คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
สโมสรฟุตบอลเดอะนิวเซนส์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
สโมสรฟุตบอลเดอะนิวเซนส์แห่งออสเวสตรีทาวน์และคลันซันต์ฟรายด์ (อังกฤษ: The New Saints of Oswestry Town & Llansantffraid Football Club เวลส์: Clwb Pêl-droed y Seintiau Newydd) หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ เดอะนิวเซนส์ หรือ ทีเอ็นเอส เป็นสโมสรฟุตบอลตัวแทนจากเมืองออสเวสตรีในมณฑลชรอปเชอร์ ประเทศอังกฤษ และหมู่บ้านคลันซันต์ฟรายด์-อัม-เมฮายน์ (เวลส์: Llansantffraid-ym-Mechain) ในมณฑลโพวิส ประเทศเวลส์ ซึ่งตั้งอยู่ห่างกัน 8 ไมล์ (13 กิโลเมตร) สโมสรนี้แข่งขันในเวลช์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2018–19 เดอะนิวเซนส์ชนะเลิศติดต่อกันเป็นสมัยที่ 8 และสร้างสถิติเป็นสโมสรที่ชนะเลิศมากที่สุดคือ 13 สมัย[1]
![]() | ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
Remove ads
สโมสรนี้ก่อตั้งใน ค.ศ. 1959 ในชื่อสโมสรฟุตบอลคลันซันต์ฟรายด์ หลังจากนั้นใน ค.ศ. 1997 สโมสรได้เปลี่ยนชื่อเป็นสโมสรฟุตบอลโทเทิลเน็ตเวิร์กโซลูชันส์ตามชื่อผู้สนับสนุน ใน ค.ศ. 2003 สโมสรนี้ได้ยุบรวมกับสโมสรฟุตบอลออสเวสตรีทาวน์ และเปลี่ยนมาใช้ชื่อเดอะนิวเซนส์ซึ่งเป็นชื่อในปัจจุบันในอีกสามปีถัดมา
สนามเหย้าของทีเอ็นเอสคือพาร์กฮอลล์ในเมืองออสเวสตรี หลังจากย้ายจากสนามเดิมที่คลันซันต์ฟรายด์ใน ค.ศ. 2007 พาร์กฮอลล์รองรับผู้ชมได้ 2,034 คน โดยมีที่นั่งจำนวน 1,000 ที่นั่ง และมีแผนการที่จะขยายสนามให้รองรับผู้ชมได้ 3,000 ในอนาคต[2]
Remove ads
ประวัติ
สรุป
มุมมอง
คลันซันต์ฟรายด์
สโมสรเริ่มก่อตั้งโดยใช้ชื่อสโมสรฟุตบอลคลันซันต์ฟรายด์เพื่อเป็นตัวแทนของหมู่บ้านคลันซันต์ฟรายด์-อัม-เมฮายน์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ใกล้ชายแดนติดต่อกับอังกฤษใน ค.ศ. 1959 และใช้สนามรีครีเอชันกราวด์ (Recreation Ground) เป็นสนามเหย้า คลันซันต์ฟรายด์เข้าแข่งขันในมอนต์โกเมอรีเชอร์อเมเจอร์ฟุตบอลลีก ซึ่งเป็นลีกฟุตบอลระดับสี่ของเวลส์ในขณะนั้น คลันซันต์ฟรายด์ชนะเลิศจำนวน 7 ครั้ง เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 1989–90 คลันซันต์ฟรายด์ได้รับเลือกให้เข้าสู่เซ็นทรัลเวลส์ลีก (หรือมิดเวลส์ลีกในปัจจุบัน) พวกเขาแข่งขันเพียงฤดูกาลเดียวก็ได้ตำแหน่งรองชนะเลิศและเลื่อนชั้นสู่คัมรีอัลไลอันซ์ หลังจากนั้นพวกเขาก็ประสบความสำเร็จต่อเนื่อง โดยในฤดูกาล 1992–93 พวกเขาได้เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดในฐานะทีมชนะเลิศของคัมรีอัลไลอันซ์ และชนะเลิศการแข่งขันเวลช์อินเทอร์มิเดียตคัพด้วย
