![cover image](https://wikiwandv2-19431.kxcdn.com/_next/image?url=https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/e/e8/%25D0%25A4%25D0%25BE%25D0%25BD%25D1%2582%25D0%25B0%25D0%25BD_%25C2%25AB%25D0%2594%25D0%25B5%25D1%2582%25D1%2581%25D0%25BA%25D0%25B8%25D0%25B9_%25D1%2585%25D0%25BE%25D1%2580%25D0%25BE%25D0%25B2%25D0%25BE%25D0%25B4%25C2%25BB.jpg/640px-%25D0%25A4%25D0%25BE%25D0%25BD%25D1%2582%25D0%25B0%25D0%25BD_%25C2%25AB%25D0%2594%25D0%25B5%25D1%2582%25D1%2581%25D0%25BA%25D0%25B8%25D0%25B9_%25D1%2585%25D0%25BE%25D1%2580%25D0%25BE%25D0%25B2%25D0%25BE%25D0%25B4%25C2%25BB.jpg&w=640&q=50)
ยุทธการที่สตาลินกราด
ยุทธการใหญ่ในสงครามโลกครั้งที่สอง / From Wikipedia, the free encyclopedia
ยุทธการสตาลินกราด เป็นยุทธการใหญ่ของสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งนาซีเยอรมนีและพันธมิตรฝ่ายหนึ่ง สู้รบกับสหภาพโซเวียตอีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อแย่งชิงการควบคุมนครสตาลินกราด (ปัจจุบันคือ วอลโกกราด ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหพันธรัฐรัสเซีย) ยุทธการดำเนินไประหว่างวันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ. 1942 ถึง 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1943[16][17][18][19] ยุทธการสตาลินกราดเป็นยุทธการใหญ่ที่สุดบนแนวรบด้านตะวันออก และได้รับความสนใจเพราะความป่าเถื่อนและไม่สนใจต่อความสูญเสียทั้งทางทหารและพลเรือน นอกจากนี้ ยังเป็นหนึ่งในยุทธการนองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์การสงคราม โดยมีการประเมินความสูญเสียทั้งสองฝ่ายรวมกันขั้นสูงไว้เกือบสองล้านนาย ความสูญเสียอย่างหนักที่กองทัพเยอรมนีประสบนับเป็นจุดพลิกผันของสงคราม[20] หลังยุทธการสตาลินกราด กำลังเยอรมันไม่อาจฟื้นคืนยอดอย่างเมื่อก่อนได้อีก และไม่บรรลุชัยชนะทางยุทธศาสตร์ในทางตะวันออกอีกเลย[21]
ยุทธการสตาลินกราด | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ แนวรบด้านตะวันออกในสงครามโลกครั้งที่สอง | |||||||||
![]() ใจกลางสตาลินกราดหลังสงครามสิ้นสุดลง | |||||||||
| |||||||||
คู่สงคราม | |||||||||
![]() | |||||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||||
|
| ||||||||
หน่วยที่เกี่ยวข้อง | |||||||||
|
| ||||||||
กำลัง | |||||||||
ขั้นต้น:
เมื่อโซเวียตตีโต้ตอบ: |
ขั้นต้น:
เมื่อโซเวียตตีโต้ตอบ: | ||||||||
ความสูญเสีย | |||||||||
|
ดูส่วนความเสียหาย | ||||||||
ที่ตั้งของสตาลินกราด (ปัจจุบันคือวอลโกกราด) ในสหภาพโซเวียตฝั่งยุโรป |
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/d/dd/Eastern_Front_1942-05_to_1942-11.png/640px-Eastern_Front_1942-05_to_1942-11.png)
เยอรมนีรุกเพื่อยึดสตาลินกราดเริ่มตั้งแต่ปลายฤดูร้อน ค.ศ. 1942 และได้รับการสนับสนุนจากการทิ้งระเบิดโดยกองทัพอากาศอย่างเข้มข้น ซึ่งทำให้พื้นที่ขนาดใหญ่ของนครกลายเป็นซากปรักหักพัง ท้ายที่สุด การรุกของเยอรมนีกลายมาติดหล่มการสู้รบอาคารต่ออาคาร และแม้จะควบคุมพื้นที่ของนครได้กว่า 90% ในบางครั้ง กองทัพเยอรมันกลับไม่สามารถขับไล่ผู้ป้องกันฝ่ายโซเวียตกลุ่มสุดท้ายที่ยึดฝั่งตะวันตกของแม่น้ำวอลกาอย่างเหนียวแน่น
วันที่ 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 1942 กองทัพแดงเปิดฉากปฏิบัติการยูเรนัส การโจมตีสองง่ามหรือเรียกว่าคีมหนีบโดยมีเป้าหมายต่อกำลังพลโรมาเนียและฮังการีที่อ่อนแอ ซึ่งกำลังป้องกันปีกของกองทัพที่ 6 หลังจากมีการสู้รบอย่างหนัก ความสำเร็จของการโจมตีเหล่านี้ส่งผลให้ปีกที่ยึดไว้อย่างหลวม ๆ พังลง และกองทัพที่ 6 ถูกตัดขาดและล้อมในสตาลินกราด เมื่อฤดูหนาวของรัสเซียมาถึง กองทัพที่ 6 ก็อ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วจากความหนาว เนื่องจากขาดเสบียงอาหาร การโจมตีอย่างต่อเนื่องของโซเวียต ความกำกวมของการบังคับบัญชา ประกอบกับความเชื่อแน่แน่วใน "พลังแห่งการตั้งเจตนา" (power of the will) ของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และค่านิยม "การยืนหยัด" (standing fast) ยิ่งเสริมฐานะยากลำบากของนาซีเยอรมนีขึ้นไปอีก ท้ายที่สุด ความล้มเหลวของกำลังเยอรมนีนอกวงล้อมในการเปิดวงล้อม ร่วมกับความล้มเหลวในการส่งกำลังบำรุงทางอากาศ ทำให้เกิดการพังทลายขั้นสุดท้าย เมื่อถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1943 การต้านทานของฝ่ายอักษะในสตาลินกราดยุติลงและส่วนที่เหลือของกองทัพที่ 6 ได้ยอมจำนนหรือไม่ก็ถูกทำลายไปก่อนหน้านั้นแล้ว[22]: p.932