Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โคดี แกร์เรตต์ รันเนลส์ (Cody Garrett Runnels; 30 มิถุนายน ค.ศ. 1985)[10][11] เป็นนักมวยปล้ำอาชีพและนักแสดงชาวอเมริกันที่รู้จักดีในชื่อ โคดี โรดส์ (Cody Rhodes) เจ้าของฉายา ดิ อเมริกัน ไนท์แมร์ (The American Nightmare) เป็นนักมวยปล้ำรุ่นที่ 2 ของตระกูลโรดส์ ลูกชายของ"ดิ อเมริกัน ดรีม" ดัสตี โรดส์ และน้องชายของดัสติน โรดส์ ปัจจุบันเขาเซ็นสัญญากับ WWE เป็นแชมป์อันดิสพิวเต็ด WWE นอกจากนี้เขายังเป็นที่รู้จักจากช่วงเวลาที่ออลอีลิตเรสต์ลิง ซึ่งเขาเคยเป็นผู้บริหารของสมาคม และเป็นแชมป์ AEW TNT Championship ถึง 3 สมัย
โคดี โรดส์ | |
---|---|
เกิด | โคดี แกร์เรตต์ รันเนลส์ 30 มิถุนายน ค.ศ. 1985[1] Marietta, Georgia, U.S. |
คู่สมรส | Brandi Rhodes (สมรส 2013) |
บุตร | 1 |
บิดามารดา | Dusty Rhodes (พ่อ) |
ญาติ | Dustin Rhodes (พี่ชายต่างมารดา) Magnum T. A. (พ่ออุปถัมภ์) Fred Ottman (ลุง) Jerry Sags (ลุง) Scorpio Sky (ลูกพี่ลูกน้องโดยการแต่งงาน/ลูกพี่ลูกน้องในกฎหมาย) Terri Runnels (อดีตภรรยาของพี่ชายต่างมารดา) |
ชื่อบนสังเวียน | Cody[2] Cody R[3][4] Cody Rhodes Fuego 2[5] Stardust |
ส่วนสูง | 6 ฟุต 2 นิ้ว (188 เซนติเมตร)[6] |
น้ำหนัก | 220 ปอนด์ (100 กิโลกรัม)[6] |
มาจาก | Atlanta, Georgia, U.S.[7] Charlotte, North Carolina, U.S. "The Fifth Dimension"[6] Marietta, Georgia, U.S.[8] |
ฝึกหัดโดย | Al Snow Danny Davis Dusty Rhodes Randy Orton Ricky Morton Shawn Spears |
เปิดตัว | 16 มิถุนายน 2006[9] |
โคดี แกร์เรตต์ รันเนลส์ เกิดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 1985 เป็นบุตรของนักมวยปล้ำอาชีพที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง เวอร์จิล รันเนลส์ จูเนียร์ ซึ่งเป็นที่รู้จักในอาชีพในนาม ดัสตี โรดส์ และมิเชล รูบิโอ ภรรยาคนที่สองของเขา นอกจากดัสตินน้องชายต่างมารดาแล้ว เขายังมีน้องสาวต่างมารดาจากการแต่งงานครั้งแรกของพ่อของเขา และน้องสาวเลือดเต็มตัว Teil จาก Dusty Rhodes และ Michelle Rubio ภรรยาคนที่สองของเขา เมื่อตอนที่เขายังเป็นวัยรุ่น เขาเปลี่ยนชื่อตามกฎหมายของเขาเป็นรันเนลส์ โรดส์[12][13]
โรดส์เข้าเรียนที่ Lassiter High School และประสบความสำเร็จในอาชีพมวยปล้ำในโรงเรียนมัธยมปลาย[1] เขาได้อันดับที่หกในรุ่นน้ำหนัก 171 ปอนด์ (78 กก.) ในฐานะนักเรียนปีที่สอง[14] ในฐานะรุ่นน้อง เขาชนะการแข่งขันจอร์เจียสเตทด้วยน้ำหนัก 189 ปอนด์ (86 กก.) ในปี 2003 และชนะได้อีกครั้งในฐานะแชมป์ปีสุดท้ายของเขา[14] เขาวางแผนที่จะเล่นมวยปล้ำในระดับวิทยาลัยที่ Penn State University แต่ตัดสินใจเป็นนักมวยปล้ำอาชีพแทน[15] ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในโรงเรียนมัธยม โรดส์ยังทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินในสมาคมมวยปล้ำ Turnbuckle Championship ของบิดาของเขาอีกด้วย[16] หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลาย โรดส์ได้เข้าเรียนในโรงเรียนการแสดง[17]
