Loading AI tools
บทความรายชื่อวิกิมีเดีย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระมหากษัตริย์แห่งเยรูซาเลม[1] เป็นตำแหน่งสูงสุดของประมุขแห่งราชอาณาจักรเยรูซาเลม หนึ่งในรัฐนักรบครูเสดที่ได้รับการสถาปนาขึ้นโดยเหล่าเจ้าผู้ปกครองชาวคริสต์ที่เข้ายึดเมืองในคราวสงครามครูเสดครั้งที่ 1
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
พระมหากษัตริย์ แห่งราชอาณาจักรละตินแห่งเยรูซาเลม | |
---|---|
ราชาธิปไตยในอดีต | |
Arms of the Kingdom of Jerusalem (Ströhl).svg | |
ตราแผ่นดินราชอาณาจักรเยรูซาเลม | |
พระเจ้าอ็องรีที่ 2 แห่งเยรูซาเลม พระมหากษัตริย์แห่งเยรูซาเลมองค์สุดท้าย | |
| |
ปฐมกษัตริย์ | กอดฟรีย์แห่งบูยง |
องค์สุดท้าย | พระเจ้าอ็องรีที่ 2 |
สถานพำนัก | หอคอยดาวิด, เมืองเก่า (เยรูซาเลม) ราชอาณาจักรเยรูซาเลม |
เริ่มระบอบ | 22 กรกฎาคม ค.ศ. 1099 |
สิ้นสุดระบอบ | 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1291 (194 ปี 300 วัน) |
ผู้อ้างสิทธิ์ | จำนวนมาก |
กอดฟรีย์แห่งบูยง หรือภาษาฝรั่งเศส คือ โกเดอฟรอย เป็นประมุขคนแรกของราชอาณาจักรเยรูซาเลม แต่ตัวเขาเองปฏิเสธตำแหน่ง "กษัตริย์" และใช้ตำแหน่ง "ผู้พิทักษ์โบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์" แทน ดังนั้นตำแหน่ง "กษัตริย์" อย่างเป็นทางการถูกใช้โดยผู้สืบบัลลังก์ของเขาคือ พระเจ้าบอลด์วินที่ 1 แห่งเยรูซาเลม ในปีค.ศ. 1100 เมืองเยรูซาเลมถูกยึดครองในปีค.ศ. 1187 แต่ราชอาณาจักรเยรูซาเลมยังคงอยู่รอด และได้ย้ายเมืองหลวงไปยังเอเคอร์ในปีค.ศ. 1191 เมืองเยรูซาเลมถูกยึดคืนกลับมาอีกครั้งในสงครามครูเสดครั้งที่ 6 ช่วงค.ศ. 1229 - 1239 และค.ศ. 1241 - 1244 ราชอาณาจักรเยรูซาเลมสุดท้ายถูกยุบเลิกจากการล่มสลายของเอเคอร์ นำมาซึ่งจุดจบของพวกครูเสดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ปีค.ศ. 1291
หลังจากรัฐนักรบครูเสดล่มสลายไปแล้ว พระอิสริยยศ "พระมหากษัตริย์แห่งเยรูซาเลม" ถูกอ้างสิทธิโดยเหล่าพระราชตระกูลของยุโรปที่สืบเชื้อสายมาจากพระมหากษัตริย์ไซปรัสหรือพระมหากษัตริย์เนเปิลส์ ตามตำแหน่งโดยพิธีการของกษัตริย์เยรูซาเลมถูกใช้โดยสมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเปที่ 6 แห่งสเปน อีกทั้งตำแหน่งนี้เคยถูกอ้างสิทธิโดยอ็อทโท ฟ็อน ฮาพส์บวร์คและพระมหากษัตริย์อิตาลีจนถึงค.ศ. 1946
ราชอาณาจักรเยรูซาเลมมีจุดเริ่มต้นมาจากสงครามครูเสดครั้งที่ 1 โดยกอดฟรีย์แห่งบูยง แต่เขาปฏิเสธการสวมมงกุฎและตำแหน่งพระมหากษัตริย์ "ตามคำร้องขอของเขา เขาจะไม่สวมมงกุฎทองคำ ในขณะที่พระผู้ไถ่ต้องสวมมงกุฎหนาม"[2] เขาได้ใช้อิสริยยศ "แอดโวเคตุส ซังก์ตี เซปุลชรี" (Advocatus Sancti Sepulchri; ผู้พิทักษ์โบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์) ในปีค.ศ. 1099 และสาบานตนเป็นประมุขแห่งเยรูซาเลมในโบสถ์พระคริสตสมภพที่เมืองเบธเลเฮม
ปีต่อมา กอดฟรีย์เสียชีวิต พี่ชายของเขาคือ บอลด์วินที่ 1 เป็นพระองค์แรกที่ใช้ตำแหน่ง "พระมหากษัตริย์" และเป็นกษัตริย์พระองค์แรกที่ประกอบพิธีราชาภิเษกในโบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ในเมืองเยรูซาเลม
