ขนมตาล

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ขนมตาล

ขนมตาล เป็นขนมไทยดั้งเดิม เนื้อขนมมีลักษณะเป็นแป้งสีเหลืองเข้ม นุ่ม ฟู มีกลิ่นตาลหอมหวาน ขนมตาลทำจากเนื้อตาลจากผลตาลที่สุกงอม แป้งข้าวเจ้า กะทิ และน้ำตาล ผสมกันตามกรรมวิธี ใส่กระทงใบตอง โรยมะพร้าวขูด และนำไปนึ่งจนสุก เนื้อลูกตาลยีที่เป็นส่วนผสมในการทำขนมตาล ได้จากการนำผลตาลที่สุกจนเหลืองดำ เนื้อข้างในมีสีเหลือง มีกลิ่นแรง ซึ่งส่วนมากจะหล่นจากต้นเอง มาปอกเปลือกออก นำมายีกับน้ำสะอาดให้หมดสีเหลือง นำน้ำที่ยีแล้วใส่ถุงผ้า ผูกไว้ให้น้ำตกเหลือแต่เนื้อลูกตาล

ข้อมูลเบื้องต้น ประเภท, แหล่งกำเนิด ...
ขนมตาล
Thumb
ขนมตาลโรยมะพร้าวทึนทึกขูดฝอยห่อด้วยใบตาล
ประเภทของว่าง
แหล่งกำเนิดประเทศไทย
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ผู้สร้างสรรค์คนไทย
ส่วนผสมหลักเนื้อลูกตาลยี, แป้งข้าวเจ้า, น้ำตาลทราย, กะทิ
พลังงาน
(ต่อ 3 ชิ้น[1] หน่วยบริโภค)
94.95 กิโลแคลอรี (398 กิโลจูล)
โปรตีน0.95 กรัม
ไขมัน0.41 กรัม
คาร์โบไฮเดรต21.78 กรัม
ปิด

ศัพทมูลวิทยา

ในภาษาไทย คำว่า ตาล เป็นคำยืมมาจากภาษาบาลีว่า ตาล ภาษาสันสกฤตว่า ตาละ (สันสกฤต: ताल, อักษรโรมัน: tāla, แปลตรงตัว'ต้นตาล') ร่วมสายกับภาษาไทยถิ่นเหนือ ไทใหญ่ว่า ต๋าน (tan, htan*) (อักษรธรรมล้านนา: ᨲᩣ᩠)[3]

สมัยโบราณเรียกต้นตาลว่า ต้นโหนด หรือ โตนด[4] คำว่า โตนด มีรากศัพท์จากคำเขมรว่า โตฺนต[5] (เขมร: ត្នោត, อักษรโรมัน: thnot, แปลตรงตัว'ต้นตาล')[6] พบในจารึก K.481A บรรทัดที่ 9 อายุ ค.ศ. 1750 สมัยเมืองพระนคร

ประวัติ

สรุป
มุมมอง

ขนมตาลเป็นขนมไทยขึ้นชื่อของเมืองเพชรบุรี (ขนมเมืองเพชร) มีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยถึงสมัยอยุธยาตอนต้น

หลักฐานเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากต้นตาลที่เก่าแก่ที่สุด คือ ตราประทับดินเผารูปคนปีนต้นตาล สมัยทวารวดี พบที่เมืองโบราณจันเสน จังหวัดนครสวรรค์ แสดงถึงการใช้ประโยชน์จากต้นตาลของผู้คนในดินแดนสุวรรณภูมิมาเนิ่นนานก่อนหน้านี้[7]

สมัยสุโขทัย พ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงปลูกต้นตาลไว้กลางเมืองสุโขทัยตามโบราณราชประเพณีของพระมหากษัตริย์เมื่อทรงขึ้นครองราชย์[8]:93:เชิงอรรถที่ ๑๓๙ เมื่อปีมะโรง ศกที่ ๑๒๑๔ (พ.ศ. 1821) ขณะมีพระชนมายุ 14 พรรษา

