Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
หนังสือกันดารวิถี[1][2] (อังกฤษ: Book of Numbers; ฮีบรู: במדבר; กรีก: Αριθμοί) เป็นหนังสือเล่มที่ 4 ในเบญจบรรณ เนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของวงศ์วานอิสราเอลที่ต่อเนื่องมาจากหนังสืออพยพ หนังสือกันดารวิถีแปลมาจากคัมภีร์ฮีบรู (ฮีบรู: במדבר, ba-midbar) ซึ่งแปลว่า "ในถิ่นทุรกันดาร..." ซึ่งเป็นคำแรกของคัมภีร์ฉบับนี้ แต่ในภาษาอังกฤษ ใช้ชือว่า The Book of Numbers เนื่องจากหนังสือเล่มนี้ได้กล่าวถึงการทำสำมะโนประชากรอิสราเอลถึงสองครั้ง ที่ภูเขาซีนาย และที่โมอับ ในขณะที่ภาษาไทยใช้ชื่อว่า "หนังสือกันดารวิถี" เนื่องจากหนังสือเล่มนี้กล่าวถึงพงศาวดารของอิสราเอลช่วงที่ต้องใช้ชีวิตในถิ่นทุรกันดาร (ทะเลทราย) เป็นเวลา 40 ปี ก่อนจะได้เข้าสู่แผ่นดินคานาอัน
เนื้อหาในหนังสือกันดารวิถีนี้ จะแบ่งส่วนสำคัญออกได้เป็น ส่วน
จากหนังสืออพยพ เมื่อโมเสสได้รับพระบัญญัติของพระเจ้า ณ ภูเขาซีนายนั้น พระเจ้าทรงให้โมเสสตั้งผู้นำเผ่าทั้ง 12 ของอิสราเอลขึ้น และทำสำมะโนครัวประชากรอิสราเอลที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป โดยนับได้จำนวนทั้งสิ้น 603,550 คน แบ่งเป็น
ในการสำมะโนประชากรครั้งนั้น ไม่ได้นับรวมเผ่าเลวีเข้าไปด้วย เนื่องจากพระเจ้าทรงกำหนดงานพิเศษให้แก่ชนเผ่าเลวีโดยเฉพาะ โดยมีหน้าที่ตั้งไว้สำหรับพลับพลาของพระเจ้า มีหน้าที่ ขน รื้อ ตั้งพลับพลา และตั้งเต็นท์อยู่รอบพลับพลา
ในการกำหนดงานแก่คนเลวีนั้น ได้แบ่งออกเป็นหน้าที่ตามวงศ์ (ชื่อบุตรชายของเลวี) ได้แก่วงศ์วานเกอร์โชน วงศ์วานโคอาท และวงศ์วานเมรารี โดยมีการกำหนดหน้าที่แตกต่างกัน โดยทรงกำหนดอายุของผู้เข้าปฏิบัติงานของคนเผ่าเลวี คือ ชายหนุ่มที่มีอายุตั้งแต่ 30-50 ปี[3] โดยวงศ์วานเผ่าเลวีมีดังนี้
นอกจากนี้ พระเจ้ายังมีพระบัญญัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง และเป็นงานที่ปุโรหิตต้องชำระให้คนอิสราเอลอีกหลายประการ เช่น กฎหมายเรื่องการคืนของ[9] กฎหมายเรื่องความหึงหวง[10] กฎหมายของพวกนาศีร์[11] พระบัญญัติว่าด้วยเครื่องบูชา[12] พระบัญญัติว่าด้วยสิ่งของที่จัดสรรให้แก่ปุโรหิตและคนเผ่าเลวี[13] พระบัญญัติว่าด้วยการชำระผู้ที่มีมลทิน[14] และพระบัญญัติว่าด้วยการถวายบูชาในโอกาสต่าง ๆ[15]
ในการเคลื่อนพลออกจากภูเขาซีนาย อิสราเอลได้ออกเดินทางเป็นลำดับตามที่พระเจ้าตรัสสั่งโมเสสได้ดังนี้ ต้นขบวนนำโดยเผ่ายูดาห์ เผ่าอิสสาคาร์ เผ่าเศบูลุน และตามด้วยวงศ์วานเกอร์โชน และวงศ์วานเมรารี ตามลำดับ ต่อด้วยเผ่ารูเบน เผ่าสิเมโอน เผ่ากาด และตามด้วยวงศ์วานโคอาทตามลำดับ และปิดขบวนด้วย เผ่าเอฟราอิม เผ่ามนัสเสห์ เผ่าเบนยามิน เผ่าดาน เผ่าอาเชอร์ และเผ่านัฟทาลีเป็นลำดับสุดท้าย