ตำแหน่งพระมหากษัตริย์แห่งเยรูซาเลมเดิมมีลักษณะเลือกตั้งและมีการสืบสันตติวงศ์บางส่วน ในช่วงยุครุงเรืองของราชอาณาจักรในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 12 มีราชวงศ์และลำดับการสืบราชสันตติวงศ์เริ่มชัดเจนมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นกษัตริย์จะได้รับการเลือกตั้ง หรืออย่างน้อยต้องได้รับการยอมรับจากฮูตกูร์แห่งเยรูซาเลม ที่นี่กษัตริย์จะได้รับการพิจารณาว่าเป็น พรีมุส อินเตร์ ปาเรส (Primus inter pares; เป็นลำดับแรกท่ามกลางคนทั้งหลาย) และเมื่อกษัตริย์ไม่ทรงอยู่การปฏิบัติหน้าที่จะดำเนินการโดยผู้ดูแลระดับสูง (Seneschal)
พระราชวังถูกสร้างตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 ตั้งอยู่ทางใต้ของป้อมปราการเยรูซาเลม[3] ราชอาณาจักรเยรูซาเลมได้แนะนำโครงสร้างระบอบศักดินาแบบฝรั่งเศสให้แก่ชาวลิแวนต์ กษัตริย์จะทรงมีศักดินาที่ดินจำนวนมากรวมเข้าในฐานะแว่นแคว้นของกษัตริย์ซึ่งมีความผันแผรจากกษัตริย์องค์หนึ่งไปยังอีกองค์หนึ่ง กษัตริย์จะต้องทรงรับผิดชอบในการนำราชอาณาจักรเข้าสู่สมรภูมิรบ แม้ว่าหน้าที่นี้จะเป็นของพวกพลตระเวน
ในขณะที่หลายอาณาจักรในยุโรปช่วงนั้นกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ราชาธิปไตยแบบรวมอำนาจสู่ศูนย์กลาง แต่กษัตริย์เยรูซาเลมสูญเสียพระราชอำนาจอย่างต่อเนื่องให้แก่เหล่าบารอน เหตุนี้เพราะส่วนใหญ่กษัตริย์หลายพระองค์มักจะมีพระชนมายุน้อย และมีความถี่ของการตั้งผู้สำเร็จราชการบ่อยครั้ง
หลังจากการล่มสลายของเมืองเยรูซาเลมในปีค.ศ. 1187 เมืองหลวงถูกย้ายไปยังเอเคอร์ และอยู่ที่นั่นจนถึงค.ศ. 1291 แต่พิธีราชาภิเษกมักจะถูกจัดที่ไทร์ ในช่วงนี้ตำแหน่งกษัตริย์เป็นเพียงตำแหน่งในนาม ซึ่งถูกกำหนดโดยเหล่ากษัตริย์ยุโรปที่ไม่เคยประทับในเอเคอร์ เมื่อคอนราดที่ 3 ได้เป็นพระมหากษัตริย์แต่ประทับอยู่ที่ทางตอนใต้ของเยอรมนี พระญาติฝ่ายพระราชบิดาของพระองค์ คือ อูก เคานท์แห่งเบรียง อ้างสิทธิเป็นผู้สำเร็จราชการแห่งราชอาณาจักรเยรูซาเลม และตั้งเขาเป็นผู้สืบทอดทางอ้อม การอ้างสิทธินี้เกิดขึ้นในปี 1264 ในฐานะผู้สืบเชื้อสายที่อาวุโสสูงสุดและเป็นทายาทผู้มีสิทธิอันชอบธรรมของอาลิกซ์แห่งช็องปาญ พระราชธิดาองค์ที่สองในสมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลลาที่ 1 แห่งเยรูซาเลม อูกเป็นพระโอรสในพระราชธิดาองค์โตของพระนางอาลิกซ์ แต่ถูกข้ามสิทธิโดยสภาฮูตกูร์ให้แก่พระญาติ คือ อูกแห่งแอนติออก ซึ่งในอนาคตคือ พระเจ้าอูกที่ 3 แห่งไซปรัส และอูกที่ 1 แห่งเยรูซาเลม
หลังจากพระเจ้าคอนราดที่ 3 ถูกประหารชีวิตโดยพระเจ้าการ์โลที่ 1 แห่งเนเปิลส์ในปีค.ศ. 1268 ตำแหน่งกษัตริย์กลายเป็นของราชวงศ์ลูซียง ซึ่งได้เป็นพระมหากษัตริย์ไซปรัสพร้อมกัน แต่พระเจ้าการ์โลที่ 1 ก็ใช้พระราชทรัพย์ซื้อสิทธิในบัลลังก์จากหนึ่งในผู้อ้างสิทธิในปีค.ศ. 1277
ในปีนั้น พระองค์ส่งโรเจอร์แห่งซานเซเวรีโนไปยังตะวันออกในฐานะผู้ดูแลที่ดิน โรเจอร์ยึดครองเมืองเอเคอร์และบังคับให้เหล่าบารอนสวามิภักดิ์ โรเจอร์ถูกเรียกตัวกลับในปี 1282 เนื่องด้วยเหตุการณ์สายัณห์ซิซิลี และปล่อยให้โอโด ปัวเลอเชียนดำเนินการแทน ทรัพยากรและอำนาจของเขามีน้อยและเขาถูกขับไล่โดยพระเจ้าอ็องรีที่ 2 แห่งไซปรัส เมื่อพระองค์เสด็จมาจากไซปรัสเพื่อประกอบราชาภิเษกเป็นกษัตริย์เยรูซาเลม
