วรยศ ศุขสายชล

เป็นนักดนตรี นักประพันธ์เพลง ศิลปินชาวไทยผู้มีความสามารถในการบรรเลงเครื่องดนตรีประเภทเ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

วรยศ ศุขสายชล

วรยศ ศุขสายชล เป็นนักดนตรี นักประพันธ์เพลง ศิลปินชาวไทยผู้มีความสามารถในการบรรเลงเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายไทย (ซอ) ในแนวทางที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีผลงานการประพันธ์และเรียบเรียงเพลงสำหรับบรรเลงเดี่ยวและรวมวง และมีผลงานการค้นคว้าเรียบเรียงทฤษฎีเสียงดนตรีไทย และพัฒนาต่อยอดขิมไทยที่สามารถบรรเลงได้ทั้งอนุรักษ์และร่วมสมัย เคยร่วมแสดงดนตรีไทยทั้งระดับชาติและนานาชาติ มีผลงานการบันทึกเสียงเพลงไทยแนวอนุรักษ์และร่วมสมัยอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

ข้อมูลเบื้องต้น วรยศ ศุขสายชล, เกิด ...
วรยศ ศุขสายชล
Thumb
เกิด31 ธันวาคม พ.ศ. 2488 (79 ปี)
บ้านคลองบางขุนศรี เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
สัญชาติไทย
ชื่ออื่นจงกล ศุขสายชล
อาชีพนักดนตรี ครูดนตรี นักประพันธ์เพลง
มีชื่อเสียงจากการบรรเลงเครื่องสายไทย (ซอ) การเรียบเรียงเพลงสำหรับเครื่องสายไทย
ผลงานเด่นทฤษฎี 17 เสียง
คู่สมรสกิตติมา ศุขสายชล
บิดามารดา
  • เขียน ศุขสายชล (บิดา)
  • สระสม ศุขสายชล (มารดา)
รางวัลชนะเลิศ การประกวดเครื่องสายไทย ระดับประชาชน พ.ศ. 2530
เกียรติยศศิลปินอาวุโสคึกฤทธิ์ มูลนิธิคึกฤทธิ์ 80 พ.ศ. 2546
ปิด

ประวัติ

สรุป
มุมมอง

วัยเด็ก

วรยศ ศุขสายชล เกิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2488 มีชื่อเดิมว่า จงกล เป็นบุตรคนที่ 7 ของ เขียน ศุขสายชล กับ สระสม ศุขสายชล มีพี่น้อง 7 คน คือ ประสงค์, ไพเราะ, ลิขิต, อารีย์, พินิจ, ชาญ และ ไพลิน[1] ครอบครัวเป็นตระกูลนักดนตรีในย่านคลองบางขุนศรี เขตธนบุรี จังหวัดกรุงเทพมหานคร[2]

การศึกษา

วรยศ ศุขสายชล เริ่มเข้าศึกษาระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดบางเสาธง ศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนวัดปราสาท และสำเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาดนตรีศึกษา วิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา

ด้านดนตรี เมื่อออายุประมาณ 12 - 13 ปี เริ่มเรียนฆ้องวงใหญ่กับบิดา ซึ่งเป็นทหารในสังกัดกองดุริยางค์ทหารเรือ และเป็นศิษย์ของจางวางทั่ว พาทยโกศล แห่งสำนักดนตรีพาทยโกศล จากนั้นฝึกหัดเครื่องดนตรีอื่นในวงปี่พาทย์ จนสามารถบรรเลงออกงานกับคณะปี่พาทย์ของครอบครัวได้ ขณะเดียวกันได้ฝึกหัดขลุ่ยและขิมกับบิดา และฝึกหัดขับร้องกับมารดา จนเมื่ออายุ 17 ปี ได้เริ่มฝึกหัดซอด้วงกับบิดาอย่างจริงจัง เพราะมีความชื่นชอบซอด้วงเป็นพิเศษ เมื่อบิดาเห็นว่ามีความสามารถ จึงพาไปฝากเป็นศิษย์กับ จิตร เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา ต่อมาบิดาได้พาไปฝากเป็นศิษย์ หลวงไพเราะเสียงซอ (อุ่น ดูรยะชีวิน)[3] โดยฝึกหัดตั้งแต่ขั้นพื้นฐานจนถึงขั้นสูง และได้ฝึกหัดทั้งซอด้วง ซออู้ และซอสามสาย ครบทั้ง 3 ซอ ภายหลังได้เรียนเพลงชุดของวงเครื่องสายปี่ชวาจาก เทียบ คงลายทอง รวมถึงได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการประยุกต์ทำนองปี่สำหรับปรับใช้กับซอ[4] อีกทั้งยังได้รับถ่ายทอดทำนองร้องเพลงทยอยเดี่ยวจาก อุษา สุคันธมาลัย อีกด้วย[5]