เมื่อเคลื่อนพลไปนั้น มีอุปสรรคระหว่างการเดินทาง เนื่องด้วยคนจำนวนมาก พระเจ้าจึงทรงให้โมเสสตั้งพวกผู้ใหญ่ 70 คน ช่วยโมเสสในบรรเทางานของโมเสสลง[16] และครั้นเมื่ออิสราเอลเบื่อมานา พระเจ้าก็ทรงประทานนกคุ่มให้พวกเขา แต่เมื่อใดที่อิสราเอลโอดครวญ หรือกระทำการอันไม่เหมาะสม ก็จะได้รับการลงโทษจากพระเจ้าตามขนาดของเขา
ครั้นเมื่อเดินทางใกล้ถึงแผ่นดินคานาอัน แผ่นดินพระสัญญาของพระเจ้า โมเสสได้ส่งผู้สอดแนมซึ่งเป็นตัวแทนของแต่ละเผ่า เพื่อตรวจดูแผ่นดิน และผู้คนในแผ่นดินนั้นว่าเป็นอย่างไร บรรดาผู้สอดแนมใช้เวลาเดินทาง 40 วัน จึงได้กลับมายังค่ายและเล่าเรื่องแผ่นดิน และคนในแผ่นดินนั้นให้อิสราเอลฟัง ต่อไปนี้คือ ชื่อของผู้สอดแนมทั้ง 12 คน
รายชื่อผู้สอดแนมทั้ง 12 คน | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เผ่ารูเบน | ชัมมุวา | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เผ่าสิเมโอน | ชาฟัท | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เผ่ายูดาห์ | คาเลบ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เผ่าอิสสาคาร์ | อิกาล | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เผ่าเอฟราอิม | โฮเชยา | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เผ่าเบนยามิน | ปัลที | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เผ่าเศบูลุน | กัดเดียล | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เผ่ามนัสเสห์ | กัดดี | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เผ่าดาน | อัมมีเอล | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เผ่าอาเชอร์ | เสธูร์ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เผ่านัฟทาลี | นาบี | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เผ่ากาด | เกอูเอล |
เมื่อทั้ง 12 นั้นกลับมาจากการสอดแนม ได้กล่าวร้ายต่อแผ่นดินนั้น โดยแจ้งว่า ถึงแม้แผ่นดินนั้นจะอุดมสมบูรณ์ แต่ผู้คนโหดร้าย กำแพงเมืองก็เข้มแข็ง ยกเว้น โยชูวา และคาเลบ ที่กล่าวให้อิสราเอลเข้ายึดครองแผ่นดินนั้น แต่คนอิสราเอลนั้นเชื่อผู้สอดแนมอีก 10 คน และไม่ยอมเดินทางเข้าแผ่นดินคานาอัน เป็นเหตุให้พระเจ้าทรงพิโรธเป็นอย่างมาก จึงตรัสว่า จะให้คนอิสราเอลที่อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปนั้นเสียชีวิตในทะเลทราย และอิสราเอลต้องใช้ชีวิตอยู่ในทะเลทรายเป็นเวลา 40 ปี เท่าจำนวนวันที่ผู้สอดแนมได้ใช้เวลาในแผ่นดินคานาอัน[17]
การเดินทางของอิสราเอลในถิ่นทุรกันดาร หรือ ทะเลทรายนี้ กินเวลา 40 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาดังกล่าวมีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้น แต่ในที่นี้จะนำเฉพาะเหตุการณ์ที่น่าสนใจมาสรุป ดังนี้
