Loading AI tools
องค์กรของนักเรียนในสื่อชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กองทัพดัมเบิลดอร์ (อังกฤษ: Dumbledore's Army - D.A.) ก่อตั้งขึ้นโดยแนวคิดของ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ว่าอยากให้ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เพื่อนซี้ของเธอเป็นครูสอนวิชา ป้องกันตัวจากศาสตร์มืด ภาคปฏิบัติ โดยโครงการนี้ก่อตั้งขึ้นในภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์ เพื่อให้สมาชิกที่เรียกตนเองว่า กด. ร่วมกันเรียนรู้เกี่ยวกับวิชา ป้องกันตัวจากศาสตร์มืด ที่ไม่เคยได้เรียนอย่างเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่นัก ชื่อของกองทัพดัมเบิลดอร์ นั้นเกิดจากการเสนอความเห็นร่วมกันของ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ โช แชง และ จินนี่ วีสลีย์ เนื่องจาก เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ต้องการชื่อที่คนอื่นไม่ทราบว่ากลุ่มนี้กำลังทำอะไรอยู่ โช แชง และ จินนี่ วีสลีย์ จึงร่วมกันเสนอชื่อนี้ในที่สุด
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
จักรวาล | แฮร์รี่ พอตเตอร์ |
---|---|
ก่อตั้ง | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์ |
สถานที่ตั้ง | ห้องต้องประสงค์ |
ผู้นำ | |
เป้าหมาย |
|
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง | ภาคีนกฟีนิกซ์ |
ศัตรู |
|
กองทัพดัมเบิลดอร์ เริ่มก่อตั้งครั้งแรก ณ ร้านหัวหมู หมู่บ้านฮอกส์มี้ด โดย จินนี่ วีสลีย์เป็นคนเสนอชื่อ และได้ใช้อักษรย่อว่า D.A. เพื่อเป็นการรักษาความลับตามความคิดของโช แชง ส่วนชื่อเต็มกองทัพดัมเบิลดอร์มาจากจินนี วีสลีย์ ได้ชุมนุมกันในห้องต้องประสงค์ที่อยู่บนชั้น 7 ของฮอกวอตส์ มีจุดประสงค์หลักเพื่อสอนคาถาและการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด โดยมีจำนวนสมาชิกแรกเริ่ม 28 คน ในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์ มี 3 คนที่มองเห็นเธสตรอลได้และมีอย่างน้อย 8 คนที่เสกคาถาผู้พิทักษ์ได้ ต่อมามีสมาชิกเพิ่มเป็น 29 ราย
ในปีสุดท้าย ลีแอนน์และจิมมี ฟีกส์ เข้าร่วมด้วยรวมเป็น 31 ราย (แม้ในหนังสือไม่ได้ระบุชื่ออย่างชัดเจนแต่ลีแอนน์ได้รับความช่วยเหลือ จากแฮรี่ เฮอร์ไมโอนี่ และรอน ในขณะที่เพื่อนสนิท เคที เบลล์ ถูกคำสาปจากสร้อยคอ ในเล่มที่ 6 ส่วน จิมมี ฟีกส์ เป็นบีตเตอร์ที่แฮรี่ พอตเตอร์เลือกเองต้องการร่วมในสงครามครั้งสุดท้าย แต่ถูกมิเนอร์ว่า มักกอนนากัลถูกไล่ให้ออกไปจากโรงเรียนเนื่องจากยังเด็ก)
ในภาพยนตร์มีสมาชิกเพิ่มภายหลัง 5 ราย รวมเป็น 36 ราย มีผู้เข้าร่วมสงครามครั้งสุดท้าย 29 ราย ผู้ไม่ได้เข้าร่วมได้แก่ 5 ราย ได้แก่ เดนนิส ครีฟวีย์ จิมมี ฟีกส์ ถูกอาจารย์ไล่ให้ออกไปจากสงครามเนื่องจากยังเด็ก ส่วน มารีเอตต้า เอจคอมป์ เรียนจบแล้วและไม่ได้กลับมา และ แซคคาไรอัท สมิธ จงใจหนีสงครามครั้งสุดท้าย เนื้อหาในภาพยนตร์ กล่าวถึงแตกต่างออกไป
