แอมโมเนีย (อังกฤษ: ammonia) หรือ ไนโตรเจนไตรไฮไดรด์ เป็นสารประกอบเคมีที่ประกอบด้วยธาตุไนโตรเจนและไฮโดรเจน โดยมีสูตรเคมี ดังนี้ NH3. ที่ STP แอมโมเนียเป็นก๊าซ มันเป็น พิษและกัดกร่อนวัสดุบางชนิด มีกลิ่นฉุนเฉพาะตัว
| |||
ชื่อ | |||
---|---|---|---|
IUPAC name
Ammonia[1] | |||
Systematic IUPAC name
Azane | |||
ชื่ออื่น
Hydrogen nitride R-717, R717 (สารทำความเย็น) | |||
เลขทะเบียน | |||
3D model (JSmol) |
|||
3DMet | |||
Beilstein Reference |
3587154 | ||
ChEBI | |||
ChEMBL | |||
เคมสไปเดอร์ | |||
ECHA InfoCard | 100.028.760 | ||
EC Number |
| ||
Gmelin Reference |
79 | ||
KEGG | |||
MeSH | Ammonia | ||
ผับเคม CID |
|||
RTECS number |
| ||
UNII | |||
UN number | 1005 | ||
CompTox Dashboard (EPA) |
|||
InChI
| |||
SMILES
| |||
คุณสมบัติ | |||
NH3 | |||
มวลโมเลกุล | 17.031 g/mol | ||
ลักษณะทางกายภาพ | แก๊สไร้สี | ||
กลิ่น | กลิ่นฉุนมาก | ||
ความหนาแน่น | 0.86 kg/m3 (1.013 บาร์ที่จุดเดือด) 0.769 kg/m3 (STP)[2] | ||
จุดหลอมเหลว | −77.73 องศาเซลเซียส (−107.91 องศาฟาเรนไฮต์; 195.42 เคลวิน) (จุดร่วมสามที่ 6.060 kPa, 195.4 K) | ||
จุดเดือด | −33.34 องศาเซลเซียส (−28.01 องศาฟาเรนไฮต์; 239.81 เคลวิน) | ||
จุดวิกฤติ (T, P) | 132.4 องศาเซลเซียส (405.5 เคลวิน), 111.3 บรรยากาศมาตรฐาน (11,280 กิโลปาสกาล) | ||
47% w/w (0 °C) 31% w/w (25 °C) 18% w/w (50 °C)[5] | |||
ความสามารถละลายได้ | ละลายน้ำได้ในคลอโรฟอร์ม, อีเทอร์, เอทานอล, เมทานอล | ||
ความดันไอ | 857.3 kPa | ||
pKa | 32.5 (−33 °C),[6] 9,24 (ของแอมโมเนียม) | ||
Basicity (pKb) | 4.75 | ||
กรด | แอมโมเนียม | ||
เบส | Amide | ||
Magnetic susceptibility (χ) |
−18.0·10−6 cm3/mol | ||
ดัชนีหักเหแสง (nD) |
1.3327 | ||
ความหนืด |
| ||
โครงสร้าง | |||
กลุ่มจุด |
C3v | ||
รูปร่างโมเลกุล |
พีระมิดฐานสามเหลี่ยม | ||
Dipole moment |
1.42 D | ||
อุณหเคมี | |||
Std molar entropy (S⦵298) |
193 J·mol−1·K−1[8] | ||
Std enthalpy of formation (ΔfH⦵298) |
−46 kJ·mol−1[8] | ||
ความอันตราย | |||
GHS labelling:[9] | |||
Pictograms |
|||
Signal word |
อันตราย | ||
Hazard statements |
H280, H314, H331, H410 | ||
Precautionary statements |
P260, P273, P280, P303+P361+P353, P304+P340+P311, P305+P351+P338+P310 | ||
NFPA 704 (fire diamond) | |||
จุดวาบไฟ | 132 องศาเซลเซียส (270 องศาฟาเรนไฮต์; 405 เคลวิน) | ||
อุณหภูมิที่ ติดไฟได้เอง |
651 องศาเซลเซียส (1,204 องศาฟาเรนไฮต์; 924 เคลวิน) | ||
ขีดจำกัดการระเบิด | 15,0–33,6% | ||
ปริมาณหรือความเข้มข้น (LD, LC): | |||
LD50 (median dose) |
0.015 mL/kg (มนุษย์, ปาก) | ||
LC50 (median concentration) |
40,300 ppm (หนู, 10 นาที) 28,595 ppm (หนู, 20 นาที) 20,300 ppm (หนู, 40 นาที) 11,590 ppm (หนู, 1 ชั่วโมง) 7338 ppm (หนู, 1 ชั่วโมง) 4837 ppm (หนูเลี้ยง, 1 ชั่วโมง) 9859 ppm (กระต่าย, 1 ชั่วโมง) 9859 ppm (แมว, 1 ชั่วโมง) 2000 ppm (หนู, 4 ชั่วโมง) 4230 ppm (หนูเลี้ยง, 1 ชั่วโมง)[10] | ||