โทเทิลเน็ตเวิร์กโซลูชันส์
คลันซันต์ฟรายด์ชนะเลิศเวลช์คัพใน ค.ศ. 1996 และได้สิทธิ์เข้าแข่งขันยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพเป็นครั้งแรก ในช่วงเวลานั้น บริษัทโทเทิลเน็ตเวิร์กโซลูชันส์ซึ่งเป็นบริษัทคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ในเมืองออสเวสตรีได้เสนอข้อตกลงเป็นผู้สนับสนุนมูลค่า 250,000 ปอนด์แลกกับการพ่วงชื่อบริษัทเข้าไปในชื่อสโมสรเป็นสโมสรฟุตบอลโทเทิลเน็ตเวิร์กโซลูชันส์ คลันซันต์ฟรายด์ ในรอบคัดเลือกพวกเขาจับสลากพบกับรุคคอร์ซุฟซึ่งเป็นทีมชนะเลิศฟุตบอลถ้วยจากโปแลนด์ พวกเขาเสมอ 1–1 ที่เวลส์ก่อนจะแพ้ 5–0 ที่โปแลนด์ ในปีถัดมาพวกเขาเปลี่ยนชื่อเหลือเพียงสโมสรฟุตบอลโทเทิลเน็ตเวิร์กโซลูชันส์เท่านั้น ซึ่งทำให้เป็นสโมสรแรกในสหราชอาณาจักรที่ตั้งชื่อโดยใช้ชื่อผู้สนับสนุนเท่านั้น และนับแต่นั้นมาพวกเขายังได้เข้าแข่งขันฟุตบอลระดับทวีปยุโรปอีกหลายครั้ง การแข่งขันฟุตบอลถ้วยยุโรปนัดเหย้าของพวกเขามักจะใช้สนามของสโมสรอื่นที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเช่นนิวทาวน์หรือเรกซัมเนื่องจากรีครีเอชันกราวด์ซึ่งเป็นสนามเหย้าจริงของพวกเขาเองนั้นไม่ผ่านมาตรฐานของยูฟ่า ในการแข่งขันกับแมนเชสเตอร์ซิตีใน ค.ศ. 2003 พวกเขาใช้มิลเลนเนียมสเตเดียมที่คาร์ดิฟฟ์ซึ่งมีความจุ 72,000 ที่นั่งเป็นสนามเหย้า
ยุบรวมกับออสเวสตรีทาวน์
ในฤดูร้อน ค.ศ. 2003 ผู้ถือหุ้นของสโมสรฟุตบอลออสเวสตรีทาวน์เข้าประชุมร่วมกับทีเอ็นเอสเพื่อเจรจาการยุบรวมทีม แม้ว่าผู้ถือหุ้นบางส่วนจะไม่ทราบเรื่องนี้ก็ตาม ออสเวสตรีทาวน์ซึ่งมีฐานะทางการเงินด้อยกว่านั้นอยู่ไม่ไกลจากทีเอ็นเอสนัก และแข่งขันในลีกของเวลส์เช่นกันแม้ว่าจะตั้งอยู่ในมณฑลชรอปเชอร์ในประเทศอังกฤษก็ตาม สมาคมฟุตบอลเวลส์ได้รับรองการรวมทีมในวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2003 แม้ว่าเดิมทีเดียวนั้นยูฟ่าไม่เห็นด้วยกับการยุบรวมทีมที่อยู่ในคนละประเทศกัน แต่ยูฟ่าก็รับรองในเวลาต่อมา
ฤดูกาล 2003–04 ทีเอ็นเอสไม่ประสบความสำเร็จในการแข่งขัน พวกเขาได้เพียงรองชนะเลิศทั้งในลีกและเวลช์คัพ โดยตำแหน่งชนะเลิศทั้งสองรายการนั้นเป็นของริล อย่างไรก็ตาม ทีเอ็นเอสได้ตำแหน่งชนะเลิศทั้งสองรายการในฤดูกาลถัดมา