อย่างไรก็ตาม กองทัพดัมเบิลดอร์ต้องยุติบทบาทลงเมื่อมารีเอตต้า เอจคอมป์ หนึ่งในสมาชิกบ้านเรเวนคลอได้นำความลับของกองทัพไปบอกแก่อัมบริดจ์ ภายหลังมารีเอ็ตต้าก็ได้คำสาปที่ปรากฏเป็นคำว่า "ปากบอน" บนแก้มของเธอ ซึ่งเป็นคำสาปที่เฮอร์ไมโอนี่เสกไว้ลงโทษคนที่นำความลับของกองทัพไปบอกผู้อื่น
แม้แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่จะไม่ได้เรียนต่อในปีที่ 7 กองทัพดัมเบิลดอร์ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งในเล่มสุดท้าย ภายใต้การนำของ เนวิลล์ ลองบัตท่อม มีจุดประสงค์เพื่อสอนคาถาและต่อต้านการปกครองฮอกวอตส์ของเหล่าผู้เสพความตาย
รับหน้าที่เป็นอาจารย์สอนแฮรี่มีสัตว์วิเศษประจำตัวเป็นนกเค้าแมวหิมะให้ชื่อว่าเฮ็ดวิกผู้พิทักษ์ของแฮรี่เป็นกวางตัวผู้ แฮรี่พอตเตอร์ใช้ไม้กายสิทธิ์เป็นไม้ฮอลลี ยาวสิบเอ็ดนิ้วข้างในบรรจุขนหางของนกฟินิกซ์[1]
รับหน้าที่ในการตามตัวสมาชิก และ ดูแลความเรียบร้อยผู้พิทักษ์ของเธอเป็นตัวนากสีเงินแวววาว เฮอร์ไมโอนี่ มีสัตว์วิเศษประจำตัวเป็นแมวพันธุ์ผสมเนียเซิลเธอให้ชื่อว่า ครุกแชงค์ ไม้กายสิทธิ์ที่ใช้เป็นไม้วอลนัต เอ็นหัวใจมังกร สิบสองนิ้วสามกระเบียดโดยยึดมาจาก เบลลาทริงซ์ เลสแตรงจ์ มีความเป็นไปได้ที่เฮอร์ไมโอนี่จะขอให้ช่างทำไม้กายสิทธิทำไม้แบบเดิมที่เธอใช้ เนื่องจากเธอไม่ชอบไม้กายสิทธิ์ของเบลลาทริงซ์ เลสสแตรงจ์ เป็น ไม้กายสิทธิ์ทำจากไม้องุ่น แกนกลางบรรจุเอ็นหัวใจมังกร ยาว 10 3/4 นิ้ว เป็นไม้ที่มีรูปร่างที่สวยงามจากลายเถาวัลย์
หนึ่งในสมาชิกการเรียนการสอนรอนเป็นเพื่อนสนิทกับแฮรี่ พอตเตอร์ มีสัตว์วิเศษประจำตัวคือนกเค้ากู่ ซึ่งได้มาจากซิเรียส แบล็ก จินนี วีสลีย์ ให้ชื่อว่าพิกวิกเจียนผู้พิทักษ์ของรอนเป็นสุนัขเทอร์เรียสีเงิน รอนใช้ไม้กายสิทธิ์ วิลโลว์ ขนยูนิคอร์น ต่อมาใช้ไม้เกาลัดและเอ็นหัวใจมังกร เก้านิ้วหนึ่งกระเบียดยึดมาจากปีเตอร์ เพตติกรูว์
เนวิลล์ ลองบัตท่อม เป็นนักเรียนบ้านบ้านกริฟฟินดอร์ เกิดวันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 1980 วันเดียวกับวันเกิดของแฮร์รี่ พอตเตอร์ เขาจึงมีคุณสมบัติแค่เกือบตรงกับคำพยากรณ์หายนะ ผู้ที่จะปราบเจ้าแห่งศาสตร์มืด เพียงแค่ว่าโวลเดอมอร์ไม่ได้เลือกเขา เขาจึงไม่ใช่ผู้ที่ถูกเลือก โวลเดอมอร์ตีความหมายของคำพยากรณ์นั่นว่าหมายถึง แฮร์รี่ พอตเตอร์ และนั่นทำให้เขารอดพ้นชะตากรรมอันแสนสาหัสแบบเดียวกับแฮร์รี่ต้องเผชิญไปได้ เนวิลล์ ลองบัตท่อม เป็นลูกชายของ แฟรงค์และอลิซ ลองบัตท่อม พ่อและแม่ของเขาเป็นสมาชิกภาคีนกฟีนิกซ์ อีกทั้งพวกเขาทั้งสองคนยังเป็นมือปราบมารด้วย แต่เขาทั้งสองก็ถูกพวกผู้เสพความตาย