LCLo (lowest published) |
5000 ppm (สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม, 5 นาที) 5000 ppm (มนุษย์, 5 นาที)[10] | ||
NIOSH (US health exposure limits):[11] | |||
PEL (Permissible) |
50 ppm (25 ppm ACGIH- TLV; 35 ppm STEL) | ||
REL (Recommended) |
TWA 25 ppm (18 mg/m3) ST 35 ppm (27 mg/m3) | ||
IDLH (Immediate danger) |
300 ppm | ||
เอกสารข้อมูลความปลอดภัย (SDS) | ICSC 0414 (anhydrous) | ||
สารประกอบอื่นที่เกี่ยวข้องกัน | |||
แคทไอออนอื่น ๆ |
ฟอสฟีน อาร์ซีน Stibine Bismuthine | ||
nitrogen hydridesที่เกี่ยวข้อง |
ไฮดราซีน กรดไฮดราโซอิก | ||
สารประกอบที่เกี่ยวข้อง |
แอมโมเนียม ไฮดรอกไซด์ | ||
หากมิได้ระบุเป็นอื่น ข้อมูลข้างต้นนี้คือข้อมูลสาร ณ ภาวะมาตรฐานที่ 25 °C, 100 kPa
|
โมเลกุลของแอมโมเนียไม่แบนราบ แต่จะมีลักษณะถูกอัดเป็นทรงสี่หน้า (tetrahedron) หรือเรียกว่าพีระมิดฐานสามเหลี่ยม, ซึ่งเป็นข้อสมมติฐานของทฤษฎี VSEPR รูปร่างโมเลกุลลักษณะนี้โดยรวมจะมีลักษณะเป็นไดโพล (dipole) และทำให้มันเป็นขั้ว ดังนั้นแอมโมเนียจึงละลายใน น้ำ ได้ดีมาก อะตอมไนโตรเจนในโมเลกุลจะมี อิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว (lone electron pair) และทำให้แอมโมเนียมีฤทธิ์เป็น เบส ใน สารละลายน้ำ (aqueous solution) ที่ เป็นกรด หรือเป็นกลางมันสามารถจะมีพันธะกับ ไฮโดรเนียมไอออน (H3O+) ปลดปล่อยโมเลกุลของน้ำ (H2O) แล้วเกิดเป็นประจุบวกของ แอมโมเนียมไอออน (NH4+) , ซึ่งรูปร่างปกติทรงสี่หน้าที่แอมโมเนียจะเกิด แอมโมเนียมไอออน จะขึ้นอยู่กับ pH ของ สารละลาย
ประโยชน์หลักของแอมโมเนียคือ ใช้ผลิต
- ปุ๋ย (fertilizer)
- วัตถุระเบิด (explosive)
- พอลิเมอร์ (polymer)
นอกจากนี้ยังเป็นสารสำคัญในน้ำยาทำความสะอาดกระจก แอมโมเนียมีในปริมาณเล็กน้อยในบรรยากาศ ซึ่งเกิดจากพูทรีแฟคชัน (putrefaction) ในวัตถุประเภทไนโตรเจนที่เกิดจากพืชและสัตว์ แอมโมเนียและเกลือของมันอาจพบได้ในปริมาณเล็กน้อยในน้ำฝน ในขณะที่ แอมโมเนียมคลอไรด์ (sal-ammoniac) และ แอมโมเนียมซัลเฟต สามารถพบได้ในแหล่งภูเขาไฟ ผลึกของ แอมโมเนียม ไบคาร์บอเนต พบมากใน ปาโกเนียน (Patagonia) กัวโน (guano) เกลือแอมโมเนียมสามารถพบได้ในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ และในน้ำทะเลด้วย (สสารที่มีแอมโมเนียเราเรียกว่าแอมโมเนียคัล)
หนึ่งในคุณสมบัติเฉพาะตัวที่สุดของแอมโมเนียคือพลังในการทำปฏิกิริยากับ กรด เกิดเป็น เกลือ; เช่น กับ กรดไฮโดรคลอริก ได้เป็น แอมโมเนียมคลอไรด์ (sal-ammoniac) ; กับ กรดไนตริก ได้เป็น แอมโมเนียมไนเตรต, กับกรดซัลฟูริค ได้เป็น แอมโมเนียมซัลเฟต (Mohrs Salt)หรือกับกรดฟอสฟอริก ได้เป็น แอมโมเนียมฟอสเฟต เป็นต้น อย่างไรก็ดีแอมโมเนียที่แห้งสนิทจะไม่ทำปฏิกิริยากับ กรดไฮโดรคลอริกที่แห้งเช่นกัน ความชื้นจำเป็นสำหรับปฏิกิริยา
เกลือที่เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างแอมโมเนียกับกรด จะรู้จักกันในชื่อ เกลือแอมโมเนียม และทั้งหมดจะมีแอมโมเนียม ไอออน (NH4+).