ในช่วงปิดฤดูกาลก่อนเริ่มฤดูกาล 2005–06 หลังจากที่ยูฟ่าไม่อนุมัติให้ลิเวอร์พูลซึ่งชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเข้าแข่งขันในฤดูกาลถัดไป ทีเอ็นเอสได้เสนอตัวแข่งขันกับลิเวอร์พูลแบบนัดเดียวเพื่อชิงสิทธิ์เข้าแข่งขันรอบคัดเลือกรอบแรก[3] หลังจากที่ยูฟ่าได้ตกลงให้ลิเวอร์พูลเข้าแข่งขันในรอบคัดเลือกรอบแรกได้ ทีเอ็นเอสและลิเวอร์พูลก็จับสลากได้พบกันเอง โดยการแข่งขันนัดแรกที่แอนฟีลด์ ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายชนะ 3–0 จากแฮตทริกของสตีเวน เจอร์ราร์ด นัดที่สองซึ่งแข่งขันที่เรกซัมนั้น จีบรีล ซีเซทำประตูขึ้นนำก่อนที่เจอร์ราร์ดซึ่งเปลี่ยนตัวลงมาทำเพิ่มได้อีกสองประตู ทำให้ลิเวอร์พูลชนะด้วยผล 3–0 เช่นกัน แม้ว่าทีเอ็นเอสจะเป็นฝ่ายแพ้ในการแข่งขันก็ยังได้รับการยกย่อง โดยเฉพาะเจอราร์ด โดเฮอร์ตี ผู้รักษาประตูชาวไอร์แลนด์เหนือซึ่งราฟาเอล เบนิเตซได้ยกย่องว่าเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในการแข่งขันทั้งสองนัด[4]
เดอะนิวเซนส์
ต้น ค.ศ. 2006 บริติชเทเลคอมได้เข้าควบรวมกิจการของโทเทิลเน็ตเวิร์กโซลูชันส์[5] ซึ่งทำให้ข้อตกลงการเป็นผู้สนับสนุนสิ้นสุดลงเมื่อจบฤดูกาล 2005–06 และจำเป็นต้องหาชื่อใหม่ในการแข่งขันฤดูกาลถัดไป ซึ่งพวกเขาตกลงกันได้ว่าจะใช้ชื่อ "เดอะนิวเซนส์" ซึ่งสอดคล้องกับประวัติศาสตร์ของทั้งสองสโมสรที่ควบรวมกันก่อนหน้านี้ โดยคลันซันต์ฟรายด์มีฉายาว่า "เดอะเซนส์" มาก่อน ในขณะที่ประวัติศาสตร์ของเมืองออสเวสตรีเองก็เกี่ยวข้องกับออสวอลด์แห่งนอร์ทัมเบรียซึ่งต่อมาได้รับการยกย่องเป็นนักบุญออสวอลด์ นอกจากนี้ชื่อใหม่ยังสอดคล้องกับอักษรย่อ "ทีเอ็นเอส" ของชื่อทีมในขณะนั้นด้วย ตราใหม่ของสโมสรได้ออกแบบให้มีรูปสัตว์สองตัว ได้แก่มังกรซึ่งสื่อถึงคลันซันต์ฟรายด์ในเวลส์ และสิงโตซึ่งสื่อถึงออสเวสตรีในอังกฤษ[6]
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010 สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่าเดอะนิวเซนส์ได้แจ้งขอใช้สนามเดวาสเตเดียมซึ่งเป็นสนามของสโมสรเชสเตอร์ซิตีเพื่อแข่งขันในฤดูกาล 2010–11 หลังจากไม่ได้รับอนุมัติงบประมาณสำหรับการสร้างอัฒจันทร์ใหม่ขนาด 1,000 ที่นั่งที่พาร์กฮอลล์ ซึ่งในขณะนั้นสโมสรเชสเตอร์ซิตีเองก็ประสบปัญหาทางการเงินเช่นกัน เดวาสเตเดียมนั้นตั้งคร่อมเขตแดนระหว่างอังกฤษและเวลส์ โดยอัฒจันทร์และพื้นสนามตั้งอยู่ในเวลส์ ในขณะที่อาคารสำนักงานของสโมสรอยู่ในอังกฤษ และเชสเตอร์ซิตีเองก็สังกัดอยู่กับสมาคมฟุตบอลอังกฤษ[7] อย่างไรก็ตาม การเจรจาไม่เป็นผลสำเร็จ เชสเตอร์ซิตีล้มละลายในเวลาต่อมา และเดอะนิวเซนส์ยังคงใช้สนามพาร์กฮอลล์ตามเดิมในฤดูกาลถัดมา