เอเคอร์ถูกยึดครองโดยมัมลูก ในปี 1291 พวกครูเสดก็ถูกกำจัดออกจากแผ่นดินใหญ่
ราชอาณาจักรเยรูซาเลม : Kingdom of Jerusalem (ค.ศ. 1099 - ค.ศ. 1118) • ราชวงศ์บูลอญ • | ||||||
พระปรมาภิไธย | พระราชสมภพ | อภิเษกสมรส | สวรรคต | |||
---|---|---|---|---|---|---|
1 | กอดฟรีย์แห่งบูยง ("ผู้พิทักษ์โบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์") (Godfrey of Bouillon) โกเดอฟรอย (Godefroy) 1099-1100 |
ราว ค.ศ. 1060 พระราชสมภพที่บูลอญ-ซูร์-แมร์ ฝรั่งเศส หรือ บราบันต์ โอรสในอูสเทซที่ 2 เคานท์แห่งบูลอญกับไอดาแห่งลอแรน |
ไม่อภิเษกสมรส | 18 กรกฎาคม ค.ศ. 1100 พระชนมายุราว 40 พรรษา | ||
2 | พระเจ้าบอล์ดวินที่ 1 (Baldwin I) โบดวงที่ 1 (Baudouin I) 1100-1118 |
ราว ค.ศ. 1058 พระราชสมภพที่ลอแรน โอรสในอูสเทซที่ 2 เคานท์แห่งบูลอญกับไอดาแห่งลอแรน |
โกเดอฮิลด์ เดอ โทนี ไม่มีโอรสธิดา อาร์ดาแห่งอาร์เมเนีย ค.ศ. 1097 ไม่มีโอรสธิดา อเดลาเซีย เดล วาสโต ค.ศ. 1112 ไม่มีโอรสธิดา |
2 เมษายน ค.ศ. 1118 อาริช อียิปต์ พระชนมายุราว 60 พรรษา | ||
ราชอาณาจักรเยรูซาเลม : Kingdom of Jerusalem (ค.ศ. 1118 - ค.ศ. 1153) • ราชวงศ์เรเธล • | ||||||
พระปรมาภิไธย | พระราชสมภพ | อภิเษกสมรส | สวรรคต | |||
---|---|---|---|---|---|---|
3 | พระเจ้าบอล์ดวินที่ 2 (Baldwin II) โบดวงที่ 2 (Baudouin II) 1118-1131 |
ไม่ปรากฏ พระราชสมภพที่ฝรั่งเศส โอรสในอูกที่ 1 เคานท์แห่งเรเธลกับเมลีแซนเดอแห่งม็องต์แตร์รี |
มอร์เฟียแห่งเมลีแตง ค.ศ. 1101 พระราชธิดา 4 พระองค์ |
21 สิงหาคม ค.ศ. 1131 เยรูซาเลม | ||
4 | สมเด็จพระราชินีนาถ เมลิเซนเดอ (Melisende) 1131-1153 ร่วมราชบัลลังก์กับฟูล์ค จนถึงปี 1143 ร่วมราชบัลลังก์กับบอลด์วินที่ 3 จนถึงปี 1153 |
ค.ศ. 1105 พระราชสมภพที่เยรูซาเลม โอรสในพระเจ้าบอล์ดวินที่ 2กับมอร์เฟียแห่งเมลีแตง |
ฟูล์คที่ 5 เคานท์แห่งอ็องฌู 2 มิถุนายน ค.ศ. 1129 พระราชโอรส 2 พระองค์ |
11 กันยายน ค.ศ. 1161 เยรูซาเลม พระชนมายุราว 56 พรรษา | ||
ในปีค.ศ. 1127 ฟูล์คที่ 5 เคานท์แห่งอ็องฌูได้รับคณะทูตจากพระเจ้าบอลด์วินที่ 2 แห่งเยรูซาเลม พระเจ้าบอลด์วินที่ 2 ไม่ทรงมีรัชทายาทชาย แต่ทรงกำหนดให้เจ้าหญิงเมลีแซนเดอ พระราชธิดาองค์โตเป็นผู้สืบราชบัลลังก์ พระเจ้าบอลด์วินที่ 2 ทรงต้องการความปลอดภัยในการปกป้องมรดกที่พระราชธิดาจะได้รับ โดยมีพระราชประสงค์ให้เจ้าหญิงอภิเษกสมรสกับขุนนางผู้ทรงอำนาจ ฟูล์คเป็นนักรบครูเสดที่ร่ำรวยและเป็นผู้นำทางทหารที่มีประสบการณ์ อีกทั้งเป็นม่ายชายาถึงแก่กรรม ประสบการณ์ในสนามรบได้พิสูจน์ว่าเขาเป็นบุคคลที่มีค่าในรัฐชายแดนที่มักจะมีสงครามเช่นนี้
แต่ฟูล์คได้ยื่นข้อเสนอที่ดีกว่าในการเป็นแค่พระราชสวามีของสมเด็จพระราชินีนาถ ก็คือตัวเขาต้องการเป็นพระมหากษัตริย์เคียงข้างราชบัลลังก์ของเมลีแซนเดอ พระเจ้าบอลด์วินที่ 2 ทรงยอมรับข้อเสนออย่างไม่ขัดข้องเนื่องด้วยประสงค์จะใช้อำนาจในการแสวงหาผลประโยชน์ทางกองทัพของฟูล์ค ฟูล์คจึงสละตำแหน่งเคานท์แห่งอ็องชูให้แก่เจฟฟรีย์ โอรสของเขาที่เกิดจากชายาคนแรก และล่องเรือไปเพื่อรับตำแหน่งกษัตริย์แห่งเยรูซาเลมในอนาคต ซึ่งเขาเสกสมรสกับเจ้าหญิงเมลีแซนเดอในวันที่ 2 มิถุนายน ค.ศ. 1129 หลังจากนั้นพระเจ้าบอลด์วินทรงสนับสนุนตำแหน่งของเจ้าหญิงเมลีแซนเดอในราชอาณาจักร โดยให้พระนางเป็นผู้ปกครองเพียงพระองค์เดียวของพระราชโอรสที่ประสูติจากฟูล์ค พระเจ้าบอลด์วินที่ 3 ในอนาคตประสูติในปี 1130