นำโดย เบลลาทริกซ์ เลสแตรงจ์ ใช้คำสาปกรีดแทงจนเสียสติจนต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเซนต์มังโก พวกแฮร์รี่ซึ่งไปเยี่ยมคุณวีสลีย์เจอพวกเขาโดยบังเอิญ และได้รับการเปิดเผยถึงสาเหตุที่พ่อแม่ของเนวิลล์ต้องมาอยู่ที่เซนต์มังโกแห่งนี้ ที่นั่นเนวิลล์มองหน้าพวกแฮร์รี่เหมือนกับจะประชดประชันให้พวกเขาหัวเราะเยาะที่มีพ่อแม่เสียสติ ทว่าในเวลานั้นถูกบรรยายว่า แฮร์รี่ไม่เคยเจอเหตุการณ์ใดที่ไม่ชวนหัวเราะมากที่สุดในชีวิตขนาดนี้มาก่อน เนวิลล์มีสัตว์วิเศษเป็นคางคกให้ชื่อว่าเทรเวอร์ แม้เนวิลล์จะเสกคาถาผู้พิทักษ์ได้แต่ไม่มีการระบุแต่อย่างใดว่าเป็นสัตว์ชนิดใด
เนวิลล์เป็นเด็กผู้ชายที่ซุ่มซ่าม ขี้ลืม ทำอะไร ๆ พลาดบ่อย ถึงขนาดต้องพกลูกแก้วเตือนความจำ และ จดรหัสผ่านเข้าหอพักพกติดตัว อาศัยอยู่กับคุณย่าออกัสต้า ลองบัตท่อม ซึ่งมีนิสัยเข้มงวดตั้งแต่เขายังเล็ก ๆ เมื่อเนวิลล์เติบโตขึ้น เขากลายเป็นเด็กหนุ่มที่มีความคิดกล้าตัดสินใจ มีความเป็นผู้นำ กล้าหาญ และใจถึงเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังรักเพื่อนพ้อง ไม่ยอมทรยศแม้แต่ครั้งเดียว ใน แฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟินิกส์ เนวิลล์เป็นสมาชิกของกองทัพดัมเบิลดอร์ เขาเคยเห็นคนตายมาแล้วคือคุณปู่ของเขา จึงเป็นคนหนึ่งที่เห็นเธสตรอลและได้ร่วมต่อสู้กับผู้เสพความตายที่กองปริศนา กระทรวงเวทมนตร์ และเป็นคนทำลายลูกแก้วพยากรณ์ ลูกแก้วที่ทำนายผู้ที่จะปราบลอร์ดโวลเดอมอร์แตกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงทำให้ไม่รู้คำทำนายของลูกแก้วนั้น ภายหลังแฮร์รี่ได้รู้จากศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ว่า สิ่งที่ลูกแก้วพยากรณ์ได้เก็บไว้คือ ผู้ที่จะปราบลอร์ดโวลเดอมอร์คือคนที่เกิดวันสุดท้ายของเดือนกรกฎาคม ท้าทายลอร์ดโวลเดอมอร์มาแล้วสามครั้ง และโวลเดอมอร์ได้ทำเครื่องหมายเขาในฐานะผู้เท่าเทียมกัน ซึ่ง 2 ข้อแรกนั้นอาจเป็นแฮร์รี่หรือเนวิลล์
ใน ปีที่ 6 นางออกัสต้า ลองบัตทอม กล่าวต่อหนังสือพิมพ์ว่าเนวิลล์เป็นเพื่อนสนิทของแฮรี่ พอตเตอร์และบังเอิญได้ต่อสู้กับผู้เสพความตายเคียงข้างเขาที่กระทรวงเมื่อเดือนมิถุนายน เนวิลล์ ลองบัตทอมใช้ไม้กายสิทธิใหม่ในปีนี้เป็น ไม้เชอร์รี แกนกลางขนยูนิคอร์น
ในภาคสุดท้ายเหล่าผู้เสพความตายครอบงำฮอกวอตส์ เนวิลล์ทำหน้าที่ผู้นำแทนแฮร์รี่และคอยติดตามข่าวของแฮร์รี่เป็นระยะ ๆ แต่สิ่งที่ขัดขวางเขาคือพวกพี่น้องแคร์โรลพี่น้องผู้เสพความตายที่มาสอนวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืดที่คราวหลังถูกพวกนี้ใช้คำว่าศาสตร์มืดแทนเนื่องจากสอนเรื่องศาสตร์มืดของจริง เนวิลล์พยายามขโมยดาบกริฟฟินดอร์ของจริงจากห้องทำงานของสเนปแต่ถูกจับได้จึงทำให้เขาถูกลงโทษแสนสาหัส และในวิชาต่าง ๆ ที่พวกแคร์โรลสอนเขามักพูดต่อต้านทุกครั้งซึ่งเป็นสิ่งที่แฮร์รี่เคยทำในสมัยที่โดโลเรส อัมบริดจ์ครองฮอกวอตส์ ในวันที่แฮร์รี่กลับมาเขายังต่อสู้ได้อย่างสมเกียรติในสงครามฮอกวอตส์และยังตัดหัวนากินีงูของโวลเดอมอร์ทำให้แฮร์รี่ฆ่าโวลเดอมอร์ได้สำเร็จ
