นาค

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

นาค

ตามคติหลายศาสนาในเอเชีย นาค (สันสกฤต: नाग Nāga) คืองูใหญ่มีหงอน[1] อาศัยในเมืองบาดาล ในทางประติมานวิทยามักแสดงในสามรูปแบบคือ มนุษย์ที่มีงูบนศีรษะ งู หรือครึ่งงูครึ่งมนุษย์[2] นาคเพศหญิงเรียกว่านาคี[3] นาคผู้เป็นหัวหน้าเรียกว่าพญานาค[4][5] ถือเป็นสัตว์ในนิยายที่มีบทบาทสำคัญในเรื่องปรัมปราในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ข้อมูลเบื้องต้น กลุ่ม, กลุ่มย่อย ...
นาค
नाग
Thumb
ภาพแกะสลักนาคที่ปัทมีคูหามนเทียร ศิลปะกรณาฏกะ
กลุ่มสัตว์ในนิยาย
กลุ่มย่อยเทพแห่งน้ำ, เทพแห่งความคุ้มครอง, เทพแห่งงู
สัตว์คล้ายคลึงมังกร (มีความสัมพันธ์กับมังกรจีน, มังกรญี่ปุ่น, มังกรเกาหลี, มังกรเวียดนาม, Druk มังกรภูฏาน, และ Bakunawa มังกรฟิลิปปินส์)
เทพปกรณัมประมวลเรื่องปรัมปราฮินดู ประมวลเรื่องปรัมปราพุทธ
ชื่ออื่นภุชงค์ ภุชคะ ภุชงคมะ
ภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ถิ่นที่อยู่บาดาล, แหล่งน้ำ, และถ้ำ
ปิด

ศัพทมูล

ในภาษาสันสกฤต คำว่า "นาค" (nāgá; नाग) หมายถึง งูเห่าสายพันธุ์งูเห่าอินเดีย (Naja naja) คำเหมือนกันกับนาค คือ ผณิน (फणिन्) โดยทั่วไปแล้วมีคำที่ความหมายเหมือน "นาค" อยู่หลายคำ หนึ่งในคำที่ใช้มากคือคำว่า sarpá (सर्प) ในบางครั้งคำว่านาคเองก็ถูกใช้ในความหมายทั่วไปว่าหมายถึง "งู"[6]

ศาสนาฮินดู

สรุป
มุมมอง
Thumb
ปตัญชลีในปางเศษะ

แต่ในความเชื่อของฮินดู นาคเป็นสิ่งมีชีวิตกึ่งเทพ (semidivine) ที่มีพลังอำนาจ วิเศษ ภูมิใจ และมหัศจรรย์ ด้วยสถานะความเป็นกึ่งเทพจึงอาจอนุมานรูปลักษณะทางกายภาพของนาคว่าเป็นมนุษย์, กึ่งมนุษย์กึ่งนาค หรือเป็นลักษณะนาคทั้งหมด นาคอาศัยอยู่ในโลกที่เรียกว่า "บาดาล" ซึ่งเต็มไปด้วยอัญมณี ทองคำ และสมบัติทางโลกอื่น ๆ นอกจากนี้นาคยังมีความเกี่ยวพันกับพื้นน้ำ เช่น แม่น้ำ ทะเลสาบ ทะเล หรือแม้แต่บ่อน้ำ และถือว่าเป็นผู้พิทักษ์สมบัติ[7] พลังอำนาจและพิษของนาคทำให้นาคเป็นไปได้ว่าจะเป็นอันตรายต่อมนุษย์ อย่างไรก็ตามนาคมักปรากฏอยู่ในฐานะตัวเองที่เป็นประโยชน์ในตำนานฮินดู เช่นในสมุทรมณฑล ซึ่งพญานาคนามว่าวาสุกีซึ่งประทับรอบพระศอของพระศิวะได้มาเป็นเชือกสำหรับการกวนน้ำในเกษียรสมุทร[8] ศัตรูตลอดกาลของพวกมันคือ ครุฑ[9]