ฟูล์คและเมลีแซนเดอกลายเป็นพระประมุขร่วมแห่งเยรูซาเลมในปีค.ศ. 1131 หลังการสวรรคตของพระเจ้าบอลด์วินที่ 3 ในช่วงแรกพระเจ้าฟูล์คทรงเข้าควบคุมกิจการในราชอาณาจักรทั้งหมดและกีดกันสมเด็จพระราชินีนาถเมลีแซนเดอออกไป พระองค์ทรงโปรดเพื่อนร่วมชาติจากอ็องฌูมากกว่าขุนนางพื้นเมือง รัฐนักรบครูเสดทางตอนเหนือหวาดกลัวว่า พระเจ้าฟูล์คจะใช้พระราชอำนาจของอาณาจักรเยรูซาเลมเหนือดินแดนของพวกเขา ดังที่พระเจ้าบอลด์วินที่ 2 เคยทำไป แต่พระเจ้าฟูล์คมีพลังพระราชอำนาจน้อยกว่าพระสัสสุระมาก ทำให้รัฐทางตอนเหนือปฏิเสธอำนาจของพระองค์
ในเยรูซาเลมเอง พระเจ้าฟูล์คก็ไม่เป็นที่พอใจของเหล่าชาวเยรูซาเลมคริสต์รุ่นที่สองซึ่งเติบโตมากตั้งแต่สงครามครูเสดครั้งแรก "คนพื้นเมือง"เหล่านี้ชื่นชอบพระญาติของสมเด็จพระราชินีนาถเมลีแซนเดอ คือ อูกที่ 2 แห่งจัฟฟา ผู้ซึ่งจงรักภักดีต่อสมเด็จพระราชินีนาถ พระเจ้าฟูล์คทรงมองอูกเป็นศัตรู และในปีค.ศ. 1134 พระองค์ต้องการกำจัดอูก โดยกล่าวหาว่าเขามีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับสมเด็จพระราชินีนาถเมลีแซนเดอ อูกก่อการจลาจลเพื่อประท้วงและหลบซ่อนตัวในดินแดนของเขาเองที่จัฟฟา อีกทั้งเป็นพันธมิตรกับมุสลิมที่อัสเคลอน เขาได้ชัยชนะต่อกองทัพของพระเจ้าฟูล์ค แต่ก็ไม่อาจควบคุมสถานการณ์ได้ อัครบิดรแห่งเยรูซาเลมได้เข้ามาไกล่เกลี่ยกรณีพิพาท ตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระราชินีนาถเมลีแซนเดอ พระเจ้าฟูล์คทรงเห็นด้วยกับการสงบศึกและอูกต้องถูกเนรเทศออกจากราชอาณาจักรเป็นเวลาสามปี ซึ่งเป็นโทษสถานเบา
แต่มีความพยายามในการลอบสังหารอูก พระเจ้าฟูล์คและผู้สนับสนุนพระองค์ถูกมองโดยทั่วไปว่าต้องมีส่วนรับผิดชอบในเหตุการณ์นี้ แม้ว่าจะไม่มีการพิสูจน์คดีจริงๆ เรื่องอื้อฉาวเหล่านี้กลายเป็นประโยชน์แก่พรรคพระราชินีในการยึดอำนาจการปกครอง ซึ่งพระนางทรงก่อการรัฐประหารวังหลวง เบอร์นาร์ด แฮมิลตัน นักเขียนและนักประวัติศาสตร์ได้เขียนว่า กลุ่มผู้สนับสนุนพระเจ้าฟูล์คต้อง "อยู่อย่างหวาดกลัวชีวิตภายในวัง" นักประวัติศาสตร์และนักเขียนร่วมสมัยอย่าง วิลเลียมแห่งไทร์ เขียนถึงฟูล์คว่า "พระองค์ไม่สามารถที่จะออกความคิดได้แม้แต่เรื่องที่เล็กๆน้อยๆโดยปราศจากความเห็นชอบ (ของเมลีแซนเดอ)" ผลก็คือสมเด็จพระราชินีนาถเมลีแซนเดอทรงควบคุมอำนาจของรัฐบาลโดยตรงอย่างไม่ต้องสงสัยตั้งแต่ค.ศ. 1136 เป็นต้นไป ก่อนปี 1136 พระเจ้าฟูล์คทรงไกล่เกลี่ยกับพระมเหสี และทำให้พระราชโอรสองค์ที่สองประสูติคือ เจ้าชายอามาลริค