สิบเก้าปีต่อมาเนวิลล์เป็นอาจารย์สอนวิชาสมุนไพรศาสตร์ที่ฮอกวอตส์ เนวิลล์ แต่งงานกับ ฮันนาห์ อับบอต โดยอาศัยร่วมกันที่ร้านหม้อใหญ่รั่ว ที่ฮันนาห์ได้เป็นเจ้าของคนต่อมา
จิเนฟรา "จินนี่" มอลลี่ วีสลีย์ เป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัว"วีสลีย์" และเป็นน้องคนสุดท้องของพี่ชายทั้ง 6 คน เธอจึงมีลักษณะนิสัยที่ค่อนข้างเด็ดขาดและเข้มแข็ง เธอยังเป็นที่ชื่นชอบของนักเรียนทั้งชายและหญิงในฮอกวอตส์หลาย ๆ คนอีกด้วย เธออายุน้อยกว่ารอนและแฮร์รี่หนึ่งปี ไม้กายสิทธิ์ที่เธอใช้มาจากต้นยู แอบหลงรักแฮร์รี่มานาน จินนี่พบกับแฮร์รี่ครั้งแรกในภาคหนึ่ง ตอนที่เธอและครอบครัวไปส่งพี่ ๆ ขึ้นรถไฟไปฮอกวอตส์ ในภาค 2 เธอเข้ามาเรียนที่ฮอกวอตส์เป็นปีแรก และได้รับการคัดสรรมาสู่บ้านกริฟฟินดอร์เธอคือผู้เปิดห้องแห่งความลับขึ้นมาอีกครั้ง ภายใต้การครอบงำของโวลเดอมอร์ผ่านสมุดบันทึกของเขา และในท้ายที่สุดแฮรี่ก็ช่วยเธอไว้ได้
จินนี่ยังเป็นเชสเซอร์ของทีมกริฟฟินดอร์ โดยเธอยังสามารถเล่นตำแหน่งซีกเกอร์แทนแฮร์รี่ได้อีกด้วย ในภาค 5 จินนี่ได้เข้าร่วมกองทัพดัมเบิลดอร์และได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้ที่กระทรวงเวทมนตร์นอกจากนั้นเธอมีสัตว์วิเศษเป็นพิกมี่พัฟฟ์สีม่วง ให้ชื่อว่า อาร์โนลด์ โดยได้มาจากร้านของพี่ชายของเธอ ผู้พิทักษ์ของจินนี่ในภาพยนตร์เป็นม้า ส่วนในหนังสือไม่ได้ระบุว่าเป็นสัตว์ชนิดใด
ในภาค 6 หนังสือได้บรรยายว่าจินนี่สวยขึ้นมากจนแฮร์รี่เริ่มสนใจเธอ เธอได้คบกับไมเคิล คอร์เนอร์ ก่อนที่จะเลิกและคบกับ ดีน โทมัส เป็นคนต่อมา หลังจากนั้นเธอได้คบกับแฮร์รี่ในที่สุด จินนี่ วีสลีย์ ยังมีบทบาทในการนำ กาเบรียล เดอร์ลากูร์ น้องสาวของพี่สะใภ้ เฟลอร์ มาร่วมงานแต่งงานซึ่งขณะนั้นกาเบียลอายุ 11 ปี[2]
แต่ภายหลังการตายของดัมเบิลดอร์ แฮร์รี่ได้ตัดสินใจค้นหาฮอร์ครักซ์ที่เหลือเพื่อปราบโวลเดอมอร์ตามหน้าที่ที่ดัมเบิลดอร์มอบหมายให้ ทำให้เขาตัดสินใจยุติความสัมพันธ์กับจินนี่ในที่สุด จินนี่ได้กลับไปเรียนที่ฮอกวอตส์ในปีที่หกของเธอ ซึ่งฮอกวอตส์ได้ถูกควบคุมโดยผู้เสพความตายโดยสมบูรณ์ ทำให้เธอและเนวิลล์ได้เริ่มต้นตั้งกองทัพดัมเบิลดอร์ขึ้นอีกครั้งเพื่อฝึกสอนเวทมนตร์ในห้องต้องประสงค์ แฮร์รี่พบกับจินนี่อีกครั้งในสงครามฮอกวอตส์ จินนี่ได้เข้าร่วมการต่อสู้แม้อายุจะไม่ถึงเกณฑ์และเกือบถูกฆ่าตายโดยเบลาทริกซ์ เลสแตรงค์ แต่มอลลี่ แม่ของเธอได้เข้ามาช่วยและสังหารเบลาทริกซ์ได้ ภายหลังสงคราม จินนี่ได้เป็นนักกีฬาควิดดิชอาชีพก่อนที่จะผันตัวเป็นคอลัมนิสของเดลี่พรอเฟ็ต หมวดกีฬา เธอแต่งงานกับแฮร์รี่และมีลูกด้วยกันสามคนคือ เจมส์ ซิเรียส พอตเตอร์, อัลบัส 'อัล' เซเวอร์รัส พอตเตอร์ และ ลิลี่ ลูน่า พอตเตอร์