เดอะนิวเซนส์ชนะเลิศเวลช์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2009–10 และเข้าแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2010–11 ในรอบคัดเลือก โดยจับสลากได้พบกับโบฮีเมียนส์จากสาธารณรัฐไอร์แลนด์ซึ่งชนะเลิศลีกของไอร์แลนด์พรีเมียร์ดิวิชันในรอบคัดเลือกรอบที่สอง โดยถึงแม้ว่าการแข่งขันนัดแรกที่ดาลีเมาต์พาร์ก กรุงดับลิน โบฮีเมียนส์จะเอาชนะไปได้ 1–0 ในวันที่ 13 กรกฎาคม[8] แต่เดอะนิวเซนส์กลับมาเอาชนะได้ที่พาร์กฮอลล์ด้วยผล 4–0 และชนะด้วยผลประตูรวม 4–1 ซึ่งเป็นการชนะครั้งแรกในฟุตบอลถ้วยระดับทวีปนับตั้งแต่เข้าแข่งขันครั้งแรกใน ค.ศ. 1996[9] แพต เฟนลอน ผู้จัดการสโมสรโบฮีเมียนส์ได้ตำหนิผลงานของลูกทีมว่า "น่าอับอาย" และ "ทำให้สโมสร ลีก และประเทศเสียชื่อเสียง"[10] ซึ่งผลการแข่งขันครั้งนั้นถือเป็นหนึ่งในผลการแข่งขันฟุตบอลถ้วยยุโรปที่แย่ที่สุดของโบฮีเมียนส์ในรอบ 40 ปี[11] เดอะนิวเซนส์ผ่านเข้ารอบไปพบกับอันเดอร์เลคต์ซึ่งชนะเลิศจากเบลเจียนเฟิสต์ดิวิชัน เอ โดยแพ้ทั้งสองนัดด้วยผลรวม 6–1 และผ่านเข้าไปแข่งขันกับซีเอสเคเอ โซเฟียจากบัลแกเรียในรอบคัดเลือกยูโรปาลีกก่อนจะแพ้ด้วยผลรวม 5–2
ในฤดูกาลถัดมา เดอะนิวเซนส์ในฐานะรองชนะเลิศเวลช์พรีเมียร์ลีกได้ผ่านเข้าสู่รอบคัดเลือกยูโรปาลีก โดยเอาชนะคลิฟตันวิลล์จากไอร์แลนด์เหนือด้วยผลรวม 2–1 ในรอบแรกก่อนจะแพ้มีจือแลนจากเดนมาร์กด้วยผลรวม 8–3 ในรอบถัดมา
วันที่ 30 ธันวาคม ค.ศ. 2016 เดอะนิวเซนส์ชนะเคฟเวน ดรูอิดส์ 2–0 ซึ่งเป็นการชนะครั้งที่ 27 ติดต่อกัน และกลายเป็นสโมสรในลีกสูงสุดที่ชนะติดต่อกันมากที่สุดในโลก โดยทำลายสถิติเดิมของอายักซ์ที่ทำไว้ 26 นัดระหว่างทศวรรษ 1970[12] แต่สถิติของพวกเขาหยุดลงเพียง 27 นัดหลังจากที่เสมอกับนิวทาวน์ 3–3 ในการแข่งขันนัดถัดมา[13]
Remove ads
ผลงานในระดับทวีป
การแข่งขัน
- หมายเหตุ
- QR: รอบคัดเลือก
- 1Q: รอบคัดเลือกรอบแรก
- 2Q: รอบคัดเลือกรอบที่สอง
- 3Q: รอบคัดเลือกรอบที่สาม
- PO: รอบเพลย์ออฟ
- แข่งขันที่มิลเลนเนียมสเตเดียม คาร์ดิฟฟ์
- แข่งขันที่คาร์ดิฟฟ์ซิตีสเตเดียม คาร์ดิฟฟ์
สรุป
Remove ads
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads