Loading AI tools
เจ้าหญิงกัมพูชา จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สมเด็จพระศรีวรวงษ์ราชธิดา บรมบพิตร หรือ สมเด็จพระศรีวรราชธิดา[1] พระนามเดิม นักองค์อี เป็นพระราชธิดาในพระนารายน์ราชารามาธิบดี หรือนักองค์ตน ประสูติแต่นักนางแป้น หรือแม้น ต่อมาได้ถวายตัวเข้ารับราชการเป็นบาทบริจาริกาในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท
สมเด็จพระศรีวรราชธิดา | |
---|---|
บาทบริจาริกาวังหน้า | |
ประสูติ | พ.ศ. 2310 |
สิ้นพระชนม์ | ไม่ปรากฏ |
คู่อภิเษก | สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท |
พระราชบุตร | พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากำพุชฉัตร พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวงศ์มาลา |
ราชวงศ์ | ตรอซ็อกผแอม (ประสูติ) จักรี (เสกสมรส) |
พระบิดา | พระนารายน์ราชารามาธิบดี |
พระมารดา | นักนางแม้น |
ศาสนา | พุทธ |
นักองค์อี ประสูติเมื่อ พ.ศ. 2310 เป็นพระราชธิดาในพระนารายน์ราชารามาธิบดี หรือนักองค์ตน ประสูติแต่นักนางแป้น หรือแม้น น้องสาวออกญาบวรนายก (ซู)[2] นักองค์อีมีพระเชษฐภคินีพระองค์หนึ่งคือ นักองค์เม็ญ (หรือเมน) ประสูติแต่สมเด็จพระภัควดี พระเอกกระษัตรี (พระนามเดิม นักนางบุบผาวดี) ส่วนพระขนิษฐภคินีคือ นักองค์เภา ประสูติแต่สมเด็จพระภัควดี พระศรีสุชาดา (พระนามเดิม นักนางอี)[3] และพระอนุชาคือ นักองค์เอง ประสูติแต่นักนางไชย[4]
หลังพระนารายน์ราชาธิบดีสวรรคตเมื่อ พ.ศ. 2320 เจ้าฟ้าทะละหะ (มู) และออกญากระลาโหม (โสร์) ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์กรุงกัมพูชา ประกาศถวายพระนามแก่พระราชธิดาของพระเจ้าอยู่ในพระบรมโกศสองพระองค์ คือ นักองค์เม็ญ พระพี่นางพระองค์ใหญ่ ถวายพระนามเป็นสมเด็จพระมหากระษัตรี และนักองค์อี พระพี่นางพระองค์รอง ถวายพระนามเป็นสมเด็จพระศรีวรวงษ์ราชธิดา บรมบพิตร ใน พ.ศ. 2323[5]
ใน พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 ระบุว่า พ.ศ. 2325 พระยายมราช (แบน) และพระยากลาโหม (ปก) พาเจ้านายเขมรและเขมรเข้ารีตประมาณ 500 คน เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เจ้านายเขมรที่เสด็จลี้ภัยในคราวนั้น ได้แก่ นักองค์อี นักองค์เภา และนักองค์เอง ไปประทับอยู่วังเจ้าเขมรที่ตำบลคอกกระบือ[1] แต่นักองค์เม็ญป่วย ถึงแก่พิราลัยเสีย สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทกราบทูลขอนักองค์อีและนักองค์เภาไปเป็นพระสนมเอกในวังหน้าสองพระองค์ ส่วนนักองค์เอง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงชุบเลี้ยงเป็นพระราชโอรสบุญธรรม[6] สอดคล้องกับ ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา ระบุว่า สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท พระราชอนุชาในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงรับนักองค์เม็ญ นักองค์อี และนักองค์เภาไปเลี้ยงเป็นพระอรรคชายาเมื่อ พ.ศ. 2325[7] แต่ในเอกสารไทยว่านักองค์เม็ญสิ้นพระชนม์ไปเสียก่อนในกรุงเทพมหานคร คงเหลือเพียงนักองค์อีและนักองค์เภาที่รับไปเลี้ยงเป็นพระสนมเอกในกรุงสยาม[8] ส่วนนักนางแม้นที่เข้ามาในกรุงเทพมหานครด้วยกันนั้นก็ได้บวชเป็นชีที่วัดหลวงชี (ต่อมาคือ วัดบวรสถานสุทธาวาส)[9]
