Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ชิมแปนซี (อังกฤษ: chimpanzee; ชื่อวิทยาศาสตร์: Pan troglodytes) เป็นลิงไม่มีหางที่มีความใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุด
ชิมแปนซี ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: 4–0Ma [1] | |
---|---|
ชิมแปนซีตะวันออกในอุทยานแห่งชาติคิบาเล ประเทศยูกันดา | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
โดเมน: | ยูแคริโอต Eukaryota |
อาณาจักร: | สัตว์ Animalia |
ไฟลัม: | สัตว์มีแกนสันหลัง Chordata |
ชั้น: | สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม Mammalia |
อันดับ: | อันดับวานร Primates |
อันดับย่อย: | Haplorhini Haplorhini |
อันดับฐาน: | Simiiformes Simiiformes |
วงศ์: | ลิงใหญ่ Hominidae |
วงศ์ย่อย: | โฮมินินี Homininae |
สกุล: | Pan Pan (Blumenbach, 1775) |
สปีชีส์: | Pan troglodytes |
ชื่อทวินาม | |
Pan troglodytes (Blumenbach, 1775) | |
Subspecies | |
| |
แผนที่แสดงการกระจายพันธุ์ของชนิดย่อยต่าง ๆ
Pan troglodytes verus
P. t. ellioti
P. t. troglodytes
P. t. schweinfurthii | |
ชื่อพ้อง | |
|
คำว่า chimpanzee ในภาษาอังกฤษได้รับการบันทึกครั้งแรกใน ค.ศ. 1738[4] มีที่มาจากภาษาวีลีว่า ci-mpenze[5] หรือในภาษา Tshiluba ว่า chimpenze โดยมีความหมายว่า "เอป"[6] หรือ "mockman"[7] ภาษาปาก "chimp" น่าจะประดิษฐ์ขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษ 1870[8] ชื่อสกุล Pan มาจากเทพเจ้ากรีก ส่วนชื่อเฉพาะ troglodytes มาจาก Troglodytae เผ่าพันธุ์ในตำนานที่อาศัยอยู่ในถ้ำ[9][10]
เอปแรกสุดที่วิทยาศาสตร์ตะวันตกรู้จักในคริสตศตวรรษที่ 17 คือ "อุรังอุตัง" (สกุล Pongo) ชื่อภาษามลายูท้องถิ่นบันทึกในเกาะชวาโดย Jacobus Bontius แพทย์ชาวดัตช์ จากนั้นใน ค.ศ. 1641 Nicolaes Tulp นักกายวิภาคชาวดัตช์ ใช้ชื่อนี้กับชิมแปนซีหรือโบโนโบจากแองโกลาที่นำเข้าเนเธอร์แลนด์[11] Peter Camper นักกายวิภาคชาวดัตช์อีกคน ผ่าตัวอย่างชนิดจากแอฟริกากลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในคริสต์ทศวรรษ 1770 โดยสังเกตความแตกต่างระหว่างเอปแอฟริกันกับเอเชีย Johann Friedrich Blumenbach นักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมัน จัดให้ชิมแปนซีเป็น Simia troglodytes ใน ค.ศ. 1775 Lorenz Oken นักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมันอีกคน บัญญัติชื่อสกุล Pan ใน ค.ศ. 1816 โบโนโบถูดจัดให้เป็นสายเฉพาะจากชิมแปนซีใน ค.ศ. 1933[9][10][12]
แม้มีการจัดเก็บรวมฟอสซิล Homo จำนวนมาก ฟอสซิลของ Pan ยังไม่ได้รับการระบุจนกระทั่ง ค.ศ. 2005 ประชากรชิมแปนซีที่มีอยู่ในแอฟริกาตะวันตกและกลางไม่ทับซ้อนกับพื้นที่ฟอสซิลมนุษย์หลักในแอฟริกาตะวันออก แต่มีรายงานฟอสซิลชิมแปนซีจากเคนยา สิ่งนี้ระบุุว่าทั้งมนุษย์และสมาชิกเคลด Pan ปรากฏในหุบเขาทรุดแอฟริกาตะวันออกในช่วงอายุไพลสโตซีนกลาง[13]
