ลำดับ |
พระบรมสาทิสลักษณ์ |
พระนาม |
เริ่มต้น |
สิ้นสุด |
หมายเหตุ |
1 |
|
มูฮัมมัด ชะฮ์ / อาวัง อาลัก เบอตาตาร์ |
1363[3] หรือ 1368 |
1402 |
สถาปนารัฐสุลต่าน[3] |
2 |
|
อับดุล มาจิด ฮัซซัน / มหาราชากรรณะ |
1402 |
1408 |
สวรรคตที่หนานจิง ประเทศจีน |
3 |
|
อะฮ์มัด / อาวัง ปาเตะฮ์ เบอร์ไบ |
1408 |
1425 |
|
4 |
|
ชะรีฟ อะลี / สุลต่านบาร์กัต (สุลต่านผู้ได้รับพร) |
1425 |
1432 |
เดิมปกครองเป็นชะรีฟแห่งมักกะฮ์ในรัฐสุลต่านมัมลูก และไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายพระโลหิตกับผู้ครองราชย์ก่อนหน้า แต่ได้รับเลือกเป็นพระชามาดาของอดีตสุลต่าน (อะฮ์มัด) และทรงรอบรู้ในศาสนาอิสลาม |
5 |
|
ซูไลมัน |
1432 |
1485 |
พระราชโอรสของสุลต่านชะรีฟ อะลี พระองค์สละราชสมบัติเพื่อให้โบลเกียห์ พระราชโอรส ขึ้นเป็นสุลต่าน |
6 |
 |
โบลเกียห์ / นาโคดารากัม (กัปตันผู้ขับร้อง) |
1485 |
1524 |
พระราชโอรสของสุลต่านซูไลมัน และเป็นสุลต่านองค์แรกที่ใช้ปืนใหญ่ลำกล้อง |
7 |
|
อับดุล กาฮาร์ |
1524 |
1530 |
พระราชโอรสของสุลต่านโบลเกียห์ |
8 |
|
ไซฟุล รีจัล |
1533 |
1581 |
พระราชนัดดาและพระราชโอรสบุตธรรมของสุลต่านอับดุล กาฮาร์ เกิดสงครามกัสติยาระหว่างบรูไนกับสเปน |
9 |
|
ชะฮ์ เบอรูไน |
1581 |
1582 |
พระราชโอรสองค์โตของสุลต่านไซฟุล รีจัล |
10 |
|
มูฮัมมัด ฮาซัน |
1582 |
1598 |
พระอนุชาในสุลต่านชะฮ์ เบอรูไน |
11 |
|
อับดุล จาลีลุล อักบาร์ |
1598 |
1659 |
สุลต่านที่ครองราชย์นานที่สุดในประวัติศาสตร์บรูไน |
12 |
|
อับดุล จาลีลุล จับบาร์ |
1659 |
1660 |
|
13 |
|
มูฮัมมัด อาลี |
1660 |
1661 |
ถูกประหารชีวิตด้วยการบีบปลอกคอเหล็กโดยอับดุล ฮักกุล มูบิน ผู้ครองราชย์องค์ถัดไป นำไปสู่สงครามกลางเมืองบรูไน |
14 |
|
อับดุล ฮักกุล มูบิน |
1660 |
1673 |
เริ่มต้นสงครามกลางเมืองบรูไนด้วยการปลงพระชนม์สุลต่านมูฮัมมัด อาลี และภายหลังถูกปลงพระชนม์โดยมูฮ์ยิดดิน ผู้ครองราชย์องค์ถัดไป |
15 |
|
มุฮ์ยิดดิน |
1673 |
1690 |
พระราชโอรสในสุลต่านอับดุล จาลีลุล จับบาร์ผู้แก้แค้นการสวรรคตของสุลต่านมูฮัมมัด อาลี พระสัสสุระ ด้วยการปลงพระชนม์สุลต่านอับดุล ฮากิม มูบิน ทำให้สงครามกลางเมืองสิ้นสุดลง พระองค์นำดินปืนจากรัฐสุลต่านจัมบีในช่วงสงครามกลางเมือง |
16 |
|
นัซรุดดิน |
1690 |
1710 |
|
17 |
|
ฮูซิน กามาลุดดิน |
1710 |
1730 |
