![cover image](https://wikiwandv2-19431.kxcdn.com/_next/image?url=https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/c/cc/Woman_during_Gori_Bombing.jpg/640px-Woman_during_Gori_Bombing.jpg&w=640&q=50)
อาชญากรรมสงครามของรัสเซีย
From Wikipedia, the free encyclopedia
อาชญากรรมสงครามของรัสเซีย เป็นการละเมิดกฎหมายอาญาระหว่างประเทศที่ครอบคลุมถึงอาชญากรรมสงคราม อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และอาชญากรรมการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์[1] ซึ่งกองกำลังติดอาวุธทางการและกองกำลังรบกึ่งทหารของรัสเซียถูกกล่าวโทษว่าก่อขึ้นตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียตใน ค.ศ. 1991 ข้อกล่าวโทษนี้ยังหมายรวมถึงการช่วยเหลือและการสนับสนุนอาชญากรรมที่ก่อขึ้นโดยรัฐหุ่นเชิดหรือหน่วยการเมืองคล้ายรัฐที่ได้รับอาวุธและเงินทุนจากรัสเซียซึ่งรวมถึงสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์และสาธารณรัฐประชาชนดอแนตสก์ อาชญากรรมสงครามเหล่านี้ได้แก่การฆ่าคน การทรมาน การก่อการร้าย การเนรเทศหรือการบังคับให้พลัดถิ่น การลักพาตัว การข่มขืนกระทำชำเรา การฉกชิงทรัพย์ การกักขังโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย การโจมตีทางอากาศโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือการโจมตีวัตถุพลเรือน และการทำลายล้างโดยขาดความยับยั้งชั่งใจ
![Thumb image](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/c/cc/Woman_during_Gori_Bombing.jpg/640px-Woman_during_Gori_Bombing.jpg)
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล และฮิวแมนไรตส์วอตช์ได้บันทึกอาชญากรรมสงครามของรัสเซียในเชชเนีย[2][3][4] จอร์เจีย[5][6] ยูเครน[7][8][9][10] และซีเรีย[11][12][13][14] องค์การแพทย์ไร้พรมแดนยังได้บันทึกอาชญากรรมสงครามในเชชเนียด้วย[15] ใน ค.ศ. 2017 สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (โอเอชซีเอชอาร์) รายงานว่ารัสเซียใช้ระเบิดลูกปรายและอาวุธเพลิงในซีเรีย ซึ่งก่อให้เกิดอาชญากรรมสงครามจากการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายในพื้นที่ที่มีพลเรือนอาศัยอยู่[16] โอเอชซีเอชอาร์ยังพบว่ารัสเซียกระทำความผิดฐานก่ออาชญากรรมสงครามในยูเครนใน ค.ศ. 2022[17] และ 2023[18] เมื่อวันที่ 13 เมษายน ค.ศ. 2022 องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (โอเอสซีอี) เผยแพร่รายงานที่พบว่ารัสเซียกระทำความผิดฐานก่ออาชญากรรมสงครามจากการโจมตีทางอากาศใส่โรงพยาบาลในเมืองมารีอูปอล ในขณะที่การฆ่าโดยเลือกเป้าหมายและการบังคับให้สูญหายหรือการลักพาตัวพลเรือน (รวมถึงนักข่าวและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น) ที่รัสเซียก่อขึ้นอาจเข้าข่ายอาชญากรรมต่อมนุษยชาติด้วย[19]
เมื่อถึง ค.ศ. 2009 ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปได้ออกคำตัดสินในคดี 115 คดี (รวมถึงคำตัดสินในคดีระหว่างไบซาเยวากับรัสเซีย) โดยตัดสินว่ารัฐบาลรัสเซียมีความผิดฐานบังคับให้สูญหาย ฆ่าคน ทรมาน และไม่สอบสวนอาชญากรรมเหล่านั้นอย่างเหมาะสมในเชชเนีย[20] ใน ค.ศ. 2021 ศาลฯ ยังตัดสินให้รัสเซียมีความผิดฐานฆ่าคน ทรมาน ฉกชิงทรัพย์ และทำลายบ้านเรือนในจอร์เจีย รวมทั้งขัดขวางไม่ให้ชาวจอร์เจียพลัดถิ่นจำนวน 20,000 คนกลับไปยังดินแดนของตน[21][22][23]
บรรดาประเทศตะวันตกได้บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรระหว่างประเทศในวงกว้างต่อเจ้าหน้าที่รัสเซียสองครั้งใน ค.ศ. 2014 และ 2022 อันเป็นผลมาจากการที่รัสเซียเข้าไปมีส่วนพัวพันกับสงครามในยูเครน[24][25] ใน ค.ศ. 2016 รัสเซียถอนการลงนามของตนออกจากศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) เมื่อไอซีซีเริ่มสอบสวนการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการผนวกไครเมียเข้ากับรัสเซีย[26][27] จากนั้นใน ค.ศ. 2022 สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติผ่านข้อมติที่ อีเอส-11/3 ให้ระงับรัสเซียจากการเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชอาร์ซี) อย่างเป็นทางการเนื่องจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบของรัสเซียในยูเครน เจ้าหน้าที่รัสเซียหลายคนถูกศาลท้องถิ่นตัดสินว่ามีความผิดฐานก่ออาชญากรรมสงครามทั้งในเชชเนียและยูเครน ในที่สุดใน ค.ศ. 2023 ไอซีซีออกหมายจับวลาดีมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในข้อหาก่ออาชญากรรมสงครามในยูเครน