สหรัฐ
ประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ / From Wikipedia, the free encyclopedia
สหรัฐอเมริกา (อังกฤษ: United States of America; ย่อเป็น: U.S.A. หรือ USA) โดยทั่วไปเรียก สหรัฐ (United States; ย่อเป็น: U.S. หรือ US) หรือ อเมริกา (America) เป็นสหพันธ์สาธารณรัฐซึ่งตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ ประกอบด้วยรัฐ 50 รัฐ เขตปกครองกลาง 1 เขต ดินแดนปกครองตนเองสำคัญ 5 ดินแดน รวมทั้งเขตสงวนอินเดียน 326 เขต และเกาะเล็กรอบนอกประเทศอีก 11 เกาะ[lower-alpha 10] สหรัฐมีพรมแดนทางทิศเหนือติดประเทศแคนาดา และทางทิศใต้ติดประเทศเม็กซิโก และยังมีพรมแดนทางทะเลติดประเทศหลายประเทศ การที่มีพื้นที่กว่า 9.8 ล้านตารางกิโลเมตร และประชากรราว 334 ล้านคน ทำให้สหรัฐมีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก[lower-alpha 11] และมีประชากรมากเป็นอันดับที่ 3 ของโลก รวมทั้งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในทวีปอเมริกา เมืองหลวงของประเทศคือกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และนครใหญ่ที่สุดคือนิวยอร์กซึ่งเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศ การปกครองส่วนกลางของสหรัฐเป็นแบบสาธารณรัฐภายใต้รัฐธรรมนูญโดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุข และแบบประชาธิปไตยเสรีนิยม โดยแบ่งการปกครองเป็น 3 ฝ่ายแยกกัน คือ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ มีการให้อำนาจปกครองตนเองแก่รัฐต่าง ๆ ยกเว้นแต่ดินแดนทั้งหลาย และเขตปกครองเหล่านี้ได้รับการรับประกันว่าจะมีการปกครองแบบสาธารณรัฐ
สหรัฐอเมริกา | |
---|---|
แสดงสหรัฐและดินแดนของตน | |
เมืองหลวง | วอชิงตัน ดี.ซี. 38°53′N 77°01′W |
เมืองใหญ่สุด | นครนิวยอร์ก 40°43′N 74°00′W |
ภาษาราชการ | ไม่มีในระดับสหพันธรัฐ[lower-alpha 1] |
ภาษาประจำชาติ | อังกฤษ (โดยพฤตินัย) |
กลุ่มชาติพันธุ์ |
มิใช่ฮิสแปนิก หรือ ละติโน:[lower-alpha 2]
ฮิสแปนิก หรือ ละติโน:
|
ศาสนา (ค.ศ. 2020)[9] |
|
เดมะนิม | ชาวอเมริกัน[lower-alpha 3][10] |
การปกครอง | สหพันธ์สาธารณรัฐรัฐธรรมนูญ ระบบประธานาธิบดี |
โจ ไบเดิน (เดโมแครต) | |
กมลา แฮร์ริส (เดโมแครต) | |
ไมก์ จอห์นสัน (ริพับลิกัน ) | |
จอห์น รอเบิตส์ | |
สภานิติบัญญัติ | รัฐสภา |
• สภาสูง | วุฒิสภา |
• สภาล่าง | สภาผู้แทนราษฎร |
เป็นเอกราช จากบริเตนใหญ่ | |
• ประกาศ | 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1776 |
• สมาพันธรัฐ | 1 มีนาคม ค.ศ. 1781 |
3 กันยายน ค.ศ. 1783 | |
21 มิถุนายน ค.ศ. 1788 | |
• องค์การการเมืองเข้าล่าสุด | 21 สิงหาคม ค.ศ. 1959 |
พื้นที่ | |
• พื้นที่รวม | 9,833,520 ตารางกิโลเมตร (3,796,740 ตารางไมล์)[lower-alpha 4][13] (อันดับที่ 3/4) |
4.66[14] | |