ลินนี่เลิฟ ลูน่า เลิฟกู๊ด หรือ ลูน่า เลิฟกู๊ด เด็กหญิงสติเฟื่องอยู่ปีเดียวกับจินนี่ วีสลีย์ เชื่อในสิ่งแปลกๆ เคยเห็นคนตายมาแล้วคือแม่ของเธอเอง เป็นหนึ่งในกองทัพดัมเบิลดอร์ที่เห็นเธสตรอลได้นอกจากแฮรี่กับเนวิลล์ และได้ไปต่อสู้กับผู้เสพความตายที่กองปริศนา กระทรวงเวทมนตร์พร้อมกับแฮร์รี่ รอน เฮอร์ไมโอนี่ เนวิลล์ และจินนี่ พ่อของลูน่าเป็นบรรณาธิการของนิตยสาร เดอะ ควิบเบลอร์ ในภาคสุดท้ายลูน่าโดนผู้เสพความตายจับตัวไปกักขังไว้ที่คฤหาสถ์มัลฟอย ภายหลังพวกแฮรี่ได้ไปช่วยเธอและพาเธอหนีกลับมาได้ เธอยังได้ต่อสู้ในสงครามฮอกวอตส์อีกด้วย
ลูน่าปรากฏตัวครั้งแรกในภาคที่ห้า แฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกส์ในฉากรถไฟที่แฮร์รี่นั่งกับจินนี่และเนวิลล์ เธออยู่บ้านเรเวนคลอมักเป็นคนแปลกๆจนมีฉายาว่าลูน่าสติเฟื่อง เนื่องจากนิสัยที่แปลกๆของเธอนั่นเอง ลูน่า ช่วยให้แฮรี่ลงบทความใน นิตยสาร เดอะ ควิบเบลอร์ โดยริต้า สตีกเกอร์ เป็นคนสัมภาษณ์และเขียนลงนิตยสาร
ในวันที่พวกแฮร์รี่นัดพบกันเพื่อตั้งกองทัพต่อต้านกระทรวงเวทมนตร์ที่เข้า ยึดฮอกวอตส์อย่างเงียบ ๆ ลูน่าได้เข้าร่วมกองทัพต่อต้านกระทรวงในชื่อกองทัพดัมเบิลดอร์และได้ฝึกการ ป้องกันตัวจากศาสตร์มืดของจริงกับแฮร์รี่ที่ฝึกกันอย่างลับ ๆ ในห้องต้องประสงค์อีก ด้วย เธอสามารถฝึกจนเสกคาถาผู้พิทักษ์ได้ แต่ภายหลังอัมบริดจ์ค้นพบความลับของกองทัพดัมเบิลดอร์จากมารีเอ็ตต้า เอจแคมป์ผู้ทรยศกองทัพ ทำให้การชุมนุมของกองทัพดัมเบิลดอร์ต้องยกเลิกไป แต่ในวันที่อัมบริดจ์จับตัวแฮร์รี่ได้และพาแฮร์รี่ไปสืบความลับเกี่ยวกับ ดัมเบิลดอร์ ลูน่าเองก็ถูกจับตัวไป แต่เนื่องจากเฮอร์ไมโอนี่สามารถหลอกอัมบริดจ์ได้พวกกองทัพดัมเบิลดอร์หกราย จึงบุกไปที่กระทรวงเพื่อช่วยซีเรียส แบล็ก
แต่ความเข้าใจของแฮร์รี่ผิดพลาด เพราะแท้จริงแล้วโวลเดอมอร์หลอกเขามาที่นี่เพื่อฆ่าเขา ทำให้เกิดการต่อสู้ที่กระทรวง ลูน่าเองก็ร่วมด้วย จนการต่อสู้จบลง ในภาคสุดท้ายลูน่าถูกจับตัวไปโดยผู้เสพความตายไปขังไว้ที่คฤหาสถ์มัลฟอยแต่ แฮร์รี่สามารถช่วยเธอได้และพาเธอหนีมา ลูน่าได้รับไม้กายสิทธิอันใหม่จากช่างทำไม้ในภาคนี้เป็นไม้แอชแบบที่เธอเคยใช้[3]
ลูน่ายังได้ช่วยเหลือแฮร์รี่ในการค้นพบรัดเกล้าแห่งเรเวนคลอและเธอก็ได้ร่วมต่อสู้ในสงครามฮอกวอตส์ ผู้พิทักษ์ของเธอเป็นกระต่ายป่า
จนเรื่องทั้งหมดจบลงด้วยดี ลูน่าได้แต่งงานกับรอล์ฟ สคามันเดอร์ ซึ่งเป็นหลานชายของนิวส์ สคามันเดอร์ ผู้เขียนหนังสือเรื่อง สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่