โคดีเริ่มอาชีพมวยปล้ำในสมาคม Ohio Valley Wrestling (OVW) ปี 2006[1][18][19] ได้ทั้งแชมป์เฮฟวี่เวท OVW[1][20], แชมป์เทเลวิชั่น OVW[1], แชมป์เซาต์เทิร์นแทกทีม OVW[21] และแชมป์ทริปเปิลคราวน์คนที่ 4 ของ OVW ก่อนจะเปิดตัวกับค่ายหลัก WWE ปีต่อมา[22] และได้รับรางวัลนักมวยปล้ำดาวรุ่งแห่งปี 2007 ได้คว้าแชมป์โลกแท็กทีมสมัยแรกคู่กับฮาร์ดคอร์ ฮอลลี[23] ก่อนจะเปลี่ยนคู่แท็กทีมเป็นเท็ด ดีบีอาซีโดยการหักหลังฮอลลีและนำตำแหน่งไปให้เท็ดตั้งชื่อทีมว่าไพรซ์เลส (Priceless)[24][25] ในปี 2009 โคดีกับเท็ดก็ได้ไปร่วมทีมกับแรนดี ออร์ตันกลายเป็นเดอะเลกาซี (The Legacy)[26][27] ช่วงต้นปี 2010 กลุ่มเลกาซีได้มีปัญหากัน[28][29] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 26 กลุ่มเลกาซีเจอกันแบบสามเส้าโดยออร์ตันเป็นฝ่ายชนะยุติบทบาทกลุ่มลงหลังจากร่วมกลุ่มกันมายาวนานถึง 18 เดือน[30]
โคดีได้เปลี่ยนบทบาทใหม่โดยใช้ฉายา "แดชชิ่ง" โคดี โรดส์[31][32] ในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2010)ได้คว้าแชมป์แท็กทีม WWEร่วมกับดรูว์ แม็กอินไทร์ในชื่อทีม DashingOne[33][34][35] ก่อนจะเสียให้จอห์น ซีนาและเดวิด โอทังกาในแบรกกิ้ง ไรท์ส (2010)[36] จากการถูกเรย์ มิสเตริโอใส่ 619 จนดั้งหักในสแมคดาวน์เดือนมกราคมทำให้ถอนตัวจากรอยัลรัมเบิล (2011) รวมถึงอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2011)ที่ไม่ได้ลงแข่ง โคดีแค้นและทำร้ายเรย์[37][38][39] ต่อมาดัสตี โรดส์ พ่อของโคดีออกมาบอกให้โคดีขอโทษเรย์แล้วโคดีก็ขอโทษ จากนั้นเมื่อเรย์จะเดินกลับดัสตีก็ดึงมือเรย์ไว้แล้วโคดีก็เล่นงานเรย์ จับอัดใส่มอนิเตอร์แล้วถอดหน้ากากของเรย์ออก ต่อมาโคดีได้ล้อเลียนเรย์โดยการเปิดเพลงทำท่าเลียนแบบรวมถึงใส่หน้ากากที่ดึงมาจากเรย์อีกด้วย แล้วพูดท้าทายว่าจะต้องเจอกันในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 27 สุดท้ายโคดีเป็นฝ่ายชนะ[40] ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2011)แพ้ให้เรย์แบบจับกดที่ไหนก็ได้[41] ในสแมคดาวน์ 12 สิงหาคม 2011 โคดีสามารถคว้าแชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัลสมัยแรกได้จากอีซีคีล แจ็กสัน[42] โคดีได้เปิดศึกกับบิ๊กโชว์โดยดึงมือบิ๊กโชว์ทำให้ตกรอบในแบทเทิลรอยัลหาผู้ท้าชิงแชมป์ WWE จากนั้นโคดีได้ทำคลิปล้อเลียนบิ๊กโชว์ โดยเอาภาพที่น่าอับอายของบิ๊กโชว์ในเรสเซิลเมเนียแต่ละปีมาล้อเลียน ทำให้บิ๊กโชว์แค้นมากจึงท้าชิงแชมป์อินเตอร์ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 28และโคดีก็เสียแชมป์[43] แต่ก็คว้าคืนมาได้แบบใช้โต๊ะในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2012)[44] ก่อนจะเสียให้คริสเตียนในโอเวอร์เดอะลิมิต (2012)[45]