ประสบการณ์ทางดนตรี

ผลงานทางวิชาชีพ

วรยศ ศุขสายชล เริ่มเข้ารับราชการที่กองดุริยางค์ทหารเรือ เมื่อ พ.ศ. 2506[6] ในตำแหน่งกำลังพลนักดนตรี (ซอด้วง) และเริ่มเป็นที่รู้จักในวงการเครื่องสายไทยอย่างเต็มตัวเมื่ออายุ 21 ปี โดยได้เข้าร่วมการประกวดเดี่ยวซอด้วงและขลุ่ยเพียงออ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 4 บางขุนพรหม เมื่อ พ.ศ. 2509 ได้รับรางวัลชนะเลิศซอด้วง และรางวัลรองชนะเลิศขลุ่ยเพียงออ[4] จนถึง พ.ศ. 2518 ได้ลาออกจากราชการมาบรรจุเป็นพนักงานประจำวงดนตรีไทยโรงงานสุราบางยี่ขัน จนถึง พ.ศ. 2528 ได้ผันตัวมาเป็นนักดนตรีอิสระ ขณะเดียวกันได้รับเชิญเป็นอาจารย์พิเศษสอนเครื่องสายในสถาบันการศึกษาหลายแห่ง ได้แก่ วิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา,[7] วิทยาลัยครูสวนสุนันทา,[8] มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร, คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,[9] คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร,[8] วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล, ชุมนุมดนตรีไทย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,[10] ชมรมดนตรีไทย สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ,[8] ชมรมดนตรีไทย มหาวิทยาลัยกรุงเทพ[4]

Thumb
รางวัลชนะเลิศการประกวดวงเครื่องสายไทย พ.ศ. 2530

เมื่อ พ.ศ. 2530 ได้รวบรวมสมาชิก ได้แก่ ปี๊บ คงลายทอง, สุธารณ์ บัวทั่ง, ธีระ ภู่มณี, พจนีย์ รุ่งเรือง, วิทยา หนูจ้อย, และ อารีย์ (ธัญทิพย์) คงลายทอง ก่อตั้งคณะ "วัยหวาน"[4] เข้าร่วมการประกวดวงเครื่องสายไทย ระดับประชาชน ในรายการประกวดเฉลิมพระเกียรติพระบาทเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ จัดโดย กรมประชาสัมพันธ์ ร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด ได้รับรางวัลชนะเลิศ รับพระราชทานรางวัลจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี[11]

วรยศ ศุขสายชล เคยได้รับเชิญจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนร่วมงานการแสดงดนตรีระดับชาติที่สำคัญ เช่น

Thumb
ประกาศนียบัตรการร่วมบรรเลงงานมหกรรมเดี่ยวเพลงไทยชัยมงคล พ.ศ. 2531

ในด้านการอนุรักษ์เพลงไทย มีผลงานการบันทึกเสียงร่วมกับคณะดนตรีที่มีชื่อเสียงหลายคณะ เช่น ดุริยประณีต, ดุริยพันธุ์, บัวทั่ง, เสริมมิตรบรรเลง[10] ฯลฯ รวมถึงมีผลงานการบันทึกเสียงออกอากาศทางสถานีวิทยุหลายแห่ง เช่น สถานีวิทยุศึกษา สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย[15] สถานีวิทยุกระจายเสียง 1 ปณ ฯลฯ ปรากฏผลงานการบันทึกเสียงในฐานข้อมูลห้องสมุดระดับชาติ เช่น ห้องสมุดดนตรีทูลกระหม่อมสิรินธร หอสมุดแห่งชาติ, หอสมุดดนตรีไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,[16] [17] ห้องสมุดดนตรีไทยสมเด็จพระเทพรัตน์ มหาวิทยาลัยมหิดล,[18] [19] ศูนย์สังคีตศิลป์ ธนาคารกรุงเทพ[20] ฯลฯ ในด้านดนตรีไทยร่วมสมัย ได้ร่วมงานบันทึกเสียงกับวงฟองน้ำ ของ บรูซ แกสตัส และ บุญยงค์ เกตุคง และร่วมงานกับวงกังสดาล ของ เทวัญ ทรัพย์แสนยากร[21]