• พื้นที่ดินรวม | 3,531,905 ตารางไมล์ (9,147,590 ตารางกิโลเมตร) |
ประชากร | |
• ค.ศ. 2021 ประมาณ | 331,893,745[lower-alpha 5][15] |
• สำมะโนประชากร ค.ศ. 2020 | 331,449,281[lower-alpha 6][16] (อันดับที่ 3) |
87 ต่อตารางไมล์ (33.6 ต่อตารางกิโลเมตร) (อันดับที่ 185) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | ค.ศ. 2022 (ประมาณ) |
• รวม | 25.03 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ[17] (อันดับที่ 2) |
• ต่อหัว | 75,179 ดอลลาร์สหรัฐ[17] (อันดับที่ 8) |
จีดีพี (ราคาตลาด) | ค.ศ. 2022 (ประมาณ) |
• รวม | 25.03 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ[17] (อันดับที่ 1) |
• ต่อหัว | 75,179 ดอลลาร์สหรัฐ[17] (อันดับที่ 8) |
จีนี (ค.ศ. 2020) | 46.9[18] สูง |
เอชดีไอ (ค.ศ. 2021) | 0.921[19] สูงมาก · อันดับที่ 21 |
สกุลเงิน | ดอลลาร์สหรัฐ ($) (USD) |
เขตเวลา | UTC−4 ถึง −12, +10, +11 |
UTC−4 ถึง −10[lower-alpha 7] | |
รูปแบบวันที่ | ดด/วว/ปปปป[lower-alpha 8] |
ไฟบ้าน | 110–120 โวลต์, 60 เฮิร์ซ[20] |
ขับรถด้าน | ขวา[lower-alpha 9] |
รหัสโทรศัพท์ | +1 |
รหัส ISO 3166 | US |
เว็บไซต์ usa |
อินเดียนดึกดำบรรพ์จากอียิปต์ย้ายถิ่นมาแผ่นดินใหญ่ทวีปอเมริกาเหนือเมื่อ 15,000 ปีก่อน การยึดเป็นอาณานิคมของยุโรปเริ่มในคริสต์ศตวรรษที่ 16 สหรัฐกำเนิดจากสิบสามอาณานิคมของบริเตนตามชายฝั่งตะวันออก ข้อพิพาทหลายครั้งระหว่างบริเตนใหญ่และอาณานิคมหลังสงครามเจ็ดปีนำสู่การปฏิวัติอเมริกาซึ่งเริ่มใน ค.ศ. 1775 เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 1776 ผู้แทนจาก 13 อาณาเขตลงมติรับคำประกาศอิสรภาพเป็นเอกฉันท์ ขณะที่อาณานิคมกำลังต่อสู้กับบริเตนใหญ่ในสงครามปฏิวัติอเมริกา สงครามยุติใน ค.ศ. 1783 โดยราชอาณาจักรบริเตนใหญ่รับรองเอกราชของสหรัฐ และเป็นสงครามประกาศอิสรภาพต่อจักรวรรดิอาณานิคมยุโรปที่ประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกด้วย[26][27][28] มีการลงมติรับรัฐธรรมนูญของประเทศใน ค.ศ. 1788 หลังบทบัญญัติสมาพันธรัฐ (Articles of Confederation) ซึ่งมีการลงมติรับในปี 1781 รู้สึกว่าให้อำนาจแก่สหพันธรัฐไม่เพียงพอ ใน ค.ศ. 1791 มีการให้สัตยาบันการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสิบครั้งแรก ซึ่งเรียกรวมว่า รัฐบัญญัติสิทธิ ซึ่งออกแบบมาเพื่อประกันเสรีภาพพลเมืองพื้นฐานหลายข้อ
สหรัฐเริ่มขยายดินแดนอย่างแข็งขันทั่วทวีปอเมริกาเหนือตลอดคริสต์ศตวรรษที่ 19 ขับไล่เผ่าอเมริกันพื้นเมือง ซื้อดินแดนใหม่ และค่อย ๆ รับรัฐใหม่จนขยายทั่วทวีปใน ค.ศ. 1848[29] ระหว่างครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 19 สงครามกลางเมืองอเมริกานำให้ยุติความเป็นทาสตามกฎหมายในประเทศ[30][31] เมื่อถึงสิ้นศตวรรษนั้น สหรัฐขยายเข้ามหาสมุทรแปซิฟิก[32] และเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่เริ่มเติบโตอย่างรวดเร็ว[33] และกลายเป็นชาติที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกใน ค.