ในปีค.ศ. 1143 ขณะที่พระมหากษัตริย์และสมเด็จพระราชินีนาถประทับพักผ่อนในเอเคอร์ พระเจ้าฟูล์คเสด็จสวรรคตจากอุบัติเหตุขณะล่าสัตว์ ม้าของพระองค์พลาดสะดุดและล้มลง และกะโหลกพระเศียรของพระองค์ถูกทับโดยอานม้า "มันสมองของพระองค์พุ่งออกมาจากหูทั้งสองข้างและรูจมูก" ตามคำบรรยายของวิลเลียมแห่งไทร์ พระวรกายของพระองค์ถูกนำกับมายังเอเคอร์ ทรงหมดสติไปสามวันและสวรรคต พระบรมศพถูกฝังที่โบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ในเยรูซาเลม แม้ว่าชีวิตสมรสจะเต็มไปด้วยความขัดแย้ง สมเด็จพระราชินีนาถเมลีแซนเดอทรงเสียพระทัยต่อการจากไปของพระเจ้าฟูล์คทั้งแสดงออกในที่สาธารณะและการส่วนพระองค์ พระเจ้าฟูล์คมีพระราชโอรสสามคน คือ เจฟฟรีย์ที่ประสูติจากชายาคนแรก และเจ้าชายบอลด์วินกับเจ้าชายอามาลริคที่ประสูติแต่พระนางเมลีแซนเดอ
พระเจ้าบอลด์วินที่ 3 ขึ้นสืบราชบัลลังก์เป็นประมุขร่วมกับพระราชชนนี ในปีค.ศ. 1143 การครองราชย์ช่วงต้นรัชกาลของพระองค์เป็นการทะเลาะขัดแย้งกับพระราชชนนีอย่างรุนแรงในเรื่องสิทธิในการครอบครองเยรูซาเลม จนกระทั่งค.ศ. 1153 เมื่อพระองค์สามารถยึดครองอำนาจของรัฐบาลภายใต้พระองค์เอง สมเด็จพระราชินีนาถเมลีแซนเดอสละราชบัลลังก์ พระองค์กับพระราชชนนีก็ไกล่เกลี่ยกันภายหลัง พระราชชนนีเมลีแซนเดอสวรรคตในปีค.ศ. 1161 ส่วนพระเจ้าบอลด์วินที่ 3 สวรรคตในปีค.ศ. 1163 โดยไร้รัชทายาท ราชอาณาจักรสืบทอดไปยังพระราชอนุชา ครองราชย์เป็น พระเจ้าอามาลริคที่ 1 แม้ว่าจะมีความขัดแย้งในหมู่ขุนนางกับพระมเหสีในพระเจ้าอามาลริค คือ อานแย็สแห่งกูร์เตอแน แต่พวกเขาก็ยินดีที่จะยอมรับการสมรสนี้ในปีค.ศ. 1157 ในช่วงที่พระเจ้าบอลด์วินที่ 3 ยังคงสามารถสืบทายาทได้ แต่ในช่วงนี้สภาฮูตกูร์ปฏิเสธที่จะยอมรับอามาลริคเป็นกษัตริย์ จนกว่าพระองค์จะยอมหย่าขาดจากพระราชินีอานแย็ส ความเป็นปฏิปักษ์ต่อพระราชินีอานแย็สนั้นต้องยอมรับว่าอาจกล่าวเกินจริงโดยนักพงศาวดารร่วมสมัยอย่าง วิลเลียมแห่งไทร์ ซึ่งอคติจากการที่พระราชินีอานแย็สกีดกันไม่ให้เขารับตำแหน่งอัครบิดรแห่งเยรูซาเลมในช่วงทศวรรษต่อมา และผู้สืบทอดงานของวิลเลียม คือ เออร์โนลด์ ได้กล่าวถึงบุคลิกของพระนางในด้านศีลธรรมว่า "ไม่ควรมีพระราชินีเช่นนี้ในเมืองอันศักดิ์สิทธิ์อย่างเยรูซาเลม" ("car telle n'est que roine doie iestre di si haute cite comme de Jherusalem")
แต่อย่างไรก็ตาม ข้อหาความสัมพันธ์ร่วมวงศ์ตระกูลเดียวกันก็เพียงพอแล้วสำหรับฝ่ายที่จะโค่นพระนางออกจากตำแหน่งราชินี พระเจ้าอามาลริคทรงเห็นด้วยและขึ้นสืบราชบัลลังก์อย่างเป็นทางการโดยปราศจากพระราชินี แต่อานแย็สยังครองตำแหน่งเคานท์เตสแห่งจัฟฟาและอัสเคลอน และได้รับเงินรายได้จากศักดินาที่ดิน คริสตจักรตัดสินว่าทายาทของพระเจ้าอามาลริคกับอดีตพระราชินีอานแย็สนั้นเป็นทายาทที่ชอบโดยกฎหมาย และยังคงลำดับการสืบราชสันตติวงศ์ดังเดิม ต่อมาพระโอรสธิดาของอานแย็สจะมีอำนาจสูงในเยรูซาเลมเป็นเวลาเกือบ 20 ปี พระเจ้าอามาลริคสวรรคตและสืบบัลลังก์โดยพระโอรสที่ประสูติแต่อานแย็ส คือ พระเจ้าบอลด์วินที่ 4
อานแย็สแห่งกูร์เตอแนสมรสใหม่กับเรย์นัลด์แห่งซีดง และสมเด็จพระพันปีหลวงมาเรีย โคมเนเนเสกสมรสกับเบเลียนแห่งอีเบลิน ในปีค.ศ. 1177 พระราชธิดาของพระเจ้าอามาลริคที่ประสูติแต่อานแย็ส คือ เจ้าหญิงซีบิลลา มีความพร้อมด้านพระชันษา และพร้อมมีทายาท และมีสถานะที่มั่นคงในการสืบราชบัลลังก์ต่อจากพระอนุชา แต่พระราชธิดาของพระเจ้าอามาลริคที่ประสูติแต่พระพันปีหลวงมาเรีย คือ เจ้าหญิงอิซาเบลลา ทรงได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวของพระบิดาเลี้ยง คือ พวกตระกูลอีเบลิน