วรยศ ศุขสายชล ได้รับเชิญจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเป็นกรรมการตัดสินการประกวดดนตรีไทยที่สำคัญระดับชาติหลายรายการ เช่น

นอกจากนี้ยังได้รับเชิญเป็นวิทยากรพิเศษแก่หน่วยงานภาครัฐหลายแห่ง เช่น กระทรวงศึกษาธิการ, สำนักการสังคีต กรมศิลปากร, มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต, มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร, มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา, มหาวิทยาลัยบูรพา, วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล, คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, คณะศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ฯลฯ

ผลงานค้นคว้าและงานทางวิชาการ

Thumb
เปรียบเทียบระยะเสียง ทฤษฎี 17 เสียง ดนตรีตะวันตก และดนตรีไทยดั้งเดิม

วรยศ ศุขสายชล มีงานค้นคว้าที่สำคัญคือ ทฤษฎีเสียง โดยอธิบายระบบเสียงในดนตรีไทยผ่านการวิเคราะห์จากเสียงขับร้อง ซึ่งแบ่งระดับเสียงใน 1 ช่วงเสียงออกเป็น 17 เสียงย่อย (Microtone) ต่างจากทฤษฎีดนตรีไทยดั้งเดิมที่แบ่งระดับเสียงเป็น 7 เสียง และต่างจากทฤษฎีดนตรีตะวันตกที่แบ่งระดับเสียงเป็น 12 เสียง ได้ตั้งชื่อทฤษฎีว่า "วรยศ" ตามชื่อผู้ค้นคว้า หรือเรียกกันทั่วไปว่าทฤษฎี "17 เสียง"[29] แล้วเรียบเรียงเป็นหนังสือชื่อว่า "ทฤษฎีเสียงดนตรีไทย" ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อ พ.ศ. 2541[30]

วรยศ ศุขสายชล ได้ทำการค้นคว้าพัฒนาต่อยอดขิมและซอ เพื่อเพิ่มศักยภาพทางด้านคุณภาพเสียงและวิธีการบรรเลง โดยขิมได้ปรับเปลี่ยนการใช้วัสดุและปรับขยายสัดส่วนเครื่องดนตรี เพื่อให้ได้ช่วงเสียงที่กว้างมากยิ่งขึ้น สามารถบรรเลงได้ 4 ช่วงเสียง (Octave) และคิดกลวิธีที่สามารถประยุกต์ใช้ได้ทั้งการบรรเลงดนตรีไทยแนวอนุรักษ์และแนวร่วมสมัย ขิมที่พัฒนาใหม่นี้มีชื่อเรียกเฉพาะว่า "ขิมตักกศิลา" หรือเรียกอีกชื่อว่า "ขิมใหญ่"[31] ส่วนซอ ได้ปรับขยายสัดส่วนเครื่องดนตรี เพื่อให้ได้ช่วงเสียงที่กว้างมากยิ่งขึ้นและมีเสียงที่ชัดเจน ปรับเปลี่ยนการใช้สายโลหะแทนการใช้สายไหม เพื่อให้ได้เสียงที่คมชัดและใส

นอกจากนี้ วรยศ ศุขสายชล ยังมีผลงานการเรียบเรียงบทความลงเผยแพร่ในวารสารถนนดนตรี ได้แก่เรื่อง "อยากจำเพลงเก่ง ๆ ได้จังเลย"[32] และ "คดีโน้ตเพลง"[33]