ตามการศึกษาวิจัยที่ตีพิมพ์ใน ค.ศ. 2017 โดยนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน โบโนโบกับชิมแปนซีแยกจากสายมนุษย์เมื่อประมาณ 8 ล้านปีก่อน จากนั้นโบโนโบจึงแยกจากสายชิมแปนซีสามัญเมื่อประมาณ 2 ล้านปีก่อน[14][15] การศึกษาทางพันธุกรรมอีกชิ้นใน ค.ศ. 2017 แสดงให้เห็นถึงการถ่ายเทยีน (introgression) จากโบโนโบไปยังบรรพบุรุษของชิมแปนซีกลางและตะวันออกเมื่อระหว่าง 200,000 ถึง 550,000 ปีก่อน[16]
มีชิมแปนซีีชนิดย่อย 4 ชนิดที่ได้รับการรับรอง[17][18] โดยอาจมีชนิดย่อยที่ 5 ที่เป็นไปได้:[16][19]
ร่างจีโนมชิมแปนซีได้รับการตีพิมพ์ใน ค.ศ. 2005 และเข้ารหัสโปรตีน 18,759 ตัว[26][27] (เทียบกับโปรติโอมในมนุษย์ 20,383 ตัว)[28] ลำดับดีเอ็นเอของมนุษย์และชิมแปนซีมีความคล้ายคลึงกันมาก และความแตกต่างของจำนวนโปรตีนส่วนใหญ่เกิดจากลำดับที่ไม่สมบูรณ์ในจีโนมชิมแปนซี ทั้งสองสายพันธุ์มีความแตกต่างกันในด้านการเปลี่ยนแปลงนิวคลีโอไทด์เดี่ยวประมาณ 35 ล้านตัว เหตุการณ์การแทรก/ลบ 5 ล้านครั้ง และการจัดเรียงโครโมโซมที่แตกต่างกันหลายครั้ง[29] โปรตีนที่เหมือนกันของมนุษย์และชิมแปนซีโดยทั่วไปมีความแตกต่างกันเพียงกรดอะมิโน 2 ตัวเท่านั้น โปรตีนของมนุษย์ทั้งหมดประมาณร้อยละ 30 มีลำดับที่เหมือนกันกับโปรตีนของชิมแปนซี ส่วนเล็ก ๆ ของโครโมโซมที่เพิ่มขึ้น (duplication) เป็นแหล่งความแตกต่างหลักระหว่างสารทางพันธุกรรมของมนุษย์กับของชิมแปนซี อธิบายคือจีโนมปัจจุบันประมาณ 2.7% ของมนุษย์กับของชิมแปนซีต่างกัน โดยเกิดจากยีนที่เพิ่มขึ้น (duplication) หรือที่หลุดหาย (deletion) นับตั้งแต่มนุษย์และชิมแปนซีแยกตัวออกจากบรรพบุรุษร่วมกัน[26][29]
ชิมแปนซีวัยผู้ใหญ่มีความสูงขณะยืนเฉลี่ย 150 ซm (4 ft 11 in)[30] โดยชิมแปนซีวัยผู้ใหญ่ในป่ามีน้ำหนักประมาณ 40 และ 70 kg (88 และ 154 lb)[31][32][33] ส่วนเพศเมียมีน้ำหนักระหว่าง 27 และ 50 kg (60 และ 110 lb)[34] ในกรณีพิเศษ ชิมแปนซีบางตัวอาจมีขนาดเกินกว่าหน่วยวัดนี้มาก โดยมีความสูงขณะยืนด้วยขาสองข้างมากกว่า 168 ซm (5 ft 6 in) และมีน้ำหนักถึง 136 kg (300 lb) เมื่ออยู่ในที่คุมขัง[lower-alpha 1]
อายุขัยเฉลี่ยเฉลี่ยของชิมแปนซีในป่าค่อนข้างสั้น ปกติจะอายุไม่เกิน 15 ปี แต่ชิมแปนซีที่มีอายุถึง 12 ปีอาจมีอายุยืนยาวกว่านั้นอีก 15 ปี ในบางกรณี ชิมแปนซีในป่าอาจมีชีวิตเกือบ 60 ปี ชิมแปนซีในกรงขังมักมีอายุยืนยาวกว่าชิมแปนซีป่า โดยเพศผู้มีอายุเฉลี่ย 31.7 ปี ส่วนเพศเมียอยู่ที่ 38.7 ปี[37] ชิมแปนซีเพศผู้ในกรงขังที่แก่ที่สุดเท่าที่มีอายุบันทึกมีอายุถึง 66 ปี[38] ส่วนเพศเมียที่แก่ที่สุดคือลิตเติลมามา มีอายุเกือบ 80 ปี[39]
ชิมแปนซีกระจายพันธุ์ในทวีปแอฟริกา ทางแถบแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันตก อาศัยอยู่รวมกันเป็นครอบครัว มีความสัมพันธ์กันแบบเครือญาติ โดยมีจ่าฝูงเป็นตัวผู้เพียงตัวเดียว หากินบนพื้นดินมากกว่าต้นไม้ โดยหากินในเวลากลางวัน ซึ่งอาหารได้แก่ ผลไม้และใบไม้ต่าง ๆ รวมถึงสัตว์ขนาดเล็กต่าง ๆ เช่น แมลง เป็นต้น ซึ่งชิมแปนซีมีพฤติกรรมที่จะประดิษฐ์เครื่องมือต่าง ๆ ในการหาอาหารเช่นเดียวกับมนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์[40] ชิมแปนซีมีเสียงร้องอย่างหลากหลาย จากการศึกษาพบว่าร้องได้ถึง 32 แบบ โดยถือเป็นภาษาสำหรับการสื่อสารระหว่างกัน[41] สามารถเดินตรงได้แต่นิ้วเท้าจะหันไปข้างนอก