ในปีค.ศ. 1179 พระเจ้าบอลด์วินที่ 4 เริ่มต้นวางแผนให้เจ้าหญิงซีบิลลาเสกสมรสกับอูกที่ 3 ดยุกแห่งบูร์กอญ หลังจากพระสวามีองค์แรกของเจ้าหญิงสิ้นพระชนม์ แต่ในฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 1180 แผนนี้ก็ไม่ได้ดำเนินการ เรย์มอนด์ที่ 3 เคานท์แห่งตริโปลีพยายามก่อการรัฐประหาร โดยระดมพลในเยรูซาเลมร่วมกับโบฮีมอนด์ที่ 3 แห่งแอนติออก ในการบีบบังคับให้กษัตริย์จัดการเสกสมรสของพระเชษฐภคินีกับขุนนางท้องถิ่นที่เขาเลือก อาจจะเป็น บอลด์วินแห่งอีเบลิน พี่ชายของเบเลียน เพื่อต่อต้านแผนการนี้ กษัตริย์ทรงรีบจัดงานเสกสมรสของพระขนิษฐากับกีแห่งลูซียง น้องชายของอามาลริค กรมวังของราชอาณาจักร การจับคู่กับชาวต่างชาติเป็นสิ่งจำเป็นที่สามารถนำความช่วยเหลือทางทหารจากภายนอกเข้ามาในราชอาณาจักรได้ เมื่อพระเจ้าฟีลิปที่ 2 แห่งฝรั่งเศสยังทรงพระเยาว์ สถานะของกีคือเป็นขุนนางของกษัตริย์ฝรั่งเศส และพระญาติของเจ้าหญิงซีบิลลาคือ พระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษ ผู้ซึ่งเป็นหนี้ในการแสวงบุญของสมเด็จพระสันตะปาปา พันธมิตรทั้งสองนี้จำเป็นสำหรับเยรูซาเลม
ในปีค.ศ. 1182 พระเจ้าบอลด์วินที่ 4 ก็เริ่มทรงทุพพลภาพมากขึ้น จากพระอาการโรคเรื้อน พระองค์ทรงแต่งตั้งกีเป็น บาอิลลี เรย์มอนด์ต่อต้านเรื่องนี้ แต่เมื่อกีไม่เป็นที่โปรดปรานของกษัตริย์บอลด์วินอีกต่อไปแล้ว ในปีถัดมาเรย์มอนด์ได้รัยการแต่งตั้งเป็นบาอิลลีใหม่อีกครั้ง และได้รับสิทธิในการครอบครองเบรุต พระเจ้าบอลด์วินหันมาทำข้อตกลงกับเรย์มอนด์และสภาฮุตกูร์ ให้บอลด์วินแห่งมงแฟรา พระโอรสของเจ้าหญิงซีบิลลาที่ประสูติแต่พระสวามีองค์แรก ให้มีสิทธิสืบบัลลังก์ก่อนซีบิลลาและกี บอลด์วินองค์น้อยได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ร่วมของพระมาตุลาในปีค.ศ. 1183 ในพระราชพิธีมีเรย์มอนด์เป็นประธาน เป็นที่ตกลงว่าหากยุวกษัตริย์สวรรคตในช่วงที่ยังทรงพระเยาว์ คณะผู้สำเร็จราชการจะเปลี่ยนผ่านไปยัง "ทายาทผู้มีความชอบธรรมที่สุด" และต่อจากนั้นคือเหล่าญาติวงศ์ ได้แก่ กษัตริย์แห่งอังกฤษและฝรั่งเศส และจักรพรรดิฟรีดริชที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสมเด็จพระสันตะปาปาจะสามารถตัดสินชี้ระหว่างสิทธิของซีบิลลาและสิทธิของอิซาเบลลา "ทายาทผู้มีความชอบธรรมที่สุด" เหล่านี้จะไม่ถูกเสนอชื่อ
พระเจ้าบอลด์วินที่ 4 สวรรคตในฤดูใบไม้ผลิ ปีค.ศ. 1185 และพระนัดดาขึ้นสืบบัลลังก์ เรย์มอนด์ได้เป็นบาอิลลี แต่เขาส่งผ่านการเป็นผู้ปกครองของพระเจ้าบอลด์วินที่ 5 ไปยังจอสแลงที่ 3 เคานท์แห่งอีเดสซา อาฝ่ายแม่ของเขา โดยอ้างว่าเขาไม่ต้องการให้แก่ข้อกังขาเมื่อยุวกษัตริย์ที่ดูเหมือนอ่อนแอนั้นสวรรคตขึ้นมา พระเจ้าบอลด์วินที่ 5 สวรรคตในฤดูร้อน ค.ศ. 1186 ที่เอเคอร์ ไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดสนใจในพระราชพินัยกรรมของพระเจ้าบอลด์วินที่ 4