ครั้งแรก พระองค์ขึ้นครองราชย์ครั้งที่สองใน ค.ศ. 1737 ถึง 1740 |
18 |
|
มูฮัมมัด อาลาอุดดิน |
1730 |
1737 |
ทรงสั่งให้ดาตู อิหม่าม ยาอ์กุบให้เขียน ซัลซีละฮ์ราจา-ราจาเบอรูไน หรือพระราชวงศ์ของสุลต่านบรูไน |
(17) |
|
ฮูซิน กามาลุดดิน |
1737 |
1740 |
ครั้งที่สอง |
19 |
|
โอมาร์ อาลี ไซฟุดดินที่ 1 |
1740 |
1778 |
|
20 |
|
มูฮัมมัด ตาจุดดิน |
1778 |
1807 |
ทรงสั่งให้คาติบ อับดุล ชาติฟสลัก บาตูตาร์ซีละฮ์ หรือแผ่นศิลาจารึก |
21 |
|
มูฮัมมัด จามาลุล อาลัมที่ 1 |
1804 |
1804 |
|
22 |
|
มูฮัมมัด กันซุล อาลัม |
1807 |
1826 |
|
23 |
|
มูฮัมมัด อาลัม |
1826 |
1828 |
พระองค์เรียกตัวพระองค์เป็นสุลต่านบรูไน ในรัชสมัยนี้ บรูไนถือครองดินแดนจากตันจงดาตูในรัฐซาราวักถึงกีมานิซในรัฐซาบะฮ์ แม้จะถูกมองว่าเป็นประเทศที่อ่อนแอและต้องได้รับการคุ้มครองมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้ บทความนี้จะเปิดเผยสถานการณ์จริงของจักรวรรดิบรูไนก่อนล่มสลายอย่างเลวร้ายหลังจากการสู้รบในช่วงสั้นๆ ชาวบรูไนส่วนใหญ่เกลียดชังพระองค์เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์ และพระองค์ไม่เคารพขนบธรรมเนียมราชสำนักบรูไน ซึ่งจุดชนวนให้เกิดสงครามกลางเมืองครั้งที่สองระหว่างพระองค์กับเปองีรัน มูดา โอมาร์ อาลี ไซฟุดดิน ผู้ครองราชย์ต่อจากพระองค์ |
24 |
 |
โอมาร์ อาลี ไซฟุดดินที่ 2 |
1828 |
1852 |
เจมส์ บรูกเดินทางมาและมีการลงนามสนธิสัญญาลาบวนใน ค.ศ. 1846 |
25 |
 |
อับดุล โมมิน |
1852 |
29 พฤษภาคม 1885 |
ลงนามสนธิสัญญาแห่งมิตรภาพและพาณิชย์ใน ค.ศ. 1847 ที่ทำให้ชาลส์ บรูกผนวกดินแดนต่อ และมีการประกาศ อามานัต ใน ค.ศ. 1885 |
26 |
 |
ฮาชิม จาลีลุล อาลัม อากามัดดิน |
29 พฤษภาคม 1885 |
10 พฤษภาคม 1906 |
ยังคงเสียดินแดนต่อแม้จะมีการทำ อามานัต และการลงนามข้อตกลงรัฐในอารักขากับรัฐบาลบริติชใน ค.ศ. 1888 การเข้ามาและรายงานของมัลคอล์ม แมคอาเธอร์ทำให้พระองค์ลงนามข้อตกลงเพิ่มเติม ค.ศ. 1905–1906 |
27 |
 |
มูฮัมมัด จามาลุล อาลัมที่ 2 |
10 พฤษภาคม 1906 |
11 กันยายน 1924 |
พระองค์เป็นสุลต่านบรูไนองค์แรกที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ จากนั้น พระองค์นำกฎหมายอิสลามเข้ามาใช้ในรัฐสุลต่านเมื่อ ค.ศ. 1912 ตามมาด้วย พระราชบัญญัติการสมรสและการหย่าร้าง ใน ค.ศ. 1913 เอ็ดเวิร์ด เจ้าชายแห่งเวลส์ เสด็จมายังรัฐสุลต่านในวันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1922 ในปีเดียวกัน พระองค์เป็นสุลต่านองค์แรกที่เสด็จประพาสสิงคโปร์ ในช่วงเกือบท้ายรัชสมัยมีการย้ายอิซตานากัมปงอาเยอร์ไปยังอิซตานามัจลิซ การแพร่ระบาดของมาลาเรียทำให้พระองค์และสมาชิก 3 พระองค์สวรรคต |