เวลาเดินตัวจะเอนไปข้างหน้า แขนตรง และวางข้อมือลงบนพื้น นานๆ ครั้งจะเดิน 2 เท้าแบบมนุษย์ ซึ่งในการเดินแบบนี้ ชิมแปนซีจะเอามือไว้ข้างหลังเพื่อช่วยในการทรงตัว หรือชูมือทั้ง 2 ข้างขึ้นสูง [42] ชิมแปนซีมีความจำดีมาก มีอารมณ์ความรู้สึกเช่นเดียวกับมนุษย์ มีความฉลาดกว่าอุรังอุตังและกอริลล่า ซึ่งเป็นลิงไม่มีหางเช่นเดียวกัน[42] สถาบันวิจัยสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มหาวิทยาลัยเกียวโตของญี่ปุ่นระบุว่า ลูกชิมแปนซีมีความจำดีกว่ามนุษย์ที่เป็นผู้ใหญ่เสียอีก [43] ชิมแปนซีตัวผู้ในวัยเจริญพันธุ์แล้ว ในธรรมชาติจะมีพฤติกรรมก้าวร้าว บางครั้งจะยกพวกเข้าตีกันและอาจถึงขั้นฆ่ากันตายได้ ซึ่งเคยมีกรณีที่เข้าโจมตีใส่มนุษย์ให้ถึงแก่บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตมาแล้ว รวมถึงมีการรวมตัวกันเพื่อล่าลิงโลกเก่าบางชนิด เช่น ลิงโคโลบัส กินเป็นอาหาร โดยจะแจกจ่ายให้ชิมแปนซีตัวผู้ได้กินก่อน ขณะที่ตัวเมียก็จะได้รับส่วนแบ่งด้วย ลูกชิมแปนซีในช่วง 3 ขวบปีแรก ที่ก้นจะมีกระจุกขนสีขาวเป็นเครื่องหมายบอกถึงวุฒิภาวะที่ยังไม่สมบูรณ์ หากทำอะไรผิด จะได้รับการละเว้นโทษ จนกระทั่งถึงอายุเลย 3 ขวบ จึงจะเริ่มเข้าสู่กฏเกณฑ์ในฝูง เช่นเดียวกับมนุษย์ ตามกฎหมายก็มีบทยกเว้นโทษให้แก่เด็กด้วย[44][ต้องการแหล่งอ้างอิงดีกว่านี้]
ชิมแปนซีแสดงสัญญาณด้านสติปัญญาหลายประการ เช่น ความสามารถในการจดจำสัญลักษณ์[45] จนถึงความร่วมมือ[46] การใช้อุปกรณ์[47] และความสามารถด้านภาษาหลายแบบ[48] พวกมันเป็นหนึ่งในสัตว์หลายชนิดที่ผ่านการทดสอบกระจก ซึ่งเสนอแนะถึงการตระหนักรู้ตนเอง[49] ในงานวิจัยหนึ่ง ชิมแปนซีวัยหนุ่มสองตัวแสดงให้เห็นถึงการรับรู้ตนเองในกระจกได้หลังไม่ได้ส่องกระจกเป็นเวลาหนึ่งปี[50] ชิมแปนซีใช้แมลงในการรักษาบาดแผลของตนเองและตัวอื่น โดยจะจับแมลงแล้วนำมาทาบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บโดยตรง[51] ชิมแปนซียังแสดงสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมระหว่างกลุ่มต่าง ๆ โดยมีการเรียนรู้และถ่ายทอดการดูแล การใช้เครื่องมือ และเทคนิคการหาอาหารที่ต่างกัน นำไปสู่ประเพณีท้องถิ่น[52]
ชิมแปนซีถูกจัดให้เป็นชนิดที่ใกล้สูญพันธุ์ของบัญชีแดงไอยูซีเอ็น โดยได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายในพื้นที่ส่วนใหญ่และพบทั้งในและนอกอุทยานแห่งชาติ คาดว่ามีชิมแปนซีในป่าระหว่าง 172,700 ถึง 299,700 ตัว[2] ซึ่งลดลงจากชิมแปนซีประมาณล้านตัวในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1900[53] ชิมแปนซีได้รับการจัดเข้าในอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) ชนิดพันธุ์ในบัญชีหมายเลข 1[3]
ภัยที่ใหญ่ที่สุดของชิมแปนซีคือการทำลายที่อยู่อาศัย การบุกรุกเข้าไปล่าสัตว์ และโรค[2]
โรคติดเชื้อเป็นสาเหตุหลักในการตายของชิมแปนซี ชิมแปนซีมักเสียชีวิตจากโรคต่าง ๆ มากมายที่มนุษย์เป็นกัน เนื่องจากทั้งสองสายพันธุ์นี้มีความคล้ายคลึงกันมาก เมื่อประชากรมนุษย์เพิ่มขึ้น ความเสี่ยงในการแพร่โรคระหว่างมนุษย์กับชิมแปนซีก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย[2]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.