หลังจากพระราชพิธีพระศพ จอสแลงตั้งให้เจ้าหญิงซีบิลลาเป็นผู้สืบสันตติวงศ์ของพระอนุชา แต่พระนางต้องยินยอมที่จะหย่าขาดจากกี เช่นเดียวกับที่พระราชชนกของพระนางหย่าขาดจากพระราชชนนี ด้วยการรับประกันว่าพระนางจะได้รับอนุญาตให้เลือกพระสวามีองค์ใหม่ ในวันราชาภิเษก สมเด็จพระราชินีนาถซีบิลลาทรงสวมมงกุฎให้กับกีทันที ในขณะที่เรย์มอนด์ก็เดินทางไปยังนาบลัสซึ่งเป็นที่พำนักของเบเลียนและสมเด็จพระพันปีหลวงมาเรีย และทำการเรียกประชุมขุนนางที่จงรักภักดีต่อเจ้าหญิงอิซาเบลลาและตระกูลอีเบลิน เรย์มอนด์ต้องการให้เจ้าหญิงอิซาเบลลากับอ็องฟรอยที่ 4 แห่งโตรอน พระสวามีของพระนางสวมมงกุฎเป็นกษัตริย์ แต่อ็องฟรอยมีบิดาเลี้ยงคือ เรย์นัลด์แห่งชาตียง นั้นเป็นพันธมิตรของกี อ็องฟรอยจึงละทิ้งเรย์มอนด์และหันไปถวายความจงรักภักดีต่อซีบิลลาและกี
ราชอาณาจักรเยรูซาเลม : Kingdom of Jerusalem (ค.ศ. 1153 - ค.ศ. 1205) • ราชวงศ์อ็องฌู • | ||||||
พระปรมาภิไธย | พระราชสมภพ | อภิเษกสมรส | สวรรคต | |||
---|---|---|---|---|---|---|
5 | พระเจ้าฟูล์ค (Fulk) ฟลูเกต์ (Foulques) 1131-1143 ร่วมราชบัลลังก์กับเมลีแซนเดอ |
ค.ศ. 1089/1092 พระราชสมภพที่อ็องเฌ ฝรั่งเศส โอรสในฟูล์คที่ 4 เคานท์แห่งอ็องฌูกับแบร์ตาร์ด เดอ มงฟอร์ต |
เออร์เมนการ์ด เคานท์เตสแห่งเมน ค.ศ. 1109 พระโอรสธิดา 4 พระองค์ สมเด็จพระราชินีนาถเมลีแซนเดอแห่งเยรูซาเลม 2 มิถุนายน ค.ศ. 1129 พระราชโอรส 2 พระองค์ |
13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1143 เอเคอร์ ราชอาณาจักรเยรูซาเลม พระชนมายุราว 52 พรรษา | ||
6 | พระเจ้าบอลด์วินที่ 3 (Baldwin III) โบดวงที่ 3 (Baudouin III) 1143-1163 ร่วมราชบัลลังก์กับเมลีแซนเดอ จนถึงปี 1153 |
ค.ศ. 1130 โอรสในพระเจ้าฟูล์คกับสมเด็จพระราชินีนาถเมลีแซนเดอ |
ธีโอโดรา โคมเนเน ค.ศ. 1158 ไม่มีพระราชโอรสธิดา |
10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1163 เบรุต ราชอาณาจักรเยรูซาเลม พระชนมายุราว 33 พรรษา | ||
7 | พระเจ้าอามาลริค (Amalric) อามอรี (Amaury) 1163-1174 |
ค.ศ. 1136 โอรสในพระเจ้าฟูล์คกับสมเด็จพระราชินีนาถเมลีแซนเดอ |
อานแย็สแห่งกูร์เตอแน ค.ศ. 1157 มีพระราชโอรสธิดา 3 พระองค์ มาเรีย โคมเนเน 29 สิงหาคม ค.ศ. 1167 พระราชธิดา 2 พระองค์ |
11 กรกฎาคม ค.ศ. 1174 เยรูซาเลม ราชอาณาจักรเยรูซาเลม พระชนมายุราว 38 พรรษา | ||
8 | พระเจ้าบอลด์วินที่ 4 กษัตริย์เรื้อน (Baldwin IV the Leprous) โบดวงที่ 4 (Baudouin IV) 1174-1185 ร่วมราชบัลลังก์กับบอลด์วินที่ 5 ตั้งแต่ปี 1183 |
ค.ศ. 1161 เยรูซาเลม โอรสในพระเจ้าอามาลริคกับอานแย็สแห่งกูร์เตอแน |
ไม่อภิเษกสมรส | 16 มีนาคม ค.ศ. 1185 เยรูซาเลม ราชอาณาจักรเยรูซาเลม พระชนมายุราว 24 พรรษา | ||
9 | พระเจ้าบอลด์วินที่ 5 (Baldwin V) โบดวงที่ 5 (Baudouin V) 1183-1186 ร่วมราชบัลลังก์กับบอลด์วินที่ 4 จนถึงปี 1185 |
ค.ศ. 1177 โอรสในวิลเลียมแห่งมงแฟรากับสมเด็จพระราชินีนาถซีบิลลาแห่งเยรูซาเลม |
ไม่อภิเษกสมรส | สิงหาคม ค.ศ. 1186 เอเคอร์ ราชอาณาจักรเยรูซาเลม พระชนมายุราว 9 พรรษา | ||
10 | สมเด็จพระราชินีนาถ ซีบิลลา (Sibylla) ซีบิลล์ (Sibylle) 1186-1190 ร่วมราชบัลลังก์กับกี |
ราวค.ศ. 1157 ธิดาในพระเจ้าอามาลริคกับอานแย็สแห่งกูร์เตอแน |
วิลเลียมแห่งมงแฟรา เคานท์แห่งจัฟฟาและอัสเคลอน ค.ศ.1176 พระราชโอรส 1 พระองค์ กีแห่งลูซียง เมษายน ค.ศ. 1180 พระราชธิดา 2 พระองค์ |