โคราห์ ซึ่งเป็นเผ่าเลวี ได้ตั้งตนเป็นกบฏต่อโมเสส และได้ชักจูงให้เผ่าเลวีและอิสราเอลบางส่วนติดตามเขา เนื่องจากไม่พอใจที่โมเสส และอาโรนได้รั้งตำแหน่งปุโรหิตไว้ โมเสสจึงให้พระเจ้าทรงเป็นผ่านเลือกว่าจะให้ใครเป็นผู้นำ โดยให้นำเครื่องหอมไปถวายต่อพระพักตร์พระเจ้าในสถานนมัสการ เมื่อโคราห์และพวกได้เข้าไปถวายเครื่องหอมบูชาแล้วเดินกลับออกมานอกพลับพลานั้น แผ่นดินก็ดูดคนเหล่านั้น รวมทั้งครอบครัว และข้าวของทั้งหมดของพวกเขาด้วย แต่ในครั้งนั้นอิสราเอลได้กล่าวว่า โมเสสได้พรากชีวิตของคนเหล่านั้น พระเจ้าจึงทรงได้ลงโทษคนอิสราเอล จนกระทั่งโมเสสได้ทูลขอต่อพระเจ้า และทำการถวายเครื่องบูชาลบมลทินให้ การลงทัณฑ์จึงได้ยุติลง แต่ในครั้งนั้นอิสราเอลได้เสียชีวิตไปด้วยเหตุการณ์นี้กบฏโคราห์นี้มากถึง 14,700 ตน[18]
จากเหตุการณ์กบฏโคราห์ พระเจ้าจึงทรงบัญชาให้โมเสสนำไม้เท้าของบรรดาหัวหน้าเผ่าทั้งหมดของอิสราเอล และไม้เท้าของอาโรนสลักชื่อ และนำเข้าไปในพลับพลา และตรัสว่า จะทรงสำแดงให้เห็นว่าใครคือคนที่พระองค์ทรงเลือก เมื่อนำไม้เท้าของบรรดาหัวหน้าเผ่าเข้าไปได้ 1 วัน โมเสสจึงได้นำไม้เท้าเหล่านั้นออกมา ปรากฏว่า มีเพียงไม้เท้าของอาโรนเท่านั้น ที่ออกดอกและผลอัลมันด์ อิสราเอลจึงได้ทราบถึงบุคคลที่พระเจ้าทรงเลือกไว้[19]
เมื่ออิสราเอลเดินทางเข้าถิ่นทุรกันดารสีน เกิดการขาดน้ำและชุมชนอิสราเอลได้บ่นต่อว่าทั้งโมเสส และต่อว่าพระเจ้าต่าง ๆ นานา โมเสสได้เข้าไปทูลขอน้ำจากพระเจ้าและพระองค์ตรัสสั่งให้โมเสส บอกให้น้ำไหลออกมาจากหิน แต่เมื่อโมเสสและอาโรนได้อยู่ต่อหน้าประชาชน โทสะได้ครอบงำท่านไว้ จึงได้ใช้ไม้เท้าตีหิน น้ำจึงออกมาจากหินนั้น ด้วยเหตุการณ์ที่โมเสส และอาโรน มิได้กระทำตามที่พระเจ้าบอก ทั้งสองจึงไม่ได้รับสิทธิเข้าไปในแผ่นดินคานาอัน[20]
ภายหลังจากเหตุการณ์การสอดแนมที่คานาอัน เมื่ออิสราเอลเดินทางเข้าถิ่นทุรกันดารสีน มีเรียม พี่สาวของโมเสสก็ได้เสียชีวิตลง และภายหลังเหตุการณ์ได้น้ำจากหิน เมื่ออิสราเอลเดินทางถึงภูเขาโฮร์ อาโรน ก็ได้เสียชีวิตลงที่นั่น โดยก่อนเสียชีวิต พระเจ้าตรัสสั่งให้ โมเสส นำ อาโรน และเอเลอาซาร์ บุตรชายของอาโรนขึ้นไปบนภูเขา และได้ให้อาโรนทำการมอบเครื่องแต่งกายปุโรหิตให้แก่เอเลอาซาร์ แล้วท่านจึงสิ้นใจบนภูเขานั้น[21]
เมื่อคนอิสราเอลตั้งค่ายอยู่ใกล้คนโมอับนั้น บาลาค กษัตริย์ของคนโมอับเกรงว่าอิสราเอลจะเข้ามายึดครอง จึงได้เชิญ บาลาอัม มาทำพิธีสาปแช่งแก่อิสราเอล ฝ่ายบาลาอัมนั้น ได้เดินทางมายังบริเวณค่าย แต่ยังไม่ได้เข้าไปในเมืองโมอับนั้น พระเจ้าตรัสแก่ บาลาอัม ว่า"...เจ้าจงอย่าแช่งชนชาตินั้น เพราะเขาทั้งหลายเป็นคนที่ได้รับพร..." แล้วบาลาอัมจึงแจ้งแก่บาลาคว่า ไม่สามารถกระทำการนั้นได้ เนื่องจากพระเจ้าทรงอยู่ข้างอิสราเอล และบาลาคก็ได้มาเชิญ บาลาอัม อีก เป็นครั้งที่สอง แต่บาลาอัมได้ปฏิเสธ และกล่าวว่า "...แม้บาลาคจะให้เงินและทองเต็มบ้านเต็มเรือนของท่านแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะกระทำอะไรนอกเหนือจากพระบัญชาพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของข้าพเจ้าไม่ได้..." แต่ต่อมาพระเจ้าทรงใช้ให้บาลาอัมเดินทางไปหาบาลาคได้เฉพาะเมื่อมีคนมาเรียกให้ไป แต่บาลาอัมไม่ได้รอใหผู้มาเรียก ก็เดินทางไป พระเจ้าจึงทรงให้ทูตของพระองค์มาขวางทางเดินของลานั้น และพระเจ้าทรงเปิดปากลาให้พูดเพื่อเตือนสติบาลาอัม