ในรอว์ (24 กันยายน 2012) โคดีกับแดเมียน แซนดาวได้มาลอบทำร้ายแดเนียล ไบรอันกับเคน หลังจากที่ไบรอันกับเคนได้ตั้งชื่อทีมเฮลโน แล้วก็ประกาศว่าพวกเขาคือทีมโรดส์สกอลาส์[46] และได้ชิงแชมป์แท็กทีมกับเฮลโนในเฮลอินเอเซล (2012)แต่ไม่สำเร็จ[47] ในมันนีอินเดอะแบงก์ (2013)โคดีได้ถูกแซนดาวหักหลังแย่งกระเป๋าสิทธิ์ชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวทไป ทำให้ทั้งคู่เป็นศัตรูกัน และโคดีได้กลายมาเป็นฝ่ายธรรมะ[48] ในสแมคดาวน์ (26 กรกฎาคม 2013) โคดีออกมาขโมยกระเป๋าของแซนดาว ก่อนที่โคดีโผล่มาทางจอยักษ์แล้วเอากระเป๋ามาล่อให้แซนดาวออกไปไล่จับโคดีที่นอกสนาม แต่โคดีก็โยนกระเป๋าลงทะเล แซนดาวว่ายน้ำไม่เป็นแต่ก็กระโดดลงน้ำไป สุดท้ายก็เก็บมาไม่ได้ กระเป๋าจมหายไปในทะเล ส่วนแซนดาวตะเกียกตะกายขึ้นฝั่งมา[49] ในรอว์ (5 สิงหาคม 2013) โคดีออกมาพร้อมกับกล่องใบหนึ่ง แล้วก็ล้วงเอากระเป๋าของแซนดาวที่ยังเปียกๆ และมีสาหร่ายติดอยู่ด้วย โคดีบอกแซนดาวว่าถ้าอยากได้ก็ออกมาเอาสิ แซนดาวออกมาแล้วก็อัดกันไปมาก่อนถูกโคดีถีบตกเวที โคดีเปิดกระเป๋าออกมาแล้วก็หยิบสัญญาชิงแชมป์ที่เปียกโชกออกมาเยาะเย้ย[50] ในสแมคดาวน์ (9 สิงหาคม 2013) แซนดาววิ่งออกมาพร้อมกับกระเป๋าใบใหม่เพื่อจะใช้สิทธิ์ชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวทแต่โคดีมากระโดดถีบและต่อด้วย CrossRhodes[51] ในซัมเมอร์สแลม (2013)เอาชนะแซนดาวไปได้จบเรื่องราว[52]
ในรอว์ (2 กันยายน 2013) หลังจากที่แพ้แรนดี ออร์ตันนั้นส่งผลให้โคดีต้องถูกไล่ออกจาก WWE โดยคำสั่งของทริปเปิลเอช ประธาน COO[53] ซึ่งแท้จริงแล้วโคดีกำลังเตรียมตัวเข้าพิธีแต่งงานและไปฮันนีมูนกับแฟนสาวอย่าง แบรนดี รีด จึงสร้างเรื่องราวให้เขาถูกไล่ออกตามบท[54] ในรอว์ (30 กันยายน 2013) ทริปเปิลเอชกับสเตฟานี แม็กแมนออกมาที่เวทีและก็เชิญครอบครัวโรดส์ (ดัสตี, โคดี และโกลดัสต์) ให้ออกมาคุยกัน ทริปเปิลเอชบอกว่าเราให้โอกาสพวกนายแล้ว ให้โคดีเจอกับแรนดี ออร์ตันเพื่อรักษางานของโคดีแต่ก็แพ้ จากนั้นเราก็ให้โอกาสอีก ให้โกลดัสต์เจอกับออร์ตันแล้วก็แพ้อีก จากนั้นสเตฟานีก็ให้ดัสตีเลือกว่าจะให้ลูกคนไหนกลับเข้าทำงานแต่เขากลับบอกให้สเตฟานีไปลงนรกซะ ทริปเปิลเอชบอกจะให้โอกาสอีกครั้งให้โคดีกับโกลดัสต์เจอกับเซท รอลลินส์และโรแมน เรนส์ในแบทเทิลกราวด์ ถ้าชนะได้ก็จะให้กลับเข้าทำงานทั้งสองคน แต่ถ้าแพ้ทั้งคู่ก็จะไม่มีวันได้กลับมา WWE อีกตลอดกาล และดัสตีจะถูกไล่ออกจากตำแหน่งเทรนเนอร์ NXT ด้วย ดัสตีขอต่อรองว่าจะอยู่ที่มุมเวทีของลูกๆด้วย ซึ่งสเตฟานีก็ตกลง ครอบครัวโรดส์กำลังเดินกลับแต่ก็โดนเดอะชีลด์ ขึ้นมากระทืบจนนอนกองกันทุกคน ในแบทเทิลกราวด์โคดีและโกลดัสต์เป็นฝ่ายเอาชนะเดอะชีลด์ได้ทำให้ครอบครัวโรดส์ได้กลับมาทำงานใน WWE อีกครั้ง[55]