โช แชง เป็นสาวน้อยบ้านเรเวนคลอที่แฮร์รี่เคยชอบมาก ชื่อของเธอแสดงให้เห็นว่าเธอมีเชื้อสายเอเชีย ปรากฏตัวครั้งแรกในเล่ม 3 แฮร์รี่เห็นโชครั้งแรกในนัดแข่งควิชดิชกับเรเวนคลอ เธอเป็นซีกเกอร์ของทีมเรเวนคลอเป็นเด็กปีสี่ ใช้ไม้กวาดคอเมตสองหกศูนย์[4]
ในเล่มที่ 4 แฮร์รี่ต้องเข้าร่วมการประลองเวทย์ไตรภาคี ซึ่งมีตัวแทนจากฮอกวอตส์สองคน นั่นคือแฮร์รี่ และเซดริก ดิกกอรี่ คู่รักของโช
หลังจากดิกกอรี่ตาย โชพยายามเข้ามาติดพันกับแฮร์รี่ ในเล่ม 5 เธอเข้าร่วมกลุ่ม กองทัพดัมเบิลดอร์ ตัวย่อ D.A. ของกลุ่มมาจากความคิดของ โช แชง ในปีที่ 5 นี้เองแฮร์รี่ก็ได้จูบแรกจากเธอและตัดสินใจเดทกันในช่วงสั้นๆ แถมเธอมักเข้าใจว่าแฮร์รี่คบซ้อนกับเฮอร์ไมโอนี่ ทั้งที่มันไม่จริง ภายหลังที่บทความของแฮรี่ได้รับการเผยแพร่โช แชงได้เข้ามาพูดคุยและหอมแก้มแฮรี่ ผู้พิทักษ์ของเธอเป็นหงส์สีเงินที่สามารถเหาะได้
หลังจากเหตุการณ์ที่มารีเอ็ตต้า เพื่อนของเธอได้ไปฟ้องอัมบริดจ์เกี่ยวกับ กองทัพดัมเบิลดอร์ (ในภาพยนตร์ถูกเปลี่ยนเป็นโชสารภาพเพราะดื่มสัจจะเซรุ่มเนื่องจากกองถ่ายไม่ต้องการจ้างคนเพิ่ม) แฮร์รี่และโชจึงยุติความสัมพันธ์กันในที่สุด เพราะสาเหตุหลักคือเธอยังลืมเซดริก ดิกกอรี่ ไม่ได้และเห็นว่าแฮรี่เป็นเพียงคนคั่นเวลา แต่เมื่อแฮร์รี่รู้ เขาก็ยอมรับและทำใจได้ โช แชงเข้าร่วมสงครามครั้งสุดท้ายในเล่มที่ 7
จากข้อมูลในหนังสือนั้น แสดงให้เห็นว่า โช แชง มีอายุมากกว่าแฮร์รี่ 1 ปี โช แชง เป็นซีกเกอร์ ประจำทีมควิชดิช ของบ้านเรเวนคลอ หลังจบสงครามฮอกวอตส์ โช แชง ได้แต่งงานกับมักเกิ้ลคนหนึ่ง แต่ไม่ทราบว่ามีลูกด้วยกันหรือไม่
ฝาแฝดวีสลีย์ เป็นพี่ชายของรอน วีสลีย์ ชื่นชอบการทำเรื่องยุ่ง และแกล้งคน เฟร็ดและจอร์จ เป็นสีสันในหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์เป็นอย่างยิ่ง ฝาแฝดมีเพื่อนสนิทที่ฮอกวอตส์ คือ ลี จอร์ดัน (ผู้ทำหน้าที่พากย์เกมส์ควิชดิชจนถึงเล่ม 5) ฝาแฝดเองก็เล่นควิชดิชด้วย พวกเขาเป็นบีตเตอร์ของทีมควิชดิชกริฟฟินดอร์จนถึงเล่ม 5 เพราะอัมบริดจ์ได้ยึดไม้กวาดของพวกเขาและสั่งห้ามเล่นตลอดชีวิต ฝาแฝดได้ออกจากโรงเรียนไป หลังจากก่อเรื่องแก้แค้นอย่างสาสมกับอัมบริดจ์ เฟร็ด วีสลีย์ ยังเป็นคนเดียวที่พีฟส์ผีโพลเตอร์ไกส์จอมกวนโค้งคำนับและทำตามคำสั่ง
พวกเขาได้ตั้งร้านที่ เลขที่ 93 ตรอกไดแอกอน ชื่อร้าน "เกมกลวิเศษวีสลีย์" โดยได้เงินในการตั้งร้าน จากเงินรางวัลการประลองเวทไตรภาคีของแฮร์รี่ที่ให้พวกเขา ด้วยพรสวรรค์ในการประดิษฐ์ของตลก กิจการ "ร้านเกมกลวีสลีย์" นั้นจึงเป็นที่นิยมอย่างมาก จนนางมอลลี่ยอมรับให้ลูกชายของเธอทำร้านต่อไป