ครั้นแล้วพระเจ้าทรงให้บาลาอัมเดินทางไปหาบาลาค แต่ให้บาลาอัมกระทำเฉพาะในสิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชาเท่านั้น เมื่อไปถึง บาลาคได้นำบาลาอัมไปยังเขตแดนเพื่อให้บาลาอัมสาปแช่งอิสราเอล แต่บาลาอัมกลับอวยพรให้แก่อิสราเอลว่า "...ใครจะนับเผ่าพันธุ์ของยาโคบที่มากอย่างผงคลีดินนั้นได้ หรือนับหนึ่งในสี่ของอิสราเอลได้..." บาลาคได้ย้ายจุดเพื่อให้บาลาอัมสาปแช่งอีก 2 ที่ แต่บาลาอัม ก็อวยพรแก่อิสราเอลทั้ง 3 ครั้ง ท่านกล่าวว่า "...ข้าพเจ้ากระทำอะไรนอกเหนือพระบัญชาพระเจ้าไม่ได้...พระเจ้าตรัสประการใด ข้าพเจ้าก็พูดอย่างนั้น..." แล้วบาลาอัมก็ลากลับไปยังเมืองของท่าน[22]
เมื่อครบกำหนดเวลา 40 ปีที่อิสราเอลใช้ชีวิตอยู่ในทะเลทราย เพื่อชดใช้ความบาปของชนรุ่นก่อน พระเจ้าทรงระลึกถึงอิสราเอล และได้ให้โมเสสได้ดำเนินการเพื่อการเดินทางเข้าแผ่นดินคานาอันต่อไป โดยได้จัดสรรแผ่นดินคานาอันให้แก่เผ่าต่าง ๆ ของอิสราเอล และการมอบอำนาจการบริหารต่าง ๆ ให้แก่คนรุ่นต่อไป
ก่อนถึงเวลาที่อิสราเอลจะได้แบ่งดินแดนคานาอัน เพื่อจะเข้ายึดครองตามพันธสัญญาที่พระยาห์เวห์ทรงประทานให้นั้น พระเจ้าทรงให้โมเสสทำสำมะโนประชากรอีกครั้ง ณ แผ่นดินโมอับนั่นเอง ซึ่งการสำมะโนประชากรในครั้งนี้ มีจำนวนประชากรชายที่มีอายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป เป็นจำนวน 601,730 คน แบ่งออกตามเผ่าต่าง ๆ ได้ดังนี้
ส่วนเผ่าเลวีนั้น พระเจ้าทรงยกไว้ ไม่ได้มีส่วนในมรดกแห่งแผ่นดินคานาอันแก่เขา เนื่องจากเผ่าเลวีนั้นมีหน้าที่ต้องปฏิบัติงานในสถานนมัสการของพระเจ้า และรับส่วนแบ่งจากของถวายซึ่งพระเจ้าได้ทรงกำหนดไว้ ในครั้งนั้นจำนวนคนเลวีที่มีอายุตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป มีจำนวน 23,000 คน
พระเจ้าทรงบัญชาให้โมเสส ได้นำบรรดาหัวหน้าของแต่ละเผ่ามาเพื่อกำหนดเขตแดนแผ่นดินคานาอันที่จะให้อิสราเอลเข้ายึดครอง และให้จับฉลากแบ่งดินแดนกันตามเผ่า วงศ์วาน ตระกูลของแต่ละคน ทั้งนี้พระเจ้าทรงกำหนดเขตแดนของคานาอันดังนี้
ด้วยเขตแดนที่ปรากฏในพระคัมภีร์นี้ เป็นหลักฐานอ้างอิงให้อิสราเอลได้ขอพื้นที่ในส่วนนี้คืน ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อชาวยิว 7 คนได้สร้างประวัติศาสตร์ทำลายค่ายนาซีได้นั้น ชาวยิวได้นำหลักฐานนี้อ้างอิงในการขอพื้นที่เพื่อตั้งประเทศอิสราเอลขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายพันธมิตร
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.