ในรอว์ (14 ตุลาคม 2013) โคดีและโกลดัสต์ได้คว้าแชมป์แท็กทีมจากรอลลินส์และเรนส์โดยการช่วยเหลือของบิ๊กโชว์[56] ในรอยัลรัมเบิล (2014)เสียแชมป์ให้เดอะนิวเอจเอาต์ลอวส์ (โรด ด็อกและบิลลี กัน) คืนเดียวกันโคดีได้เข้าร่วมรอยัลรัมเบิลออกมาเป็นลำดับที่4 แต่ไม่ได้เป็นผู้ชนะ ในรอว์ (3 กุมภาพันธ์ 2014) โคดีและโกลดัสต์ได้ชิงแชมป์กับนิวเอจเอาต์ลอวส์ในกรงเหล็ก แต่ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์คืนได้[57] ในเพย์แบ็ค (2014) หลังจากโคดีและโกลดัสต์แพ้แมตช์แท็กทีม โคดีบอกให้โกลดัสต์ไปหาคู่แท็กทีมใหม่ ในรอว์ (16 มิถุนายน 2014) โคดีได้เปิดตัวในบทบาทใหม่ในนามสตาร์ดัสต์จับคู่กับโกลดัสต์[58] ในรอว์ (25 สิงหาคม 2014) โกลด์และสตาร์ดัสต์ได้เป็นฝ่ายอธรรมโดยเล่นงานดิอูโซส์ หลังจากไม่สามารถคว้าแชมป์แท็กทีมได้ ทำให้ทั้งคู่ไม่พอใจ ในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2014) โกลด์และสตาร์ดัสต์คว้าแชมป์แท็กทีมจากอูโซส์ได้สำเร็จ[59] ก่อนจะเสียแชมป์ให้เดอะมิซและแดเมียน มิซดาวในเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2014) ต่อมาได้ทะเลาะกับโกลดัสต์และเจอกันในฟาสต์เลน (2015)แต่สตาร์ดัสต์เป็นฝ่ายแพ้ ต่อมาได้มีเรื่องกับสตีเฟน อาเมล นักแสดงซีรีส์เรื่อง Arrow ทำให้เจอกันแบบแท็กทีมในซัมเมอร์สแลม (2015)โดยสตาร์ดัสต์จับคู่กับคิง บาร์เร็ตต์ แพ้ให้อาเมลจับคู่กับเนวิลล์[60] เขาได้ลาออกจาก WWE ในเดือนพฤษภาคม 2016[61][62][63][64][65][66]
หลังออกจาก WWE โคดีได้เซ็นสัญญาปล้ำให้กับสมาคมอิสระทั่วไป[67][68][69][70][3][71] วันที่ 19 กรกฎาคม 2016 โคดีได้เซ็นสัญญากับริงออฟออเนอร์(ROH)[72] และเซ็นสัญญาสั้นๆกับTNA[73][4] วันที่ 10 ธันวาคม 2016 โคดีได้ร่วมปล้ำกับนิวเจแปนโปรเรสต์ลิง(NJPW) และใช้ฉายา "The American Nightmare"[74][75] ปี 2017 โคดีได้คว้าแชมป์โลก ROHสมัยแรกจากคริสโตเฟอร์ แดเนียลส์และเป็นแชมป์โลกเส้นแรกในอาชีพของเขา[76] วันที่ 1 กันยายน 2018 โคดีกับ The Young Bucks ได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดรายการเพย์เพอร์วิวศึก All In[77][78] และโคดีได้คว้าแชมป์โลกเฮฟวี่เวท NWAเป็นสมัยแรกจาก Nick Aldis ทำให้โคดีกับพ่อของเขา ดัสตี โรดส์ เป็นพ่อลูกคู่แรกที่ได้แชมป์โลก NWA[79] ในศึก Fighting Spirit Unleashed ของ NJPW โคดีก็ได้คว้าแชมป์ IWGP United States Championship จาก Juice Robinson เป็นแชมป์เส้นแรกในสมาคม NJPW[80] ในวันที่ 1 มกราคม 2019 โคดีได้เปิดตัวสมาคมใหม่ All Elite Wrestling (AEW) ซึ่งเขาร่วมกับ Matt และ Nick Jackson จะดำรงตำแหน่งรองประธานบริหาร[81] นอกจากนี้ยังได้เป็นแชมป์ TNT คนแรกของสมาคม[82][83][84] และลาออกจาก AEW ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022[85]
