Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ญะมาอะห์ อิสลามียะห์ (อาหรับ: الجماعة الإسلامية, al-Jamāʿah al-Islāmiyyah แปลว่า กลุ่มอิสลาม) หรือกลุ่ม JI เป็นกลุ่มก่อการร้ายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดว่าก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2533 การมีอยู่ขององค์กรนี้ยังไม่แน่ชัด แต่ก็มีนักวิชาการเชื่อว่ามีศูนย์กลางอยู่ในอินโดนีเซีย เป้าหมายหลักขององค์กรคือการก่อตั้งรัฐอิสลามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยครอบคลุมพื้นที่ของมาเลเซีย อินโดนีเซีย ภาคใต้ของฟิลิปปินส์ และจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย เครือข่ายของเจไอเชื่อมโยงกับอัลกออิดะฮ์ แนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร และกลุ่มกัมปูลัน มุญาฮืดีนในมาเลเซีย[2]
ญะมาอะห์ อิสลามียะห์ | |
---|---|
แนวคิด | ลัทธิอิสลาม Islamic fundamentalism ซุนนีย์ อุดมการณ์รวมกลุ่มอิสลาม |
พื้นที่ปฏิบัติการ | เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ |
กำลังพล | 5,000 คน[1] |
พันธมิตร | อัลกออิดะฮ์ แนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร แอลจีเรีย อิหร่าน |
ปรปักษ์ | สหประชาชาติ
รัฐที่เป็นปรปักษ์ |
กลุ่มเจไอมีวิวัฒนาการมาจากกลุ่มดารุลอิสลามในอินโดนีเซียซึ่งต้องการสถาปนารัฐอิสลามในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมี เซกามัดยี มาริดจัน กาโตสุวิรโจเป็นผู้นำในขณะนั้น อย่างไรก็ตามกลุ่มชาตินิยมของซูการ์โนเป็นกลุ่มที่ได้ก่อตั้งประเทศอินโดนีเซียสำเร็จ กลุ่มดารุลอิสลามเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และถูกฝ่ายรัฐบาลปราบปราม
กลุ่มดารุลอิสลามยังคงเคลื่อนไหวก่อความไม่สงบในหลายพื้นที่ระหว่าง พ.ศ. 2501 – 2512 โดยเขตพื้นที่หลักเป็นบริเวณอาณาจักรมัชปาหิตเดิมคือเกาะชวาตอนกลางและตะวันตกรวมทั้งสุมาตราตอนล่างและเกาะซูลาเวซี
อับดุลลา อาหมัด ซุงกาและเพื่อนของเขาคือ นายอาบู บาการ์ บาชีร์ (อาหรับ: أَبُو بَكْر بَاعَشِير, อักษรโรมัน: ʾAbū Bakr Bāʿašīr ) เป็นผู้เลื่อมใสแนวคิดดารุลอิสลามและเป็นผู้ก่อตั้งขบวนการเจไอในเวลาต่อมา ทั้งคู่ได้ตั้งโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2514 และได้ตั้งเครือข่ายเยาวชนขึ้นดำเนินการ จนกระทั่งเกิดเหตุระเบิดที่เมืองตันหยงปริอ็อกเมื่อ พ.ศ. 2527 ที่ทั้งคู่อยู่เบื้องหลัง ทั้งซุงกาและบาชีร์หนีไปมาเลเซียเมื่อ พ.ศ. 2528 และได้ตั้งขบวนการเจไอเต็มรูปแบบขึ้นที่นี่
เริ่มแรกทั้งคู่เปิดโรงเรียนสอนศาสนาชื่ออัลตาบิยะห์ ลุกมานุลอาดัมในรัฐยะโฮร์เพื่อเป็นศูนย์บัญชาการ ซุงกาเปลี่ยนชื่อเป็นอับดุล ฮาลิม ส่วนบาชีร์เปลี่ยนชื่อเป็นอับดุล ซามัด โดยมีกลุ่มมวลชนเป็นแรงงานชาวอินโดนีเซียและชาวมาเลเซียบางส่วน โรงเรียนนี้เป็นสถานที่ฝึกและคัดเลือกเยาวชนไปฝึกวิชาทหารที่เมืองการาจี ประเทศปากีสถาน รวมทั้งเข้ารบในสมรภูมิจริงในอัฟกานิสถาน
เมื่อยุคของรัฐบาลซูฮาร์โตสิ้นสุดลงใน พ.ศ. 2541 ซุงกาและบาชีร์เดินทางกลับอินโดนีเซีย ซุงกาถึงแก่กรรมแล้วด้วยโรคชราส่วนบาชีร์ยังเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณต่อไป
ขบวนการเจไอต้องการให้มีการบังคับใช้กฎหมายอิสลาม (ชาริอะห์) เป็นกฎหมายประจำรัฐ และตั้งรัฐอิสลามบริสุทธิ์ที่เรียกว่า “ดอเลาะ อิสลามิยาห์ นุสันตารา” โดยมีกลยุทธที่สำคัญคือ พลังศรัทธา พลังภราดรภาพ และพลังการทหาร[3]