ในภาค 7 จอร์จ หูขาดเพราะโดนคาถาเซ็กตัมเซมปร้า จากเซเวอร์รัส สเนป ที่พยายามจะใช้คาถายิงไปที่มือของผู้เสพความตาย ในตอนที่โวลเดอร์มอร์ไล่ล่าแฮร์รี่ ส่วนเฟร็ด ตายในตอนท้ายที่กลับมาฮอกวอตส์ด้วยฝีมือของผู้เสพความตาย จอร์จและเฟร็ด มีบทบาทในการชักชวน โอลิเวอร์ วู้ด นักเรียนปีเจ็ดขณะที่ แฮรี่ พอตเตอร์อยู่ปีสาม[5] และเป็นกัปตันทีมกริฟฟรินดอร์ ให้เข้าร่วมในสงครามครั้งสุดท้าย
จอร์จโศกเศร้ากับการสูญเสียเฟร็ด ภายหลังเขาแต่งงานกับแอนเจลินา จอห์นสัน อดีตกัปตันควิซดิชกริฟฟินดอร์ และตั้งชื่อลูกชายว่าเฟร็ด เพื่อรำลึกถึงฝาแฝดของเขา
ลาเวนเดอร์ บราวน์ เป็นนักเรียนจากบ้านกริฟฟินดอร์และเป็นเพื่อนสนิทกับปาราวตี พาติล ทั้งสองรายชอบวิชาพยากรณ์ศาสตร์ เธอมีบทบาทในการร่วมกองทัพดัมเบิลดอร์ในปี 5 แต่ภายหลังอัมบริดจ์รู้ความลับเข้ากองทัพดัมเบิลดอร์เลยไม่ได้ชุมนุมอีก ในปี 6 ลาเวนเดอร์มีบทบาทสำคัญอย่างมากในฐานะคนรักของรอน วีสลีย์ เธอเริ่มการคบกับรอนโดยการมาเชียร์รอนที่สนามการคัดเลือกคีปเปอร์ประจำปีและภายหลังลาเวนเดอร์และรอนก็เริ่มคบกัน สร้างความอึดอัดใจให้กับเฮอร์ไมโอนี่มาก เนื่องจากเฮอร์ไมโอนี่ช่วยให้รอนได้เป็นคีปเปอร์ ภายหลังความรักรอนกับลาเวนเดอร์เริ่มแตกแยก จนในที่สุดลาเวนเดอร์เห็นรอนกับเฮอร์ไมโอนี่เดินลงมาจากหอนอนชายด้วยกันเลยเข้าใจผิดคิดว่าทั้งสองขึ้นไปทำอะไรกันบนนั้น ลาเวนเดอร์จึงเลิกกับรอน รอนเองก็คบกับเฮอร์ไมโอนี่แทน ในปี 7 ในสงครามฮอกวอตส์ ลาเวนเดอร์ได้เข้าร่วมการต่อสู้ที่ฮอกวอตส์และรอดชีวิตมาได้ แต่ในฉบับภาพยนตร์ได้มีการเปลี่ยนแปลงให้เธอถูกเฟนเรีย เกรย์แบ็กฆ่าตายด้วยการกัดที่ต้นคอ
สัตว์วิเศษของเธอเป็นกระต่ายให้ชื่อว่าบิงกี้ถูกสุนัขจิ้งจอกกินตั้งแต่เธออยู่ปี 3[6]
ดีน โทมัส เป็นเพื่อนร่วมบ้านกริฟฟินดอร์ของแฮร์รี่ เขาอาศัยอยู่กับแม่ที่เป็นมักเกิ้ลเนื่องจากพ่อของเขาได้ทิ้งเขาไปตั้งแต่เด็ก ดีน โทมัสมีความผูกพันกับมักเกิ้ลมากกว่าเพื่อนหลายคนและเป็นแฟนฟุตบอลทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ด เขาได้เข้าร่วมกองทัพดัมเบิลดอร์ในเล่ม 5 ต่อมาดีนได้คบกับจินนี่ ซึ่งสร้างความหึงหวงให้แก่แฮร์รี่และรอนที่เป็นพี่ชายเป็นอย่างมาก แต่แล้วดีนกับจินนี่ก็เลิกรากันไป ในเล่ม 7 ดีนเป็นหนึ่งในพ่อมดที่ถูกขึ้นทะเบียนว่าเป็นพ่อมดที่เกิดจากพ่อแม่ที่เป็นมักเกิ้ลเช่นเดียวกับเฮอร์ไมโอนี่ ทำให้เขาต้องหนีการจับกุม เขาคือหนึ่งในนักเรียนที่ได้เข้าต่อสู้ในสงครามฮอกวอตส์ ดีน โทมัส อยู่ที่คฤหาสฤน์มัลฟอยพร้อมกับลูนา เลิฟกู๊ด เนวิลล์ ลองบัตทอม และกริ๊ปฮุก ก่อนที่ แฮร์รี่ รอน เฮอร์ไมโอนี่ จะถูกจับกุมตามมาทีหลัง เขามีบทบาทในการสร้างหลุมศพ ให้ ด๊อบบี้ เนื่องจากเฮอร์ไมโอนี่ กำลังรักษาตัวอยู่
เชมัสเป็นเพื่อนร่วมชั้นเดียวกับแฮร์รี่ พอตเตอร์ เขาเป็นลูกครึ่ง โดยมีแม่เป็นแม่มด ส่วนพ่อเป็นมักเกิ้ลเชมัสเป็นเพื่อนสนิทกับดีน โทมัส มีนิสัยซุ่มซ่ามและชอบทำอะไรระเบิดบ่อยครั้ง ในภาค 5 เชมัสขัดแย้งกับแฮร์รี่อย่างรุนแรงเนื่องจากเขาเชื่อว่าแฮร์รี่โกหกเรื่องการกลับมาของโวลเดอมอร์
