ปล้ำในแมตช์ 4 เส้า ในการชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท จาก ดิอันเดอร์เทเกอร์ ร่วมด้วย เรย์ มิสเตริโอ และซีเอ็ม พังก์ ซึ่ง อันเดอร์เทเกอร์ เป็นฝ่ายป้องกันแชมป์ไว้ได้ ทำให้บาทิสตาโมโห จึงทำร้ายเรย์ จากนั้นก็ประกาศตัดเพื่อนกับเรย์ และกลายเป็นฝ่ายอธรรม ในเซอร์ไวเวอร์ ซีรีส์ (2009) บาทิสตา กับเรย์ ก็ได้เจอกัน ผลปรากฏว่า บาทิสตาเป็นฝ่ายชนะ[31] ในทีแอลซี: เทเบิล แลดเดอร์ แอนด์ แชร์ (2009) บาทิสตาได้ขอท้าชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท กับ อันเดอร์เทเกอร์ ผลปรากฏว่าในตอนแรก บาทิสตาชนะและได้แชมป์โลกเฮฟวี่เวท แต่ทีโอดอร์ ลองผู้จัดการทั่วไปของฝั่งสแมคดาวน์ ออกมาบอกว่าให้เริ่มใหม่อีกครั้ง และอันเดอร์เทเกอร์ก็สามารถป้องกันแชมป์โลกเฮฟวี่เวท เอาไว้ได้สำเร็จ[32]
ในอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2010) บาทิสตาได้กระชากแชมป์ WWE ไปจากจอห์น ซีนา หลังจากได้แชมป์จากเชมัส[33] ต่อมา บาทิสตาก็เล่นงานซีนาตลอดทั้งสัปดาห์และก็บอกว่า ซีนาไม่เคยชนะตนได้แม้แต่ครั้งเดียว แต่ว่าในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 26 บาทิสตาก็เสียแชมป์ WWE คืนให้กับซีนา และเป็นการพ่ายแพ้ให้กับซีนาครั้งแรกด้วย[34][35] ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2010) บาทิสตาได้ขอท้าซีนา ชิงแชมป์ WWE อีกครั้ง แต่บาทิสตา ก็แพ้ให้กับซีนาไปอีกเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน[36] ในโอเวอร์เดอะลิมิต (2010) บาทิสตาได้ขอท้าซีนา ชิงแชมป์ WWE อีกครั้ง สุดท้ายบาทิสตา ก็แพ้ไปอีกเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน แล้วก็อกหักอีกตามเคย[37] และบาทิสตาได้รับบาดเจ็บสาหัส ในรอว์คืนต่อมา (24 พฤษภาคม 2010) บาทิสตาได้ตัดสินใจประกาศลาออกจาก WWE[38]
ในรอว์ 20 มกราคม 2014 บาทิสตาได้กลับมาใน WWE อีกครั้ง โดยเปิดตัวออกมาก้มลงจูบพื้นเวที จากนั้นก็สวมกอดกับ ทริปเปิล เอช บาทิสตา ทักทายออร์ตัน และบอกว่านายมีปัญหาสินะที่เขากลับมา เพราะฉะนั้นจะขอบอกให้ชัดๆ เลยว่าเขากลับมาเพื่อจะเป็นแชมป์ WWE เขาไม่สนใจว่าหลังจบรอยัลรัมเบิล (2014) ใครจะเป็นแชมป์ระหว่าง ออร์ตัน, ซีนา หรือใครก็ช่าง เขากลับมาเพื่อชนะ รอยัลรัมเบิล และเป็นคู่เอก เรสเซิลเมเนีย จงทำใจซะเถอะ!![39] ในรอยัลรัมเบิล บาทิสตาก็ได้เป็นผู้ชนะในแมตช์รอยัลรัมเบิลอีกครั้ง และได้สิทธิ์ไปชิงแชมป์ ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 30[40] ต่อมาได้เปิดศึกกับอัลเบร์โต เดล รีโอ และได้ท้าเจอกันในอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2014) สุดท้ายบาทิสตาก็เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้สำเร็จ[41][42] ในเรสเซิลเมเนีย บาทิสตาไม่สามารถคว้าแชมป์มาได้ โดยแดเนียล ไบรอันคว้าแชมป์ไปได้สำเร็จ[43]
1 วันหลังจากจบเรสเซิลเมเนีย ในรอว์คืนต่อมา สเตฟานี แม็กแมนได้ออกมาสั่งให้ออร์ตันและบาทิสตาร่วมมือกันเป็นทีม เริ่มต้นจากแมตช์ชิงแชมป์แทกทีมกับดิ อูโซส์ ผลออกมาเป็นดับเบิลเคาท์เอาท์[44] และได้สั่งให้เคน, บาทิสตา และออร์ตันทำร้ายไบรอันก่อนการก่อนแข่งขันจะเริ่มต้นเป็นการสร้างจุดอ่อน และทำให้ทริปเปิลเอชมีโอกาสในการชนะมากขึ้น จนเดอะชีลด์ได้ออกมาบนเวที และจัดการกับพวกกลุ่มของทริปเปิลเอช และได้ช่วยไบรอัน จากการกลั่นแกล้งจากกลุ่มทริปเปิลเอช[45] ในรอว์ 14 เมษายน เดอะชีลด์ต้องปล้ำแฮนดิแคป 11 รุม 3 แต่กรรมการต้องยุติแมตช์ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายอัดกันไม่หยุด ก่อนที่ ทริปเปิลเอช, ออร์ตัน และบาทิสตา จะออกมาในนามของกลุ่ม เอฟโวลูชั่น และมาจัดการอัดกลุ่มเดอะชีลด์จนหมดสภาพ[46] ก่อนที่จะประกาศแมตช์แทกทีมอย่างเป็นทางการ ในสแมคดาวน์ 18 เมษายน ระหว่างเดอะชีลด์กับเอฟโวลูชั่นในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2014) สุดท้ายเอฟโวลูชั่นเป็นฝ่ายแพ้ ในเพย์แบ็ค (2014) เอฟโวลูชั่นได้เจอกับเดอะชีลด์ในแมตช์แทกทีม 6 คน ไม่มีกฎกติกา แบบคัดออก สุดท้ายเอฟโวลูชั่น แพ้รวด 3-0[47][48] ในรอว์คืนต่อมา บาทิสตาได้ประกาศขอลาออกจาก WWE[49][50][51][52]