พระวิษณุนั้นดั้งเดิมแล้วมีการสร้างรูปเคารพในรูปลักษณะที่ทรงมีพญานาคนามว่าเศษะประทับปกคลุม หรือประทับนอนบนพญานาคนามว่าเศษะ อย่างไรก็ตามประติมานวิทยานี้ได้ขยายออกไปตามเทพองค์อื่น ๆ ด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกับในพระคเณศซึ่งปรากฏนาคในหลายลักษณะ ทั้งประทับคล้องพระศอของพระคเณศ[10] ใช้เป็นด้ายศักดิ์สิทธิ์ (สันสกฤต: ยัชโญปวีตะ; yajñyopavīta),[11] ประทับคล้องพระวรกายของพระคเณศ หรือแแต่ในลักษณะเป็นบัลลังก์ให้พระคเณศประทับ[12] พระศิวะมักปรากฏในรูปเคารพพร้อมนาคในลักษณะคล้ายมาลัยเช่นกัน[13] Maehle (2006: p. 297) ระบุว่า "ปตัญชลีนั้นเชื่อกันว่าเป็นการประจักษ์ของความเป็นนิรันดร์"

ศาสนาพุทธ

Thumb
พระพุทธรูปปางนาคปรก พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

นาคในศาสนาพุทธ ตามที่ปรากฏในพระไตรปิฎกระบุว่า นาคแบ่งออกเป็น 4 จำพวก ได้แก่ จำพวกที่ 1 เกิดแล้วโตทันที จำพวกที่ 2 เกิดจากสิ่งหมักหมม จำพวกที่ 3 เกิดจากไข่ จำพวกที่ 4 เกิดจากครรภ์[14] นอกจากนี้ นาคที่เกิดบนบกสามารถเนรมิตตนเฉพาะบนบก ส่วนนาคที่เกิดในน้ำสามารถเนรมิตตนเฉพาะในน้ำ แต่ไม่สามารถเนรมิตตนได้ในขณะเกิด ลอกคราบ นอนหลับ สมสู่ และตาย[15] ในศาสนาพุทธเชื่อว่านาคอาศัยทั้งในน้ำ เช่นลำธาร แม่น้ำ ทะเล มหาสมุทร และบนบกเช่นในถ้ำ

นาคเป็นบริวารของท้าววิรูปักษ์ หนึ่งในโลกบาลผู้พิทักษ์ทิศตะวันตก นาคต่าง ๆ ทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์บนเขาพระสุเมรุ เพื่อปกป้องชั้นดาวดึงส์จากอสูร

หนึ่งในนาคที่เป็นที่รู้จักกันดีในศาสนาพุทธเป็นพญานาคที่ปรากฏในมุจจลินทสูตรว่า ระหว่างที่พระพุทธเจ้าเสวยวิมุตติสุข เกิดฝนฟ้าคะนองรุนแรง พญานาคจึงได้ขนดรอบพระพุทธองค์แล้วแผ่พังพานปรกพระเศียรของพระพุทธเจ้าเพื่อมิให้ทรงต้องฝน[16] หลังจากฝนหยุด พญานาคได้คลายขนดออกและแปลงกายเป็นชายหนุ่มยืนพนมมือถวายความเคารพอยู่เฉพาะพระพักตร์[17]

ความเชื่อท้องถิ่น

สรุป
มุมมอง

ประเทศศรีลังกา

ชาวนาค (Naga people) มีความเชื่อกันว่าเป็นชนเผ่าโบราณที่ครั้งหนึ่งเคยอาศัยอยู่ในประเทศศรีลังกา มีการอ้างถึงในคัมภีร์โบราณ เช่น มหาวงศ์, มณิเมกไล

ประเทศไทย

ในความเชื่อของวัฒนธรรมร่วมไทย-ลาว มีการนับถือนาคในลักษณะเป็นเทพแห่งน้ำ และมีความเชื่อว่าในแม่น้ำโขงนั้นมีนาคอาศัยอยู่ ตามตำนาน[โปรดขยายความ] สัตว์จำพวกงู, แมงป่อง, ตะขาบ, คางคก มีพิษจากพิษที่นาคได้คายทิ้งไว้[ต้องการอ้างอิง] ผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำโขงเชื่อว่า แม่น้ำโขงเกิดจากการแถตัวของพญานาค 2 ตัว จึงเกิดเป็นแม่น้ำโขงและแม่น้ำน่าน นอกจากนี้ยังรวมถึงบั้งไฟพญานาค โดยมีความเชื่อว่า เกิดจากการกระทำของพญานาค[18]