ศ. 1900 สงครามสเปน–อเมริกาและสงครามโลกครั้งที่หนึ่งยืนยันสถานภาพมหาอำนาจทางทหารโลกของสหรัฐ การโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์โดยจักรวรรดิญี่ปุ่นนำสหรัฐเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สองร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร ภายหลังสงครามยุติ สหรัฐและสหภาพโซเวียตได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นสองอภิมหาอำนาจโลกนำไปสู่ช่วงเวลาแห่งความขัดแย้ง เป็นผลให้เกิดสงครามเย็นซึ่งกินเวลาหลายทศวรรษ ทว่าไม่มีการสู้รบกันโดยตรง ทั้งสองชาติยังมีส่วนร่วมในการแข่งขันอวกาศนำไปสู่ต้นกำเนิดของอะพอลโล 11ของสหรัฐซึ่งนำมนุษย์เดินทางสู่ดวงจันทร์เป็นครั้งแรก ขบวนการเรียกร้องสิทธิพลเมืองซึ่งเริ่มต้นในทศวรรษ 1950 นำไปสู่การออกกฎหมายเพื่อล้มล้างกฎหมายของรัฐ รวมถึงขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติต่อชาวแอฟริกัน-อเมริกัน การสิ้นสุดลงของสงครามเย็นและการล่มสลายของสหภาพโซเวียตใน ค.ศ. 1991 ส่งผลให้สหรัฐกลายเป็นอภิมหาอำนาจเดี่ยวของโลก[34] เหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน นำประเทศเข้าสู่สงครามต่อต้านการก่อการร้ายซึ่งรวมถึงสงครามอัฟกานิสถานและสงครามอิรัก
สหรัฐเป็นหนึ่งในประเทศที่พัฒนามากที่สุดในโลก มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกตามอัตราจีดีพี โดยมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงที่สุดในบรรดารัฐที่มิใช่จุลรัฐ และมีความมั่งคั่งสูงที่สุดในโลก เศรษฐกิจของประเทศคิดเป็นอัตราส่วนสูงถึงหนึ่งในสี่ของจีดีพีโลก สหรัฐได้รับการจัดอันดับสูงสุดในด้านดัชนีการพัฒนามนุษย์, คุณภาพชีวิต, รายได้, การศึกษา, อุตสาหกรรมการผลิต และสิทธิมนุษยชน สหรัฐเป็นประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดของโลก และผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับสองของโลก และเป็นผู้นำโลกทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, ปัญญาประดิษฐ์, การแพทย์, การสำรวจอวกาศ และการบันเทิง[35] และยังเป็นมหาอำนาจทางอาวุธนิวเคลียร์และการทหารแนวหน้าของโลก โดยมีค่าใช้จ่ายทางการทหารมากถึงหนึ่งในสามของโลก[36] สหรัฐเป็นผู้ก่อตั้งสหประชาชาติ, ธนาคารโลก, กองทุนการเงินระหว่างประเทศ, องค์การนานารัฐอเมริกา, เนโท, องค์การอนามัยโลก รวมทั้งเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ สหรัฐมีการทุจริตต่ำแต่มีอัตราการถูกจับสูงที่สุดในโลก สหรัฐเป็นประเทศวัฒนธรรมที่โดดเด่น และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้อพยพพลัดถิ่นเข้ามามากที่สุดในโลก[37][38]