การสร้างสรรค์และเผยแพร่ผลงานต่อสาธารณชน

สรุป
มุมมอง

การประพันธ์และเรียบเรียงเพลง

วรยศ ศุขสายชล มีผลงานการประพันธ์เพลง ได้แก่ ตะเลงรัญจวน เถา,[34] พม่าแปลง เถา, โหมโรงนิลุบล, โหมโรงชมสมุทร (เที่ยวกลับ),[31] เทพประนมกร (ทางเปลี่ยน),[35] แขกมอญบางช้าง (ทางเปลี่ยน)[5] เชิดจีน ตัว 4 (ทางเปลี่ยน) และ ท่อนนำตับจูล่ง มีผลงานการเรียบเรียงเพลง ได้แก่ ชุดระบำแขก,[36] ชุดลำตัดดนตรี, ชุดพม่าเห่, เวสสุกรรม (5 จังหวะ), วิลันดาโอด (ประสานเสียง), อาลีบาบา, พม่าคะเมีย, แขกเชิญเจ้า, คางคกปากสระ (แจ๊ส) และ ซัมเซ มีผลงานการเรียบเรียงเพลงต่างชาติและเพลงท้องถิ่นของไทยสำหรับเครื่องดนตรีไทย เช่น อาหรับราตรี, จีนซัวเถา (幸福年),[37] สิงโต (Dance of Golden Snake : 金蛇狂舞), ส่าน ตอว์ เฉ่น์ (စံ​တော်ချိန်) เพลงรองเง็ง มีผลงานการปรับทางเพลงสำหรับวงเครื่องสายหลายเพลง เช่น โหมโรงเชิดนอก, ทยอยใน, บุหลัน, แขกโอด,[31] บาทสกุณี[38] ฯลฯ รวมถึงมีผลงานการเรียบเรียงทางเดี่ยวสำหรับเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายหลายเพลง เช่น เดี่ยวซอด้วง นกขมิ้น, ม้าย่อง, พญาโศก, พญาครวญ, แขกมอญ, เชิดนอก, กราวใน, ทยอยเดี่ยว เดี่ยวซออู้ พญาครวญ, สารถี, ทะแย, ต่อยรูป, กราวใน เดี่ยวซอสามสาย เชิดนอก, หกบท เดี่ยวขิม มโนราห์บูชายัญ เดี่ยวจะเข้ 2 ตัว กราวใน ฯลฯ[4]

โดยผลงานที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางคือ

  • ตะเลงรัญจวน เถา ประพันธ์เพื่อเข้าร่วมประกวดการแต่งเพลงไทย ในรายการพิณทอง ครั้งที่ 1 ของธนาคารกสิกรไทย เมื่อ พ.ศ. 2524[39]
  • อาลีบาบา เรียบเรียงสำหรับบรรเลงต่อท้าย แขกลพบุรี เถา ในการประกวดวงเครื่องสายไทย ระดับประชาชน ในรายการประกวดเฉลิมพระเกียรติพระบาทเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. 2530 ได้รับรางวัลชนะเลิศ[40]
  • แขกโอด เรียบเรียงให้คณะดุริยางคศิลป์เพื่อเข้าร่วมประกวดวงเครื่องสายผสม ระดับประชาชน ครั้งที่ 5 ประจำปี พ.ศ. 2551 จัดโดยมหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้รับรางวัลชนะเลิศ
  • เดี่ยวซอด้วง กราวใน ได้บรรเลงในงานมหกรรมเดี่ยวเพลงไทยชัยมงคล เมื่อ พ.ศ. 2531[12] งานครบ 100 ปี หลวงไพเราะเสียงซอ (อุ่น ดูรยะชีวิน) เมื่อ พ.ศ. 2535[13] และในการรับรางวัลศิลปินอาวุโสคึกฤทธิ์ จากมูลนิธิคึกฤทธิ์ 80 เมื่อ พ.ศ. 2546
  • เดี่ยวซอด้วง นกขมิ้น ได้ถ่ายทอดให้กับ ธีระ ภู่มณี เพื่อเข้าร่วมการประกวดขับร้องและบรรเลงเพลงไทย ฆ้องทองคำ ครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2528 จัดโดยมหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับรางวัลชนะ [41]

การบันทึกเสียง

วรยศ ศุขสายชล มีผลงานการบันทึกเสียงดนตรีที่สำคัญ ได้แก่

อัลบั้มเดี่ยวและอัลบั้มที่ควบคุมการบรรเลงด้วยตนเอง

  • "เดี่ยวซอด้วง" ในซีรีส์อัลบั้ม ชุด 13 "สยามสังคีต ดนตรีไทยฉบับบรมครู" โดย เสรี หวังในธรรม (Remaster) (โอเชี่ยนมีเดีย, 2544)[42]
  • "เดี่ยวซออู้ - เดี่ยวซอสามสาย" ในซีรีส์อัลบั้ม ชุด 14 "สยามสังคีต ดนตรีไทยฉบับบรมครู" โดย เสรี หวังในธรรม (Remaster) (โอเชี่ยนมีเดีย, 2544)[43]
  • อัลบั้ม "ดนตรีไทยชนะการประกวด เฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ" (กรมประชาสัมพันธ์ และธนาคารกรุงเทพ จำกัด, 2530)