28 |
 |
อะฮ์มัด ตาจุดดิน |
11 กันยายน 1924 |
4 มิถุนายน 1950 |
มีการค้นพบน้ำมันในช่วงต้นรัชสมัยเมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 1929 พระองค์ทรงอภิเษกสมรสกับเติงกู ไรฮานีในวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 1934 ในรัชสมัยนี้ พระองค์พบการครอบครองบรูไนของญี่ปุ่นใน ค.ศ. 1941 ถึง 1945 ทรงฉลองรัชดาภิเษกในวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 1949 พระองค์ประชวรที่แรฟเฟิลส์โฮเท็ลและสวรรคตที่โรงแรมสิงคโปร์เจเนอรัลในวันที่ 3 มิถุนายน ค.ศ. 1950 |
29 |
 |
โอมาร์ อาลี ไซฟุดดีนที่ 3 |
4 มิถุนายน 1950 |
5 ตุลาคม 1967 |
บรูไนพบการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญภายใต้การปกครอง 17 ปี พระองค์พัฒนาปรัชญาเมอลายูอิซลัมเบอราจา (Melayu Islam Beraja, MIB) ที่นำหน้าที่เป็นอุดมการณ์นำทางชาติ พระองค์ยังทรงริเริ่มการปฏิรูปการศึกษา ศาสนา สังคม และเศรษฐกิจ เพื่อเตรียมความพร้อมแก่ประชาชนของพระองค์ในการฟื้นฟูอำนาจอธิปไตยของรัฐ พระองค์ทรงทอดพระเนตรการร่างและการลงนามรัฐธรรมนูญบรูไนใน ค.ศ. 1959 พระองค์ยังได้เห็นความตึงเครียดที่เกิดจากการรวมตัวสหพันธรัฐมาเลเซีย ซึ่งนำไปสู่การกบฏบรูไนค.ศ. 1962 จากนั้นใน ค.ศ. 1967 พระองค์สละราชสมบัติแก่ฮัซซานัล โบลเกียห์ พระราชโอรสองค์โต |
30 |
 |
ฮัซซานัล โบลเกียห์ |
5 ตุลาคม 1967 |
ยังครองราชย์ |
นับตั้งแต่บรูไนเป็นเอกราชจากสหราชอาณาจักรใน ค.ศ. 1984 พระองค์ดำรงตำแหน่งทั้งนายกรัฐมนตรีและสุลต่านบรูไนตั้งแต่ ค.ศ. 1967 ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่พระองค์ในโลกที่ปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ พระองค์ขึ้นครองราชย์หลังพระราชบิดาสละราชสมบัติใน ค.ศ. 1967 ตามการจัดอันดับบางส่วนจัดให้พระองค์เป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก พระองค์ยังเป็นประมุขแห่งรัฐที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดในประวัติศาสตร์และเป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์นานที่สุด มีการฉลองพิธีกาญจนาภิเษกในวันที่ 5 ตุลาคม ค.ศ. 2017 |