ในเดือนมีนาคม 2022 มีรายงานว่าโคดีได้เซ็นสัญญากับ WWE[86] และในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 38 โคดีได้กลับสู่ WWE อีกครั้งในรอบ 6 ปีโดยเอาชนะเซท รอลลินส์ไปได้[87][88][89] และยังสามารถเอาชนะได้อีก 2 ครั้งทั้งในแบ็กแลช[90] และเฮลอินเอเซล[91] ก่อนจะพักการปล้ำหลายเดือนเพราะได้รับบาดเจ็บ[92] วันที่ 28 มกราคม 2023 โคดีได้กลับมาโดยเข้าร่วมแมตช์รอยัลรัมเบิลฝั่งชายเป็นคนที่ 30 และเป็นผู้ชนะคว้าสิทธิ์ชิงแชมป์โลกในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 39[93] แต่ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้จากการก่อกวนของโซโล ซิโกอา[94] หลังจากเมเนียโคดีได้เปิดศึกไตรภาคกับบร็อก เลสเนอร์[95] โดยโคดีชนะไปได้ในแบ็กแลช[96] และแพ้ในไนท์ออฟแชมเปียนส์จนเสมอกัน 1-1[97] ทำให้มีการตัดสินกันในซัมเมอร์สแลม และเป็นโคดีที่สามารถเอาชนะไปได้เป็นการสิ้นสุดเรื่องราว ในฟาสต์เลน 2023 ได้คว้าแชมป์แท็กทีมคู่กับเจย์ อูโซจากการเอาชนะเดอะ จัดจ์เมนท์ เดย์ (ฟิน บาเลอร์และแดเมียน พรีสต์)ได้สำเร็จ เป็นแชมป์เส้นแรกของโคดีตั้งแต่กลับมา WWE[98] แต่ก็เสียคืนหลังครองได้ 9 วัน[99]
ในศึกรอยัลรัมเบิล 2024 โคดีได้เป็นผู้ชนะแมตช์ 30 คนอีกครั้งโดยเหวี่ยงซีเอ็มพังก์ออกเป็นคนสุดท้าย ทำให้เป็นคนที่ 4 ที่ชนะรัมเบิล 2 ปีซ้อน โดยเป็นคนแรกที่ทำได้ในรอบ 26 ปี นับตั้งแต่ 1998[100][101] พร้อมประกาศเลือกชิงแชมป์กับโรแมน เรนส์อีกครั้งที่เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 40[102] จนกระทั่งใน SmackDown 2 กุมภาพันธ์ โคดีบอกว่าจะไม่เจอเรนส์ในเมเนียจากนั้นเดอะร็อกก็ออกมาท้าเรนส์แทน โดยโคดีจับมือกับร็อกและลงจากเวทีไป[103][104][105] เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดการความไม่พอใจจากแฟนๆ บนโซเชียลมีเดีย จากการที่ร็อกขัดขวางเรื่องราวระยะยาวของโคดีกับเรนส์[106] ในระหว่างงานสื่อเรสเซิลเมเนีย 40 คิกออฟ เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ซึ่ง ร็อก, เรนส์ และเซธ รอลลินส์ อยู่พร้อมหน้าเพื่อฟังการตัดสินใจของโคดี ในระหว่างที่เรนส์และร็อกตัดสินใจกันเองว่าพวกเขาจะเป็นคู่เอกของเมเนีย โคดีก็ออกมาบอกว่าเขาเท่านั้นทีมีสิทธิ์เลือกชิงแชมป์และประกาศเลือกเรนส์ หลังจากมีการพูดจาดูถูกครอบครัวของกันและกัน ร็อกบอกว่าตอนนี้เขามีปัญหากับโคดีก่อนตบหน้าโคดี[107] โคดีได้ขอท้าเจอร็อกแบบตัวต่อตัวแต่ร็อกปฏิเสธและเปลี่ยนเป็นแบบแท็กทีมโดยร็อกจับคู่กับเรนส์เจอกับโคดีคู่กับเซธในคู่เอกคืนแรกของเรสเซิลเมเนียโดยมีเงื่อนไขว่าหากฝั่งโคดีชนะกลุ่มบลัดไลน์จะถูกแบนข้างเวทีในแมตช์ชิงแชมป์คืนที่ 2 แต่ถ้าแพ้ฝั่งบลัดไลน์จะมีสิทธิ์เลือกกติกาในแมตช์ชิงแชมป์ และหากโคดีแพ้จะไม่มีโอกาศชิงแชมป์กับเรนส์อีกต่อไป ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 40 คืนที่ 1 โคดีและเซธ รอลลินส์ แพ้ให้กับ เดอะร็อกและโรมัน เรนส์ ทำให้แมตช์โคดีและเรนส์ในคืนที่ 2 จะแข่งขันภายใต้กฎของบลัดไลน์ อย่างไรก็ตาม โคดีสามารถเอาชนะเรนส์ และคว้าตำแหน่งแชมป์อันดิสพิวเต็ด WWE ได้สำเร็จ นับว่าเป็นแชมป์โลกครั้งแรกของเขาภายใต้สมาคม WWE[108]
ในเดือนกรกฎาคม 2009 โรดส์กลายเป็นหนึ่งในใบหน้าของยิลเลตต์ "Be a Superstar" แคมเปญโฆษณาพร้อมกับคริส เจริโคและจอห์น ซีนา[109][110] "Be a Superstar" เป็นแคมเปญแบบโต้ตอบสี่เดือนยาว ซึ่งเป็นจุดเด่นของนักมวยปล้ำในวิดีโอจำนวนมากการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ยิลเลตต์ฟิวชั่น[109] ในเดือนสิงหาคม 2009 โรดส์ได้ไปร่วมรายการ The Tonight Show with Conan O'Brien[111]
รันเนลส์ เป็นลูกชายของ "ดิอเมริกันดรีม" ดัสตี โรดส์ และน้องชายของดัสติน โรดส์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในนาม โกลดัสต์ นอกจากนี้เขายังมีน้องสาวสองคน, ส่วนที่ Gergel และคริสตินเช่นเดียวกันซึ่งเป็นอดีตดัลลัสเคาบอยเชียร์ลีดเดอร์[112]
ในเดือนกันยายนปี 2013 เขาแต่งงานกับแบรนดี โรดส์ ที่ทำงานให้กับ WWE เป็นผู้ประกาศภายใต้ชื่อ อีเดน[113] เขามีเชื้อสายคิวบาบางส่วนผ่านตาทวดของเขา[114] ที่ 31 มีนาคมปี 2007 เขาและดัสตินพี่ชายแต่งตั้งให้พ่อของพวกเขาในหอเกียรติยศ WWE[115] เขาเป็นหลานชายของอดีตนักมวยปล้ำมืออาชีพเจอร์รี่โดและเฟร็ด Ottman และลูกบุญธรรมของแม็กนั่ม ทีเอ
รองเท้ามวยปล้ำที่โดดเด่นเป็นสัญลักษณ์ Triforce จากตำนาน Zelda ชุดของวิดีโอเกมที่เขาเป็นแฟน; เขาได้กล่าวว่าเขาไกล Link ที่ผ่านมารายปี[17][116] ธารายังเป็นแฟนหนังสือการ์ตูนและได้สวมใส่เกียร์มวยปล้ำแรงบันดาลใจจากเทวทูตและนายอุบาทว์ตัวละครจาก X-Men[117] เขาอ้างอิงปลายแดง และไซคลอปส์เป็นตัวละครที่เขาชื่นชอบพร้อมกับ Inhumans ส่วนตัวเขาเป็นเจ้าของตู้เกม 1992 X-Men เกมอาเขต[117]
Year | Title | Role | Notes |
---|---|---|---|
2009 | The Tonight Show with Conan O'Brien | Himself | Episode: "Mike Tyson and Keith Berry" |
2010 | Warehouse 13 | Kurt Smoller | Season 2, episode 8: "Merge with Caution"[120] |
2011 | Food Network Challenge | Himself | Season 12, episode 11: "WWE Wrestling Cakes" |
2014 | Surprise Surprise | Episode: "Mothers Day Edition" | |
2016–2018 | Arrow[121] | Derek Sampson | 7 episodes Credited as Cody Runnels[122][123] |
2018 | WAGS Atlanta | Himself | |
2021–Present | Go-Big Show[124] | Judge | |
2021 | Rhodes to the Top[125] | Himself |
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.