เขาก็ได้เปลี่ยนใจและเข้าร่วมเป็นหนึ่งในกองทัพดัมเบิลดอร์เป็นคนสุดท้ายเขาคือคนที่ยี่สิบเก้า เนื่องจาก ดีน โทมัส ชักชวน เขาเป็นอีกคนที่เสกผู้พิทักษ์ได้ตั้งแต่ภาค 5 ผู้พิทักษ์ของเขาเป็นสุนัขจิ้งจอก อย่างไรก็ตามตอนแรกเขาไม่แน่ใจเขาระบุว่าเป็นสัตว์ที่มีขน
ในภาคสุดท้าย เชมัสได้กลับไปเรียนต่อที่ฮอกวอตส์และได้สานต่อกองทัพดัมเบิลดอร์ขึ้นอีกครั้งร่วมกับเนวิลล์และจินนี่ เนวิลล์ได้ระบุว่าเชมัสคือหนึ่งในคนที่ต่อสู้กับพวกผู้เสพความตายมากที่สุด ทำให้เขาถูกลงโทษอย่างรุนแรงหลายครั้ง เชมัสได้เข้าร่วมการต่อสู้ที่ฮอกวอตส์เช่นเดียวกับเพื่อนๆเป็นที่เสกคาถาผู้พิทักษ์ในภาคที่7เป็นสุนัขจิ้งจอก ไล่ผู้คุมวิญญาณ
เดนนิส ครีฟวี่ย์ - น้องชายของคอลิน ครีฟวี่ย์เป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในกองทัพดัมเบิลดอร์ขณะที่เข้าร่วมเดนนิส เรียนปี 2 และอยู่บ้าน กริฟฟินดอร์ เดนนิส ครีฟวีย์ มีเพื่อนร่วมบ้านได้แก่ จิมมี พีกส์ บีตเตอร์ของทีมกริฟฟรินดอร์ที่แฮรี่ เลือกเอง ทั้งสองคนถูก ศาสตราจารย์มักกอนนากัลสังเกตเห็นว่าต้องการเข้าร่วมสงครามครั้งสุดท้ายและถูกไล่ให้ออกไปจากโรงเรียนเนื่องจากเด็กเกินไปโดยทั้งคู่ยังเรียนอยู่ในปีที่ 4 ขณะเกิดสงคราม
เดนนิส ครีฟวีย์ ขณะนั่งเรือข้ามแม่น้ำเพื่อมาที่โรงเรียนเขาตกลงไปในแม่น้ำ ปรากฏว่ามีสัตว์ตัวหนึ่งอุ้มเขาขึ้นมา เดนนิส นั้น ไม่ได้ตกใจกลัวแต่กลับตื่นเต้นดีใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ คอลิน พี่ชายของเขาคาดว่าเป็นปลาหมึกยักษ์ที่อุ้มเขากลับขึ้นมาบนเรือ[7]
บีตเตอร์ของทีมกริฟฟรินดอร์ที่แฮรี่ พอตเตอร์[8]เลือกเองเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนเดนนิส ครีฟวีย์ ถูกมิเนอร์ว่า มักกอนนากัลไล่ให้ออกไปจากโรงเรียนพร้อมเดนนิส ครีฟวีย์[9] ทั้งสองรายประสงค์จะเข้าร่วมสงครามครั้งสุดท้าย
สมาชิกนักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์ อายุน้อยกว่าแฮรี่ พอตเตอร์หนึ่งปีและอยู่ชั้นปีที่หนึ่ง ขณะ แฮรี่ พอตเตอร์ อยู่ปีที่สอง ปีเดียวกับ จินนี่ วีสลีย์ และ ลูน่า เลิฟกู๊ด คุณพ่อเป็นคนส่งนม คอลินนั้นชอบถ่ายรูป เขาเป็นช่างภาพประจำบ้าน ตอนเขาเข้าเรียนปี 1 ถูกสาปให้เป็นหินพร้อมกับ เฮอไมโอนี่ เกรนเจอร์ ในขณะที่กำลังถือกล้องถ่ายรูป เขาเสียชีวิตในภาค 7 ผู้เสพความตายคนหนึ่งลงมือสังหารเขา แฮรี่ พอตเตอร์ สงสัยว่าเขาจะแอบกลับมาเพื่อร่วมต่อสู้ในสงครามฮอกวอตส์ เนื่องจากเขาอายุไม่ถึงกำหนดและมักกอลนากัล สั่งให้เขาหนีออกไปจากโรงเรียน
ทั้งสามคนเข้าร่วมในกองทัพดัมเบิลดอร์ในภายหลังซึ่งระบุชื่อไว้ในภาพยนตร์เท่านั้น ปรากฏในหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสมและแฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.