อัลบั้มที่มีส่วนร่วมในการบันทึกเสียง

  • อัลบั้ม ปี่พาทย์ไม้นวม คณะดุริยพันธุ์ (โรต้า RT.2012)
  • อัลบั้ม มโหรีวงใหญ่ คณะบัวทั่ง (โรต้า RT.2018)
  • อัลบั้ม มโหรีวงใหญ่ คณะดุริยพันธุ์ (โรต้า RT.2017)
  • อัลบั้ม ปี่พาทย์ไม้นวม คณะดุริยพันธุ์ (กมลสุโกศล KCS.44)
  • อัลบั้ม ปี่พาทย์ไม้นวม คณะดุริยพันธุ์ (Golden TS-2038)
  • อัลบั้ม "แหยม" (Siamese Jam) วงกังสดาล (ไพซิสมิวสิค, 2533)[39]
  • "เพลงเรื่องพญาพายเรือ" จากอัลบั้ม "Shiva’s Drum" วงฟองน้ำ (Pacific (TAO), 2531)
  • "ชื่นใจ" จากอัลบั้ม "อ้อน" ของ เทวัญ ทรัพย์แสนยากร (Epic Records, 2536)[21]
  • เดี่ยวซอด้วง "ทยอยเดี่ยว" จากอัลบั้ม "สุดจิตต์ 80 กะรัต" ในโอกาสครบรอบอายุ 80 ปี ของ สุดจิตต์ ดุริยประณีต (มูลนิธิดุริยประณีต, 2551)
  • เดี่ยวซอด้วง ซออู้ "สารถี" ในซีรีส์อัลบั้ม ชุด 19 "สารถีนานาลีลา 1" โดย เสรี หวังในธรรม (โอเชี่ยนมีเดีย, 2558)[44]

การแสดงดนตรี

วรยศ ศุขสายชล จัดการแสดงดนตรีในรูปแบบคอนเสิร์ตหลายครั้งทั้งในไทยและต่างประเทศ ดังนี้

ข้อมูลเพิ่มเติม วัน เดือน ปี, ชื่อการแสดง ...
วัน เดือน ปี ชื่อการแสดง รายการ สถานที่จัดแสดง หมายเหตุ อ้างอิง
3 พฤษภาคม 2539 วงวัยหวาน จุฬาวาทิต ครั้งที่ 62 เรือนไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รายการของศูนย์ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย [45]
6 มีนาคม 2541 คณะศิษย์ศุขสายชล จุฬาวาทิต ครั้งที่ 75 เรือนไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รายการของศูนย์ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย [46]
7 มกราคม 2554 ครูวรยศ ศุขสายชล จุฬาวาทิต ครั้งที่ 162 เรือนไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รายการของสำนักบริหารศิลปวัฒนธรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย [31]
15 มิถุนายน 2562 สุนทรียภาพในดนตรีไทย Siam Music Festival ศูนย์ศึกษาดนตรีสำหรับบุคคลทั่วไป (สยามพารากอน) วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล รายการของศูนย์ศึกษาดนตรีสำหรับบุคคลทั่วไป วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล [47]
4 มิถุนายน 2565 An Evening of Thai Classical Music An Evening of Thai Classical Music Seekers Church, Washington, D.C., USA [48]
5 มิถุนายน 2565 Thai Classical Music Concert A Journey through Thailand Motor House, Baltimore, USA [49]
2565 Thai Classical Music Concert Strawberry Festival Sandy Spring Museum, MD, USA จัดแสดงในนาม Somapa Thai Dance Company [50]
2 กรกฎาคม 2566 Thai Music and Dance Sawasdee DC Thai festival เนื่องในการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย-อเมริกา ครบ 190 ปี National Mall in Washington, D.C., USA รายการของสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน

จัดแสดงในนาม Somapa Thai Dance Company

[51]
6 กันยายน 2566 Thai Music and Dance Thai Delight : a sweet Journey through a Dessert Making Royal Thai Ambassador’ Resident, Washington, D.C., USA รายการของสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน

จัดแสดงในนาม Somapa Thai Dance Company

[52]
24 กันยายน 2566 Thai Music and Dance Maryland Folk Festival Downtown Salisbury, MD, USA จัดแสดงในนาม Somapa Thai Dance Company
1 ตุลาคม 2566 Thai Music and Dance World Culture Festival National mall, Washington. D.C., USA จัดแสดงในนาม Somapa Thai Dance Company
23 เมษายน 2566 Thai Music and Dance การแสดงละครเด็กเรื่องพระสุธน-มโนราห์ Wolf Trap National Park for the Performing Arts, VA, USA จัดแสดงในนาม Somapa Thai Dance Company
3 พฤษภาคม 2567 Thai Music and Dance Asia North Festival The Parlor Art Center, Baltimore, MD, USA รายการของ The Asian Arts & Culture Center at Towson University

จัดแสดงในนาม Somapa Thai Dance Company

[53]
4 พฤษภาคม 2567 Thai Music and Dance Thai Open House 2024 Royal Thai Embassy, Washington, D.C., USA รายการของสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน

จัดแสดงในนาม Somapa Thai Dance Company

[54]
23 พฤษภาคม 2567 Thai music and Dance The Somapa Thai Dance Company and Orchestra in Concert Library of Congress, USA รายการของ Library of Congress

จัดแสดงในนาม Somapa Thai Dance Company

[55] [56]
18 ตุลาคม 2567 Thai Music and Dance Meridian Pre-Ball Dinner Royal Thai Embassy, Washington, D.C., USA รายการของสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน

จัดแสดงในนาม Somapa Thai Dance Company

[57]
27 ตุลาคม 2567 Thai Music and Dance 2024 Asian Cultural Celebration Major Performance Dodd Auditorium, George Washington Hall, University of Mary Washington, Fredericksburg, VA, USA รายการของ University of Mary Washington

จัดแสดงในนาม Somapa Thai Dance Company

[58]
3 ธันวาคม 2567 Thai Music and Dance งานเลี้ยงรับรองในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2567 Salamander Washington DC, Washington, D.C., USA รายการของสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน

จัดแสดงในนาม Somapa Thai Dance Company

[59]
ปิด

การถ่ายทอดองค์ความรู้

สรุป
มุมมอง

วรยศ ศุขสายชล ถ่ายทอดการบรรเลงเครื่องสายไทยทั้งในระบบการศึกษาและแบบตามอัธยาศัย โดยเริ่มถ่ายทอดตั้งแต่ พ.ศ. 2526 จนถึงปัจจุบัน มีศิษย์ที่เป็นศิลปิน ครูอาจารย์ นักวิชาการที่มีชื่อเสียงหลายคน อาทิ กฤษฏาธาร จันทะโก, กันต์ อัศวเสนา, โดม สว่างอารมณ์, ธีระ แถบสิงห์, ธีระ ภู่มณี,[41] [60] นัฐชา โพธิ์ศรี, นิติธร หิรัญหาญกล้า,[61] พชร ธารีเพียร, เลอเกียรติ มหาวินิจฉัยมนตรี,[62] วรพล มาสแสงสว่าง, วันชัย เอื้อจิตรเมศ,[9] วีรศิลป์ ห่วงประเสริฐ, สุธีรา นาควัชระ, สุรพงษ์ บ้านไกรทอง, สุวรรณี ชูเสน, อำนาจ บุญอนนท์ ฯลฯ และเคยเข้าถวายการแนะนำกลวิธีการสีซอแด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี[63]

ภายหลังเมื่อ พ.ศ. 2542 ได้ก่อตั้งโรงเรียนดนตรี "ตักกศิลา" เพื่อสอนและให้ความรู้ด้านดนตรีไทยแก่เยาวชนและบุคคลผู้สนใจทั่วไป

ความสำเร็จในการถ่ายทอดความรู้ที่เป็นประจักษ์ เช่น

  • ธีระ ภู่มณี ชนะเลิศการประกวดเดี่ยวซอด้วง ในรายการฆ้องทองคำ ครั้งที่ 2 รางวัลพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เมื่อ พ.ศ. 2528 จัดโดยมหาวิทยาลัยมหิดล[64]
  • นิติธร หิรัญหาญกล้า ชนะเลิศการประกวดเดี่ยวซอด้วง ระดับประชาชน ครั้งที่ 2 ประจำปี พ.ศ. 2548 จัดโดยมหาวิทยาลัยรามคำแหง[65]
  • นัฐชา โพธิ์ศรี ชนะเลิศการบรรเลงเดี่ยวซอด้วง ระดับประชาชนทั่วไป ในการประกวดมหกรรมดนตรีไทยเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในมหามงคลดิถีเฉลิมพระชนมายุครบ 7 รอบ พ.ศ. 2554 จัดโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี และมูลนิธิมนตรี ตราโมท ในพระราชูปถัมภ์
  • คณะดุริยางคศิลป์ (สมาชิกที่สำคัญคือ กิตติมา ศุขสายชล, นิติธร หิรัญหาญกล้า, วรพล มาสแสงสว่าง, กันต์ อัศวเสนา) ชนะเลิศการประกวดวงเครื่องสายผสม ระดับประชาชน ครั้งที่ 5 ประจำปี พ.ศ. 2551 จัดโดยมหาวิทยาลัยรามคำแหง[66]

