สมเด็จพระราชาธิบดีฮะซันที่ 2 แห่งโมร็อกโก
From Wikipedia, the free encyclopedia
สมเด็จพระราชาธิบดีฮะซันที่ 2 แห่งโมร็อกโก (อาหรับ: الحسن الثاني) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งประเทศโมร็อกโก ครองราชย์ตั้งแต่ พ.ศ. 2504 จนกระทั่งเสด็จสวรรคตใน พ.ศ. 2542 เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระราชาธิบดีมุฮัมมัดที่ 5 แห่งโมร็อกโก และเสด็จขึ้นครองราชย์ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2504 หลังการเสด็จสวรรคตของพระราชบิดา พระองค์ทรงถูกกล่าวหาในเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน และทรงเป็นผู้เผด็จการพระองค์หนึ่งในโลกอาหรับ[1] โดยในรัชสมัยของพระองค์ถูกเรียกว่า ปีแห่งตะกั่ว[2][3] อย่างไรก็ดี พระองค์ถูกยกย่องว่าทรงเป็นกษัตริย์ที่มีพระปรีชาสามารถเป็นอย่างมากในท่ามกลางความวุ่นวายทางการเมืองในภูมิภาคโลกอาหรับ และทรงประกอบพระราชกรณียกิจอันเป็นประโยชน์ต่อชาวโมร็อกโกเป็นจำนวนมาก[4][5]
สมเด็จพระราชาธิบดีฮะซันที่ 2 | |
---|---|
อามีร์ อัล-มูมินิน | |
สมเด็จพระราชาธิบดีฮะซันที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2504 | |
พระมหากษัตริย์แห่งโมร็อกโก | |
ครองราชย์ | 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2504 – 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2542 |
ก่อนหน้า | สมเด็จพระราชาธิบดีมุฮัมมัดที่ 5 แห่งโมร็อกโก |
ถัดไป | สมเด็จพระราชาธิบดีมุฮัมมัดที่ 6 แห่งโมร็อกโก |
พระราชสมภพ | 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2472 ราบัต, โมร็อกโก |
สวรรคต | 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2542 (70 ปี) ราบัต, ประเทศโมร็อกโก |
คู่อภิเษก | เจ้าหญิงลัลลา ฟาติมาฮ์ เจ้าหญิงลัลลา ลาติฟะฮ์ |
พระราชบุตร | |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์อเลาอัว |
พระราชบิดา | สมเด็จพระราชาธิบดีมุฮัมมัดที่ 5 แห่งโมร็อกโก |
พระราชมารดา | เจ้าหญิงลัลลา อับลา บินต์ ทาฮาร์ |
ศาสนา | ศาสนาอิสลามนิกายซุนนี |
พระองค์ทรงมีบทบาทอย่างมากในการอ้างสิทธิ์ดินแดนเวสเทิร์นสะฮาราในฐานะส่วนหนึ่งของประเทศโมร็อกโก[6] และทรงมีบทบาทในความขัดแย้งอาหรับ–อิสราเอล[7] ทั้งนี้ พระองค์เคยเกือบถูกลอบปลงพระชนม์ใน พ.ศ. 2515 ขณะทรงประทับบนเครื่องบินพระที่นั่ง แต่ก็ทรงรอดพระชนม์ชีพมาได้[8][9]
ในรัชสมัยของพระองค์เศรษฐกิจได้ดำเนินนโยบายแบบเสรีนิยมทางเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้อุตสาหกรรมการเกษตร การท่องเที่ยว และการทำเหมืองแร่มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมาก ในวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2516 พระองค์ทรงประกาศนโยบายโมร็อกกาไนเซชัน ซึ่งทรัพย์สินของรัฐ ที่ดินทำการเกษตร และธุรกิจจากต่างชาติมากกว่าร้อยละ 50 ถูกโอนไปเป็นของชาวโมร็อกโกและคนชนชั้นสูง[10][11] แม้ว่าอุตสาหกรรมที่ชาวโมร็อกโกเป็นเจ้าของจะเติบโตจาก 18 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นมาเป็น 50 เปอร์เซนต์[10] อย่างไรก็ดี ความมั่งคั่งกระจุกอยู่ที่ 36 ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศเท่านั้น[10]
หลังการเสด็จสวรรคต สมเด็จพระราชาธิบดีมุฮัมมัดที่ 6 แห่งโมร็อกโกซึ่งเป็นพระราชโอรสของพระองค์ได้เสด็จขึ้นครองราชย์สืบต่อไป[12]