![cover image](https://wikiwandv2-19431.kxcdn.com/_next/image?url=https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/8/88/Maquereaux_etal.jpg/640px-Maquereaux_etal.jpg&w=640&q=50)
ปลาแมกเคอเรล (อาหาร)
From Wikipedia, the free encyclopedia
ปลาแมกเคอเรลเป็นปลาสำคัญที่บริโภคกันทั่วโลก[1] เพราะมีไขมันสูง ปลาจึงเป็นแหล่งกรดไขมันโอเมกา-3 ที่ดี[2] เนื้อปลาเสียง่ายโดยเฉพาะในเขตร้อน ซึ่งกินแล้วอาจทำให้อาหารเป็นพิษ (scombroid food poisoning) ดังนั้น จึงควรกินในวันที่จับได้ ยกเว้นแช่เย็นหรือถนอมไว้[3]
![Thumb image](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/8/88/Maquereaux_etal.jpg/640px-Maquereaux_etal.jpg)
![Thumb image](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/e/e9/Maquereau_fum%C3%A9_Luc_Viatour_edit.jpg/640px-Maquereau_fum%C3%A9_Luc_Viatour_edit.jpg)
คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม (3.5 ออนซ์) | |
---|---|
พลังงาน | 858 กิโลจูล (205 กิโลแคลอรี) |
13.89 ก. | |
อิ่มตัว | 3.3 ก. |
ไม่อิ่มตัวมีพันธะคู่เดี่ยว | 5.5 ก. |
ไม่อิ่มตัวมีพันธะคู่หลายคู่ | 3.3 ก. 2,670 มก. 219 มก. |
18.60 ก. | |
วิตามิน | |
วิตามินเอ | 167 IU |
ไทอามีน (บี1) | (16%) 0.18 มก. |
ไรโบเฟลวิน (บี2) | (25%) 0.3 มก. |
ไนอาซิน (บี3) | (61%) 9.1 มก. |
(18%) 0.9 มก. | |
วิตามินบี6 | (31%) 0.4 มก. |
โฟเลต (บี9) | (0%) 1.0 μg |
วิตามินบี12 | (363%) 8.7 μg |
คลอรีน | (13%) 65.0 มก. |
วิตามินซี | (0%) 0.4 มก. |
วิตามินดี | (107%) 643 IU |
วิตามินอี | (10%) 1.5 มก. |
วิตามินเค | (5%) 5.0 μg |
แร่ธาตุ | |
แคลเซียม | (1%) 12 มก. |
เหล็ก | (13%) 1.63 มก. |
แมกนีเซียม | (21%) 76 มก. |
ฟอสฟอรัส | (31%) 217 มก. |
โพแทสเซียม | (7%) 314 มก. |
โซเดียม | (6%) 90 มก. |
สังกะสี | (7%) 0.63 มก. |
องค์ประกอบอื่น | |
น้ำ | 63.55 ก. |
คอเลสเตอรอล | 70.0 มก. |
ประมาณร้อยละคร่าว ๆ โดยใช้การแนะนำของสหรัฐสำหรับผู้ใหญ่ แหล่งที่มา: USDA FoodData Central |
การถนอมปลาให้สดไม่ใช่เรื่องง่าย ก่อนการอัดปลากระป๋องและการแช่เย็นในคริสต์ทศวรรษที่ 19 การหมักเกลือและการรมควันเป็นวิธีหลักที่ใช้[4] ในประวัติประเทศอังกฤษ ปลาจะไม่ผ่านการถนอมอาหาร แต่จะกินสด ๆ เท่านั้น แต่ปลาเสียก็เป็นเรื่องสามัญ ทำให้มีนักเขียนถึงกับกล่าวไว้ว่า "มีการพูดถึงปลาแมกเคอเรลเหม็นในวรรณกรรมอังกฤษมากกว่าปลาอื่น ๆ ทั้งหมด"[5] ในประเทศฝรั่งเศส ปลามักจะหมักเกลือ จึงสามารถขายได้ทั่วประเทศ[5]
ในประเทศญี่ปุ่น ปลามักจะถนอมด้วยเกลือและน้ำส้มสายชูเพื่อทำซูชิชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ซูชิปลาซาบะ เป็นอาหารที่ตามประวัติมาจากจังหวัดเกียวโต เป็นวิธีการแก้ปัญหาขนส่งปลาแมกเคอเรลไปยังเมืองภายในเกาะต่าง ๆ ซึ่งถ้าไม่ถนอมแล้ว จะเป็นปลาไม่สด[6] ถนนที่เชื่อมอ่าวโอบามะกับเกียวโตปัจจุบันเรียกว่า ถนนซาบะ (saba-kaido)
ระดับปรอทที่พบในปลาต่างกันมาขึ้อยู่กับสปีชีส์ หรือแม้แต่ในสปีชีส์เดียวกันแต่จับได้ในที่ต่างกัน แต่ก็ดูเหมือนจะสัมพันธ์กับขนาดของปลามากที่สุด เพราะปลาขนาดใหญ่อยู่ในโซ่อาหารระดับสูงกว่า[7] ตามองค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) king mackerel (Scomberomorus cavalla) บวกกับปลากระโทงดาบ ฉลาม และปลาในวงศ์ Malacanthidae (tilefish) เป็นปลาที่เด็กและหญิงมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงเพราะมีปรอทสูง จึงเสี่ยงภาวะปรอทเป็นพิษ[8][9]
Okhotsk atka mackerel ประเทศญี่ปุ่น ขนมปังไรย์กับปลา "pepper mackerel" รมควัน ประเทศเดนมาร์ก ปลาแมกเคอเรลย่างกับ dill butter ประเทศสวีเดน horse-mackerel ย่างกับกระเทียมพริกไทย ประเทศสเปน Godeungeo jorim ทำด้วยปลาแมกเคอเรล หัวไชเท้า และเครื่องเทศ เกาหลี