จารึกพ่อขุนรามคำแหง หลักที่ 1 ด้านที่ 3 บรรทัดที่ 10–13 (คำปริวรรต) ว่า:-

๑๒๑๔ ศกปีมะโรง พ่อขุนรามคำแหง เจ้าเมืองศรีสัชนาลัยสุโขทัยนี้ปลูกไม้ตาลได้สิบสี่เข้า จึงให้ช่างฟันขะดานหินตั้งหว่างกลางไม้ตาลนี้[9][10]

สมัยอยุธยา เรื่องราวขนมตาล พบใน คำสวดสุบินกุมาร ตำนานของจังหวัดเพชรบุรี[11] ว่า เมื่อ พ.ศ. 2134 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถเสด็จประทับแรมทรงเบ็ด[12] ณ พระตำหนักโตนดหลวง (บ้านโตนดหลวง) เมืองพริบพรี (Pijprij) (คือเมืองเพชรบุรี) ทรงประพันธ์บทกวีว่า:-

๏ โตนดเต้าแลจาวตาล เป็นเครื่องหวานเพชรบุรี
กินกับน้ำตาลยี ของมากมีมาช่วยกัน[13]
คำสวดสุบินกุมาร

ในกรุงศรีอยุธยายังพบชื่อย่านหนึ่งว่า บ้านขนมตาล กล่าวถึงย่านแต่ละย่านในกรุงศรีอยุธยาว่ามีชาวบ้านจากหัวเมืองต่างๆ นำเรือบรรทุกสินค้ามาขายกันมากมายนับหมื่นลำ ขายข้าวของหลายชนิดและขนมชนิดต่าง ๆ[14] ปรากฎใน คําให้การขุนหลวงหาวัด ว่า:-

บ้านขนมตาลชาวบ้านนั้นรับเรือเถาเรือพ่วงไว้ขาย[15]

ขนมตาลจัดเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทยเนื่องจากใช้ทะลายตาล (ลูกตาล) ซึ่งพบในพื้นที่ของประเทศไทยตั้งแต่สมัยโบราณ โดยมีการค้นพบบันทึกเกี่ยวกับตาลโตนดตั้งแต่ยุคทวารวดี เป็นส่วนผสมหลักของขนมตาล และไม่มีส่วนผสมของไข่ นับเป็นขนมไทยแท้ดั้งเดิมแตกต่างจากขนมไทยชนิดอื่นที่ได้รับอิทธิพลมาจากตะวันตก[16]

ปัจจุบันขนมตาลรสชาติดีหารับประทานได้ยากเนื่องจากจำนวนต้นตาลลดลง ขนมตาลที่ขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่ ผู้ประกอบการมักใส่เนื้อตาลน้อย เพิ่มแป้งและเจือสีเหลืองแทน ซึ่งทำให้ขนมตาลมีเนื้อกระด้าง ไม่หอมหวาน และไม่อร่อย

ประเภทของขนมตาล

ขนมตาลโบราณ

ขนมตาลโบราณ (ปุ หรือ ตะโหนดเต้า) เป็นขนมตาลดั้งเดิมของไทย ขนมตาลที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเพชรบุรี คือ ขนมตาลชุมชนถ้ำรงค์ ชุมชนนางสายัน และชุมชนกระทุ่มแก้ว จากแหล่งปลูกตาลอำเภอบ้านลาด เป็นขนมตาลรสชาติดั้งเดิมทำจากเนื้อตาลสุก มีลักษณะเนื้อนุ่ม เด้ง หนุบหนับ มีกลิ่นตาลหอมฟุ้งเตะจมูกคล้ายกลิ่นเหล้าหมักที่เป็นเอกลักษณ์และใช้ใบตาลห่อเป็นภาชนะ เป็นขนมตาลที่อร่อยที่สุด[17]:23,28

ขนมตาลราดกะทิ

ขนมตาลราดกะทิ หรือ หนมอาโก คทิ (Nom Akor Ktis) เป็นขนมตาลพื้นบ้านพบทั่วไปในประเทศกัมพูชา เป็นขนมตาลไทยที่ชาวเขมรนำไปราดกะทิให้มีเนื้อนุ่มและมีรสเค็มนิดๆ[18]

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.