การกล่าวถึง

สรุป
มุมมอง

วรยศ ศุขสายชล ได้รับการกล่าวถึงและนำผลงานไปเผยแพร่ทั้งในรูปแบบบทความ รายการวิทยุ แถบบันทึกเสียง รวมถึงการจัดคอนเสิร์ตเพื่อยกย่องเชิดชู ดังนี้

  • บทสัมภาษณ์ "สนทนากับครูจงกล ศุขสายชล : ศิษย์เอกครูหลวงไพเราะเสียงซอ" ในวารสารถนนดนตรี[67]
  • บทสัมภาษณ์ "จากชีวิตบทเพลงเปล่งสำเนียง ไพเราะเพียงเสียงซอวรยศ" ในวารสารเพลงดนตรี[4]
  • บทสัมภาษณ์ "Conversation with Somapa Thai Dance Company" เผยแพร่ทางเวปไซต์ Libraly of Congress [68]
  • บทวิจารณ์ "ด้วยหลักการของศิลปะส่องทางให้เเก่กัน" โดย เจตนา นาควัชระ เผยแพร่ทางเวปไซต์ TRF Criticism Project[69]
  • รายการวิทยุ "สังคีตภิรมย์" ดำเนินรายการโดย พูนพิศ อมาตยกุล ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงภูมิภาค 46 สถานี [20]
  • รายการวิทยุ "บันเทิงคดีดนตรีไทย" ดำเนินรายการโดย พูนพิศ อมาตยกุล ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา (วิทยุศึกษา)[20]
  • แถบบันทึกเสียง "พบครูดนตรีไทย ตอนที่ 113" ดำเนินรายการโดย พูนพิศ อมาตยกุล เผยแพร่ที่ห้องสมุดดนตรีไทยสมเด็จพระเทพรัตน์ มหาวิทยาลัยมหิดล[70]
  • การแสดง รายการจุฬาวาทิต ครั้งที่ 208 "สายสดับแบบฉบับครูวรยศ" ณ หอแสดงดนตรี อาคารศิลปวัฒนธรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[38] จัดโดยคณะศิษย์ ในการสนับสนุนของสำนักศิลปวัฒนธรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • การแสดง รายการดนตรีไทยไร้รสหรือ ชุดดนตรีไทยพรรณนา "สายเสียงทิพย์ สำเนียงซอ ครูวรยศ ศุขสายชล" ณ โรงละครแห่งชาติ[71] จัดโดยคณะศิษย์ ในการสนับสนุนของสำนักการสังคีต กรมศิลปากร

ชีวิตส่วนตัว

วรยศ ศุขสายชล สมรสครั้งแรกกับ มะลิ ฟักเขียว มีบุตร 3 คน คือ อุบล ศุขสายชล (ชาย), กมลรัตน์ ศุขสายชล (หญิง) และ วัชระ ศุขสายชล (ชาย)[72] ต่อมาสมรสกับ สุธารณ์ บัวทั่ง ปัจจุบันสมรสกับ กิตติมา ศุขสายชล

เกียรติประวัติ

  • พ.ศ. 2546 ได้รับเกียรติเป็นศิลปินอาวุโสคึกฤทธิ์ จากมูลนิธิคึกฤทธิ์ 80 ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
  • พ.ศ. 2541 ได้รับโล่เกียรติคุณ ในฐานะผู้มีอุปการคุณต่อมหาวิทยาลัยบูรพา[22]

ลำดับสาแหรก

สรุป
มุมมอง

ลำดับสาแหรกของ วรยศ ศุขสายชล เป็นดังนี้[3] [73] [74]

ข้อมูลเพิ่มเติม ลำดับสาแหรกของวรยศ ศุขสายชล ...
ปิด

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.