Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ภาษาอู๋[1] หรือ ภาษาง่อ[2] (ภาษาอู๋:ฮงิ่ว) เป็นภาษาหนึ่งในตระกูลภาษาจีน ผู้พูดส่วนใหญ่อยู่ในมณฑลเจียงซี นครเซี่ยงไฮ้ ทางใต้ของเจียงซู และบางส่วนในอันฮุย เจียงซีและ ฝูเจี้ยน มีผู้พูด 87 ล้านคน (เมื่อปี พ.ศ. 2534) โครงสร้างประโยคส่วนใหญ่เป็นแบบ ประธาน-กรรม-กริยา โดยมีโครงสร้างประโยคเช่นนี้มากกว่าภาษาจีนกลาง และภาษาจีนกวางตุ้ง ภาษาอู๋มีหลายสำเนียง โดยสำเนียงที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือสำเนียงเซี่ยงไฮ้หรือภาษาเซี่ยงไฮ้
ภาษาอู๋ | |
---|---|
吳/吴(ฮงิ่ว) | |
ประเทศที่มีการพูด | จีน |
ภูมิภาค | นครเซี่ยงไฮ้ พื้นที่ส่วนมากของมณฑลเจ้อเจียง ตอนใต้ของมณฑลเจียงซู ฯลฯ |
จำนวนผู้พูด | 77 ล้านคน (ไม่พบวันที่) |
ตระกูลภาษา | |
รหัสภาษา | |
ISO 639-1 | zh |
ISO 639-2 | chi (B) zho (T) |
ISO 639-3 | wuu |
จำนวนผู้พูดโดยเฉลี่ยของสำเนียงอู๋จะอ้างถึงสำเนียงของตนและเพิ่มชื่อถิ่นที่อยู่ของตนเข้าไป คำที่ใช้เรียกภาษาอู๋มีหลายคำดังนี้
ภาษาอู๋สมัยใหม่เป็นภาษาที่ใช้โดยชาวอู๋และชาวเยว่ที่มีศูนย์กลางอยู่ทางใต้ของเจียงซูและทางเหนือของเจ๋อเจียง คำในภาษาญี่ปุ่นที่หมายถึงภาษาจีน (呉音 goon?) การออกเสียงตัวคันจินี้มาจากบริเวณที่พูดภาษาอู๋ในปัจจุบัน
ภาษาอู๋สืบทอดมาจากภาษาจีนยุคกลาง ภาษาอู๋จัดเป็นสำเนียงที่แยกตัวออกในช่วงต้นๆและยังคงมีลักษณะของภาษาในยุคโบราณอยู่มาก แต่ก็ได้รับอิทธิพลจากภาษาจีนเหนือหรือแมนดารินระหว่างพัฒนาการ ซึ่งเป็นเพราะลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่ใกล้เคียงกับภาคเหนือ และในบริเวณนี้เป็นพื้นที่ที่ได้รับการศึกษาสูง ระหว่างการลุกฮือของ อู๋ ฮู และหายนภัยของหยงเจี๋ย ทำให้มีชาวจีนทางเหนือเข้ามาตั้งหลักแหล่งมาก ส่วนใหญ่มาจากเจียงซูและซานตง มีส่วนน้อยมาจากที่ราบภาคกลาง ทำให้เกิดภาษาอู๋สมัยใหม่ขึ้น ในช่วงเวลาระหว่างราชวงศ์หมิงและยุคสาธารณรัฐตอนต้นเป็นช่วงลักษณะของภาษาอู๋สมัยใหม่ได้ก่อตัวขึ้นมา สำเนียงซูโจวเป็นสำเนียงที่ได้รับอิทธิพลมากที่สุดและมักใช้อ้างอิงเป็นตัวอย่างของภาษาอู๋
ในช่วงหลังจากกบฏไท่ผิงจนสิ้นสุดราชวงศ์ชิง บริเวณที่พูดภาษาอู๋ถูกทำลายด้วยสงคราม เซี่ยงไฮ้เป็นบริเวณที่มีผู้อพยพจากส่วนอื่นๆที่ใช้ภาษาอู๋เข้ามามาก ทำให้มีผลต่อสำเนียงเซี่ยงไฮ้ เช่นมีการนำอิทธิพลของสำเนียงหนิงโปเข้ามา และจากการเพิ่มประชากรอย่างรวดเร็วทำให้กลายเป็นบริเวณที่เป็นศูนย์กลาง สำเนียงเซี่ยงไฮ้จึงมีความสำคัญมากกว่าสำเนียงซูโจว
หลังจากก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน มีการสนับสนุนให้ใช้ภาษาจีนกลางอย่างมากในบริเวณที่ใช้ภาษาอู๋ ภาษาอู๋ไม่มีการใช้ในสื่อต่างๆและโรงเรียน หน่วยงานทางราชการต้องใช้ภาษาจีนกลางด้วยอิทธิพลของผู้อพยพเข้าที่ไม่ได้ใช้ภาษาอู๋ การที่สื่อต่างๆใช้ภาษาจีนกลาง ทำให้เด็กที่เติบโตขึ้นมาคุ้นเคยกับภาษาจีนกลางมากกว่าภาษาอู๋ มีประชาชนจำนวนมากที่ต้องการอนุรักษ์ภาษานี้ มีรายการโทรทัศน์ที่ใช้ภาษาอู๋อีกครั้งแต่ก็ยังมีขอบเขตจำกัด
แบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลักคือภาษาอู๋เหนือและอู๋ใต้ ซึ่งเข้าใจกันได้เพียงบางส่วน ตามที่จำแนกโดย Yan (2006)[3] สำเนียงของภาษาอู๋มี 6 สำเนียงคือ
ภาษาอู๋เป็นสำเนียงที่ยังคงรักษาการออกเสียงก้อง เสียงเสียดแทรก จากภาษาจีนยุคกลางไว้ได้ และยังรักษาเสียงวรรณยุกต์แบบภาษาจีนยุคกลางไว้ได้อีกด้วย โดยสำเนียงเซี่ยงไฮ้มีเสียงวรรณยุกต์ลดลง
ระบบสรรพนามของภาษาอู๋มีความซับซ้อนเมื่อใช้เป็นสรรพนามแสดงบุคคลหรือตำแหน่ง สรรพนามบุรุษที่ 1 พหูพจน์แบ่งเป็นรวมผู้ฟังและไม่รวมผู้ฟัง สรรพนามแสดงตำแหน่งในภาษาอู๋มีถึง 6 ตำแหน่ง โดยมีตำแหน่งใกล้ 3 คำ ตำแหน่งไกล 3 คำ การเรียงประโยคในภาษาอู๋เป็นแบบประธาน-กริยา-กรรม เช่นเดียวกับภาษาจีนกลาง แต่ก็พบการเรียงประโยคแบบ ประธาน-กรรม-กริยา หรือ กรรม-ประธาน-กริยาอยู่บ้าง เสียงวรรณยุกต์มีความซับซ้อน ในบางครั้งการแยกกรรมตรงและกรรมรองออกจากกัน จะต่างเพียงการใช้เสียงก้องและเสียงไม่ก้องเท่านั้น
ภาษาอู๋ยังคงรักษาคำศัพท์โบราณจากภาษาจีนคลาสสิก ภาษาจีนยุคกลางและภาษาจีนโบราณได้เช่นเดียวกับสำเนียงของภาษาจีนทางใต้อื่นๆ ภาษาอู๋นิยมใช้คำศัพท์จากภาษาจีนโบราณ
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.