วันที่ 16 ตุลาคม 2018 ในสแมคดาวน์ครบรอบตอนที่ 1000 บาทิสตาได้ปรากฏตัวในฐานะกลุ่มเอฟโวลูชั่นก่อนจะมีการท้าทายทริปเปิลเอชเล็กน้อย[53] ในรอว์ 25 กุมภาพันธ์ 2019 บาทิสตาได้ทำร้ายริก แฟลร์ในงานฉลองวันเกิดครบรอบ 70 ปีของแฟลร์เป็นการท้าทายทริปเปิลเอช[54] ในรอว์ 11 มีนาคม บาทิสตาและทริปเปิลเอชได้ออกมาะทะฝีปากกันก่อนที่บาทิสตาจะท้าทริปเปิลเอชให้เจอกันในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 35โดยทริปเปิลเอชได้เพิ่มรูปแบบการปล้ำเป็นแมตช์ไม่มีกฏกติกา (No Holds Barred match)[55] ซึ่งบาทิสตาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป[56] ก่อนจะประกาศรีไทร์อำลาสังเวียนอย่างเป็นทางการในเวลาต่อมา[5][57]
ในฐานะนักแสดง บอทิสตา ได้แสดงในภาพยนตร์เรื่อง The Man with the Iron Fists (2012), Riddick (2013), รับบทเป็น แดร็กซ์ ใน จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล ภาพยนตร์เจมส์ บอนด์เรื่อง Spectre (2015), เบลด รันเนอร์ 2049 (2017), My Spy (2020), Army of the Dead (2021), รับบทเป็น Glossu Rabban Harkonnen ใน ดูน (2021) และภาคต่อ (2024), Glass Onion: A Knives Out Mystery (2022) และ Knock at the Cabin (2023)
Year | Title | Role | Notes |
---|---|---|---|
2006 | Relative Strangers | Wrestler | Uncredited cameo |
2009 | My Son, My Son, What Have Ye Done? | Police officer | |
2010 | Wrong Side of Town | Big Ronnie | |
2011 | House of the Rising Sun | Ray | Action On Film Award for Performer of the Year |
The Scorpion King 3: Battle for Redemption | Argomael | ||
2012 | The Man with the Iron Fists | Brass Body | |
2013 | Riddick | Diaz | |
2014 | Guardians of the Galaxy | Drax the Destroyer | Detroit Film Critics Society Award for Best Ensemble Nevada Film Critics Society Award for Best Ensemble Cast Nominated – Central Ohio Film Critics Association Award for Best Ensemble Nominated – Phoenix Film Critics Society Award for Best Ensemble Acting |
2015 | L.A. Slasher | The Drug Dealer #1 | |
Spectre | Mr. Hinx | ||
Heist | Jason Cox | ||
2016 | The Boss | Chad | Uncredited |
Kickboxer: Vengeance | Tong Po | ||
Marauders | Stockwell | ||
The Warriors Gate | Arun the Cruel | ||
2017 | Guardians of the Galaxy Vol. 2 | Drax the Destroyer | |
Bushwick | Stupe | Also executive producer | |
Blade Runner 2049 | Sapper Morton | ||
2018 | Avengers: Infinity War | Drax the Destroyer | |
Hotel Artemis | Everest | ||
Escape Plan 2: Hades | Trent DeRosa | ||
Final Score | Michael Knox | Also producer | |
Master Z: The Ip Man Legacy | Owen Davidson | ||
2019 | Avengers: Endgame | Drax the Destroyer | Post-production |
Stuber | Vic | ||
Escape Plan 3: Devil's Station | Trent DeRosa | Post-production | |
My Spy | Post-production |
Year | Title | Role | Notes |
---|---|---|---|
2006 | Smallville | Aldar | Episode: "Static" |
2009 | Head Case | Himself | Episode: "All About Steve" |
2009 | Neighbours | Himself | Episode: "1.5719" |
2010 | Chuck | T.I. | Episode: "Chuck Versus the Couch Lock" |
2015 | TripTank | Delivery Guy (voice) | Episode: "Short Change" |
Year | Title | Role | Notes |
---|---|---|---|
2016 | The #Hashtagged Show | Dr. Jason Rush | 2 episodes |
Year | Title | Role | Notes |
---|---|---|---|
2017 | 2048: Nowhere to Run | Sapper Morton | Short film |
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.