แม้แอมโมเนียเป็นด่าง มันก็มีฤทธิ์เป็นกรดด้วย แต่เป็นกรดที่อ่อนมาก เมื่อแตกตัวจะได้ อะไมด์ (NH2−) ไอออน, ตัวอย่างเช่น เมื่อใส่ผงลิเทียม ไนไตรต์ลงในแอมโมเนียเหลว จะเกิดเป็น สารละลายลิเทียม อะไมด์ ดังสมการ:
Li3N (s) + 2NH3 (l) → 3Li+ (am) + 3NH2− (am).
ตามหลักปฏิกิริยากรด-ด่างของ บรอนสเตด-โลว์รี (Bronsted-Lowry) แอมโมเนียจะทำหน้าที่เป็นกรด
การผลิต (Production)
เพราะประโยชน์ของมันมีมากมายมหาศาล แอมโมเนียจึงเป็นหนึ่งในสารประกอบอนินทรีย์เคมีที่มีการผลิตมาก โดยมีวิธีการผลิตดังนี้
- ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 แอมโมเนีย ได้มาจาก การกลั่น ผลผลิตไนโตรเจนจากพืชและสัตว์
- โดยปฏิกิริยารีดักชันของ กรดไนตรัส (nitrous acid) และไนไตรต์ (nitrite) กับนัสเซนต์ไฮโดรเจน (nascent hydrogen)
- โดยการสะลายเกลือแอมโมเนียม (ammonium salts) ด้วย อัลคะไลน์ไฮดรอกไซด์ (alkaline hydroxides) หรือ โดยควิกไลม์ (calcium oxide) เกลือที่ใช้ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของ คลอไรด์ เช่น ซัล-แอมโมนิแอก ดังสมการนี้
- 2NH4Cl + 2CaO → CaCl2 + Ca (OH) 2 + 2NH3
- ได้จากการสะลายตัวของ แมกนีเซียมไนไตรด์ (magnesium nitride) (Mg3N2) กับน้ำดังสมการ
- Mg3N2 + 6H2O → 3Mg (OH) 2+ 2NH3
- ปัจจุบันผลิตโดย กระบวนการฮาเบอร์ (Haber process) โดยการนำก๊าซ ไนโตรเจน และ ไฮโดรเจน มาผสมกันโดยมีเหล็ก เป็น ตัวเร่งปฏิกิริยา ที่ความดันเท่ากับ 200 bar (20 MPa, 3000 lbf/in²) และอุณหภูมิเท่ากับ 500 °C และมี โมลิบดีนัม เป็น โปรโมเตอร์ (promoter) มีสมการดังนี้
- N2 + 3H2 → 2 NH3
วิธีนี้เป็นวิธีที่ประหยัดที่สุดเพราะ ไนโตรเจน ก็ได้จากอากาศเนื่องจากในอากาศมี ไนโตรเจน ถึง 78 % ส่วน ไฮโดรเจนได้จาก ก๊าซธรรมชาติ (natural gas)
ดูเพิ่ม
- Chlorination
- Water purification
- Nitrogen metabolism
อ้างอิง
อ่านเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand in your browser!
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.