นายอาบู บาการ์ บาชีร์ ครูสอนศาสนาชาวอินโดนีเซีย (อพยพมาจากเยเมน) คือบุคคลที่เชื่อว่าเป็นผู้นำทางศาสนาของกลุ่มญะมาอะห์ อิสลามียะห์ หรือ เจมาห์ อิสลามิยาห์ แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญบางคนเห็นว่า นายบาชีร์ก็ดำรงฐานเป็นแกนนำด้านการปฏิบัติการเช่นเดียวกัน นายบาชีร์เข้าร่วมกับกลุ่มดารุล อิสลาม ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1970 และถูกทางการอินโดนีเซียจับกุมไปขังเนื่องจากการเคลื่อนไหวทางศาสนา แต่ได้รับการปล่อยตัวออกมาระยะหนึ่ง และได้หลบหนีไปยังประเทศมาเลเซียเมื่อปี พ.ศ. 2528 หลังจากที่ศาลอินโดนีเซียมีคำสั่งให้จับกุมตัวนายบาชีร์ไปคุมขังอีกครั้งหนึ่ง ระหว่างที่พำนักอยู่ในมาเลเซีย นายบาชีร์ได้รวบรวมอาสาสมัครเพื่อไปร่วมทำสงครามต่อต้านกองทัพรัสเซียที่บุกยึดประเทศอัฟกานิสถาน โดยได้รับเงินสนับสนุนจากซาอุดีอาระเบีย ขณะเดียวกันนายบาชีร์ก็ยังคงติดต่อกับพวกพ้องที่มีแนวคิดเดียวกันในอินโดนีเซียอย่างสม่ำเสมอ
หลังจากที่ระบอบเผด็จการของอดีตประธานาธิบดีซูฮาร์โต้ยุติลงเมื่อปี พ.ศ. 2541 นายบาชีร์ เดินทางกลับไปยังประเทศอินโดนีเซีย และเปิดโรงเรียนสอนศาสนาขึ้นที่เมืองโซโล บนเกาะชวา ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่บนเกาะนี้ เป็นชาวมุสลิม พร้อมก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานสภานักรบมุสลิมแห่งอินโดนีเซีย (Majelis Mujahidin Indonesia ) ซึ่งเป็นแกนนำเครือข่ายนักรบมุสลิมในอินโดนีเซีย
นายบาชีร์ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย และหลังจากเกิดเหตุลอบวางระเบิดที่เกาะบาหลี เมื่อเดือน ตุลาคม พ.ศ. 2545 ทางการอินโดนีเซีย ได้เรียกตัวนายบาชีร์มาให้ปากคำเกี่ยวกับกรณีการลอบโจมตีที่เคยเกิดขึ้นหลายครั้งก่อนหน้านั้น ปัจจุบันนายบาชีร์ถูกดำเนินคดีในข้อหากบฏต่อแผ่นดิน โดยมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมและความเกี่ยวพันกับการก่อการร้ายที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
ในขบวนการกลุ่มแกนนำมีความรับผิดชอบต่าง ๆ กัน ผู้นำสูงสุดเรียกว่าเอมีร์ รองลงไปคือสภาผู้นำ (มากาซ) และสภาที่ปรึกษา (ซูเราะห์) จากนั้นจึงแบ่งไปสู่ระดับภาค (มันติกิ) แต่ละภาคมีการบังคับบัญชาในระดับกองพัน (ซาลาล), หมวด (เกอดาซ) และหมู่ (เฟียซ) โดยแบ่งออกเป็นสี่ภาคด้วยกันคือ[3]
ในแต่ละภูมิภาค มีหน่วยงานหลักห้าฝ่ายคือ
กลุ่มเจไอออกมาประกาศความรับผิดชอบการลอบวางระเบิดโรงแรมเจ ดับเบิลยู แมริออต ในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2543 และคาดว่าอยู่เบื้องหลังการวางระเบิดในสถานบันเทิงที่เกาะบาหลีเมื่อ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2545 ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2546 เจ้าหน้าที่ไทยจับกุมตัวนายฮัมบาลีที่เป็นแกนนำของกลุ่มเจไอ และคาดว่ามีส่วนพัวพันการลอบวางระเบิดในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์หลายครั้ง[4]
พื้นที่ปฏิบัติการของกลุ่มเจไอ อยู่ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งในอินโดนีเซีย, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และอาจจะเคลื่อนไหวอยู่ในฟิลิปปินส์ และไทย โดยเฉพาะพื้นที่ที่อำนาจของรัฐบาลเข้าไปไม่ถึง, พื้นที่ที่ขาดแคลนเจ้าหน้าที่บ้านเมือง หรือมีการทุจริตคอร์รัปชั่นในหมู่เจ้าหน้าที่ และพื้นที่ติดทะเลที่มีเขตน่านน้ำที่เปิดกว้างของหลายประเทศ ทำให้กลุ่มเจไออาศัยข้อจำกัดเหล่านี้ เป็นช่องทางในการปฏิบัติการในหลายประเทศได้โดยสะดวก
ญะมาอะห์ อิสลามียะห์ ในความเป็นกลุ่ม หรือสมาชิกเพียงบางคน น่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุก่อการร้ายหลายครั้ง ประกอบด้วย:
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.