เจ้าจอมมารดานักองค์อีมีพระประสูติการพระธิดาสองพระองค์คือ
ต่อมาเกิดวิกฤตการณ์วังหลวงกับวังหน้า ที่ไพร่พลเขมรลากปืนขึ้นป้อมวังหลวงจนเกิดความกินแหนงกันจนเกือบเกิดสงครามกัน สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาททรงส่งให้เจ้าจอมมารดานักองค์อีที่เป็นเจ้านายเขมรเข้าไปสืบความจริง จึงพบว่าเป็นการลากปืนเพื่อใช้ในพระราชพิธีตรุษเท่านั้น[10] พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงกริ้ววังหน้า จึงมีรับสั่งให้ชำระความ "คหบดีกรุงธิปัต" คือพระยาเขมรคนหนึ่งซึ่งเคยเป็นขุนนางของพระอัยกานักองค์อี แต่ปรากฏว่าขุนนางคนนี้กล่าวปด โดยเบิกความว่าเจ้าจอมมารดานักองค์อีเป็นผู้ยุยงกรมพระราชวังบวรสถานมงคลให้กระทำการกระด้างกระเดื่องต่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึงสั่งจองจำนักองค์อีและบ่าวไพร่ทั้ง ๆ ที่ไม่มีความผิด พร้อมระวางโทษประหาร แต่ภายหลังพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชให้สืบความใหม่ ด้วยการไต่สวนหม่อมวันทา นางสนองพระโอษฐ์ในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ดังปรากฏใน นิพานวังน่า พระนิพนธ์ของพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากำพุชฉัตร ซึ่งระบุถึงเหตุการณ์กบฏครั้งนี้ไว้ ความว่า[11]
ให้สืบถามวันทาสุดาเดียว | ไฉนเจียวยุเย้าให้เราแคลง | |
ฝ่ายจอมฉลองโอษฐ์พระบิตุเรศ | สดับเหตุให้การไม่เคลือบแฝง |
ว่าคงตายขอถวายสัตย์แสดง | จึงแจ้งจริงให้สมคำไม่อำพราง | |
หลังพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้สดับความจริงครบถ้วนทุกประการ ก็มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เจ้าจอมมารดานักองค์อีและบ่าวไพร่พ้นผิด พร้อมกับพระราชทานเบี้ยหวัดให้เป็นการชดเชย[12]
ครั้น พ.ศ. 2350 สมเด็จพระอุไทยราชาธิราชรามาธิบดี ตรัสใช้พระองค์แก้ว (ด้วง) และออกญาจักรี (แกบ) นำเครื่องราชบรรณาการไปถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชที่กรุงเทพมหานคร เพื่อขอรับสมเด็จพระปิตุจฉาคือนักองค์อีและนักองค์เภาที่ประทับอยู่กรุงสยามกลับคืนกรุงกัมพูชา เอกสารไทยระบุว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชไม่โปรดพระราชทาน เพราะ "มีพระองค์เจ้าอยู่ จะให้ออกไปมิได้มารดากับบุตรจะพลัดกัน"[1][13][14] ขณะที่เอกสารเขมรระบุว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าพระราชทานให้ นักองค์เม็ญ นักองค์เภา และพระภัควดีพระเอกกระษัตรีกลับคืนเมืองเขมร เว้นแต่นักองค์อีที่คงให้อยู่กรุงเทพมหานครทั้งมารดาและพระราชบุตร[15]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.