25 มกราคม (คาดว่า) ค.ศ. 1190 เอเคอร์ ราชอาณาจักรเยรูซาเลม พระชนมายุราว 40 พรรษา | ||
11 | กีแห่งลูซียง พระเจ้ากี (Guy of Lusignan) กี เดอ ลูซียง (Guy de Lusignan) 1186-1190/1192 ร่วมราชบัลลังก์กับซีบิลลา จนถึงปี 1190 |
ราวค.ศ. 1150 หรือ 1159/1160 โอรสในอูกที่ 8 แห่งลูซียงกับบรูกอญ เดอ ราญกง |
สมเด็จพระราชินีนาถซีบิลลาแห่งเยรูซาเลม เมษายน ค.ศ.1180 พระราชธิดา 2 พระองค์ |
18 กรกฎาคม ค.ศ. 1194 นิโคเซีย ไซปรัส พระชนมายุราว 45 พรรษา | ||
12 | สมเด็จพระราชินีนาถ อิซาเบลลาที่ 1 (Isabella I) อีซาเบลที่ 1 (Isabelle I) 1190/1192-1205 ร่วมราชบัลลังก์กับคอนราด จนถึงปีค.ศ. 1192 ร่วมราชบัลลังก์กับอ็องรีที่ 1 ค.ศ. 1192-1197 ร่วมราชบัลลังก์กับอามาลริคที่ 2 ตั้งแต่ ค.ศ. 1197 |
ราวค.ศ. 1172 นาบลัส ราชอาณาจักรเยรูซาเลม ธิดาในพระเจ้าอามาลริคกับมาเรีย โคมเนเน |
อ็องฟรอยที่ 4 แห่งโตรอน พฤศจิกายน ค.ศ.1183 ไม่มีพระโอรสธิดา คอนราดแห่งมงแฟรา 24 พฤศจิกายน ค.ศ. 1190 พระราชธิดา 1 พระองค์ อ็องรีที่ 2 เคานท์แห่งช็องปาญ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1192 พระราชธิดา 2 พระองค์ อามาลริคแห่งลูซียง มกราคม ค.ศ. 1198 พระราชธิดา 3 พระองค์ |
5 เมษายน ค.ศ. 1205 เอเคอร์ ราชอาณาจักรเยรูซาเลม พระชนมายุราว 33 พรรษา | ||
13 | คอนราดแห่งมงแฟรา พระเจ้าคอนราดที่ 1 (Conrad of Montferrat) 1190/1192-1192 ร่วมราชบัลลังก์กับ อิซาเบลลาที่ 1 |
กลางทศวรรษที่ 1140 มงแฟรา จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ โอรสในวิลเลียมที่ 5 มาร์เควสแห่งมงแฟรากับจูดิธแห่งบาเบ็นแบร์ก |
ไม่ปรากฏนาม ก่อนค.ศ. 1179 ไม่มีโอรสธิดา ธีโอโดรา แองเจลินา ค.ศ. 1186/1187 ไม่มีโอรสธิดา สมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลลาที่ 1 แห่งเยรูซาเลม 24 พฤศจิกายน ค.ศ.1180 พระราชธิดา 1 พระองค์ |
28 เมษายน ค.ศ. 1192 เอเคอร์ ราชอาณาจักรเยรูซาเลม พระชนมายุราว 40 พรรษา | ||
14 | อ็องรีที่ 2 เคานท์แห่งช็องปาญ พระเจ้าอ็องรีที่ 1 (Henry II of Champagne; Henry I) 1192-1197 ร่วมราชบัลลังก์กับ อิซาเบลลาที่ 1 |
29 กรกฎาคม ค.ศ. 1166 ช็องปาญ โอรสในอ็องรีที่ 1 เคานท์แห่งช็องปาญกับมารีแห่งฝรั่งเศส |
สมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลลาที่ 1 แห่งเยรูซาเลม 6 พฤษภาคม ค.ศ.1192 พระราชธิดา 2 พระองค์ |
10 กันยายน ค.ศ. 1197 เอเคอร์ ราชอาณาจักรเยรูซาเลม พระชนมายุราว 31 พรรษา | ||
15 | อามาลริคแห่งลูซียง พระเจ้าอามาลริคที่ 2 (Amalric of Lusignan; Amalric II) อามอรี เดอ ลูซียง (Amaury de Lusignan) 1198-1205 ร่วมราชบัลลังก์กับ อิซาเบลลาที่ 1 |
ค.ศ. 1145 โอรสในอูกที่ 8 แห่งลูซียงกับบรูกอญ เดอ ราญกง |
เอสเชวาแห่งอีเบอลิน ก่อน 29 ตุลาคม ค.ศ. 1114 พระโอรสธิดา 6 พระองค์ สมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลลาที่ 1 แห่งเยรูซาเลม มกราคม ค.ศ.1198 พระราชธิดา 3 พระองค์ |
1 เมษายน ค.ศ. 1205 เอเคอร์ ราชอาณาจักรเยรูซาเลม พระชนมายุราว 60 พรรษา | ||
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.