ในฐานะเทพแห่งน้ำ

Thumb
โขนเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ ซึ่งแกะสลักเป็นรูปนาคจำนวนมาก

นาคเป็นสัญลักษณ์ของน้ำ จึงปรากฏความเชื่อเรื่องนาคที่เกี่ยวกับน้ำไว้ในด้านต่าง ๆ ดังเช่น ในตำนานสิงหนวัติ กล่าวว่า เมื่อเจ้าเมืองสิงหนวัติอพยพคนมาจากทางเหนือ พญานาคนามว่า พันธุ แปลงกายเป็นพราหมณ์มาช่วยชี้ที่ตั้งเมืองใหม่ และขอให้อยู่ในทศพิธราชธรรม พอตกกลางคืนก็ขึ้นมาสร้างคูเมือง 4 ด้าน แล้วตั้งชื่อใหม่ว่า เมืองนาคพันธุสิงหนวัติ[19] นอกจากนี้ยังปรากฏความเชื่อเรื่องนาคในคำเสี่ยงทายปริมาณของน้ำและฝนที่จะตกในแต่ละปี เรียกว่า "นาคให้น้ำ" จำนวนนาคให้น้ำมีตั้งแต่ 1 ถึง 7 ตัว ถ้าปีไหนอุดมสมบูรณ์มีน้ำมากเรียกว่า "นาคให้น้ำ 1 ตัว" แต่หากปีไหนแห้งแล้งเรียกว่าปีนั้น "มีนาคให้น้ำ 7 ตัว" ด้วยความเชื่อว่านาคเกี่ยงกันให้น้ำ แต่ละตัวจึงกลืนน้ำไว้ในท้องไม่ยอมพ่นน้ำลงมา ซึ่งคำทำนายเรื่องนาคให้น้ำนี้ จะปรากฏเห็นได้ชัดที่สุดในประกาศสงกรานต์ของแต่ละปี[20]

ในงานศิลปะ

ในประติมากรรมไทยและลาว มักจะเห็นสัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับนาคได้เสมอ ในงาน จิตรกรรม ประติมากรรม และหัตถกรรม นาคเป็นส่วนประกอบที่สำคัญทางสถาปัตยกรรมของวัดและวัง ตามคตินิยมที่ว่า "นาคยิ่งใหญ่คู่ควรกับสถาบันอันสูงส่ง" เช่นที่พบในการสร้าง นาคสะดุ้ง ที่ทอดลำตัวยาวต่อจากแปหาญถึงหางหงส์, นาคลำยอง ซึ่งเป็นป้านลมหลังคาโบสถ์ ที่ต่อเชื่อมกับนาคสะดุ้ง, นาคเบือน, นาคลำยอง และนาคทันต์ หรือคันทวยรูปนาค และแม้แต่ในโขนเรือของเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ ในขบวนเรือกระบวนพยุหยาตราชลมารค นอกจากนี้ในประเทศไทยมีการนำความเชื่อเรื่องการเกิดพระธันวันตริ เทพเจ้าแห่งการแพทย์ในคติฮินดู และน้ำอมฤต จากการกวนเกษียรสมุทร มาเกี่ยวพันกับสัญลักษณ์ของการแพทย์ในประเทศไทย โดยได้นำลักษณะของนาคมาประกอบโดยเชื่อมโยงกับตำนานดังกล่าวมาประยุกต์ใช้แทนงูในสัญลักษณ์การแพทย์สากลคทาแอสคลีเพียส และคทางูไขว้ที่มักถูกใช้สลับกัน ดังที่พบในตราประจำสภาการแพทย์แผนไทย[21], สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์แห่งประเทศไทย และในตราเดิมของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ[22] เป็นต้น

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.