ประเทศฮังการี
สาธารณรัฐในยุโรปกลางตอนตะวันออก / From Wikipedia, the free encyclopedia
ฮังการี (อังกฤษ: Hungary, ฮังการี: Magyarország [ˈmɒɟɒrorsaːɡ] ( ฟังเสียง) มอดยอโรรฺซาก) เป็นประเทศในภูมิภาคยุโรปกลางที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล[2] มีอาณาเขตทิศเหนือจรดประเทศสโลวาเกีย ทิศตะวันออกจรดประเทศโรมาเนียและประเทศยูเครน ทิศใต้จรดประเทศเซอร์เบียและประเทศโครเอเชีย ทิศตะวันตกเฉียงใต้จรดประเทศสโลวีเนียและทิศตะวันตกจรดประเทศออสเตรีย ชื่อประเทศฮังการีในภาษาฮังการี แปลว่า "ประเทศของชาวม็อจยอร์" (Country of the Magyars) ประเทศฮังการีมีพื้นที่ 93,030 ตารางกิโลเมตร ซึ่งมีอาณาเขตเพียงร้อยละ 28 ของพื้นที่ราชอาณาจักรฮังการีเดิมก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โดยพื้นที่ปัจจุบันนับเป็นอันดับที่ 110 ของโลก[13] โดยมีลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบในที่ราบพันโนเนีย และมีประชากร 9,919,128 คน นับเป็นอันดับที่ 90 ของโลก[14] ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวม็อจยอร์ ใช้ภาษาฮังการีเป็นภาษาราชการซึ่งเป็นหนึ่งในภาษาทางการไม่กี่ภาษาของสหภาพยุโรป ที่ไม่ได้มีต้นกำเนิดเป็นกลุ่มภาษาอินโด-ยูโรเปียน ร่วมกับภาษาเอสโตเนีย ภาษาฟินแลนด์ และภาษามอลตา เมืองที่ใหญ่ที่สุดและเป็นเมืองหลวงของประเทศคือบูดาเปสต์ เมืองสำคัญอื่น ๆ ได้แก่ แดแบร็ตแซ็น แซแก็ด มิชโกลส์ เปช และ เยอร์
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
ฮังการี Magyarország (ฮังการี) | |
---|---|
ที่ตั้งของ ประเทศฮังการี (เขียวเข้ม) – ในยุโรป (เขียว & เทาอ่อน) | |
เมืองหลวง และเมืองใหญ่สุด | บูดาเปสต์ 47°26′N 19°15′E |
ภาษาราชการ | ฮังการี[2] |
กลุ่มชาติพันธุ์ (การสำมะโนจุลภาค ค.ศ. 2016) | |
ศาสนา (การสำมะโนประชากร ค.ศ. 2011)[4] |
|
เดมะนิม | ชาวฮังการี |
การปกครอง | สาธารณรัฐรัฐสภา ระบอบรัฐสภาแบบรัฐเดี่ยว |
• ประธานาธิบดี | ทามาส ซูลีออค |
• นายกรัฐมนตรี | วิกโตร์ โอร์บาน |
• ประธานสมัชชาแห่งชาติ | ลัซสโล คูวาร์ |
สภานิติบัญญัติ | สมัชชาแห่งชาติ |
ก่อตั้ง | |
• ราชรัฐฮังการี | ค.ศ. 895[5] |
25 ธันวาคม ค.ศ. 1000[6] | |
• สารตราทอง ค.ศ. 1222 | 24 เมษายน ค.ศ. 1222 |
29 สิงหาคม ค.ศ. 1526 | |
• การปลดปล่อยบูดา | 2 กันยายน ค.ศ. 1686 |
15 มีนาคม ค.ศ. 1848 | |
30 มีนาคม ค.ศ. 1867 | |
4 มิถุนายน ค.ศ. 1920 | |
23 ตุลาคม ค.ศ. 1989 | |
1 พฤษภาคม ค.ศ. 2004 | |
1 มกราคม ค.ศ. 2012 | |
พื้นที่ | |
• รวม | 93,030[7] ตารางกิโลเมตร (35,920 ตารางไมล์) (อันดับที่ 108) |
3.7[8] | |
ประชากร | |
• 2021 ประมาณ | 9,730,000[9] (อันดับที่ 91) |
105 ต่อตารางกิโลเมตร (271.9 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 78) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | 2021 (ประมาณ) |
• รวม | 359.901 ล้านดอลลาร์[10] (อันดับที่ 53) |
• ต่อหัว | 36,848 ดอลลาร์[10] (อันดับที่ 41) |
จีดีพี (ราคาตลาด) | 2021 (ประมาณ) |
• รวม | 180.959 ล้านดอลลาร์[10] (อันดับที่ 53) |
• ต่อหัว | 18,527 ดอลลาร์สหรัฐ [10] (อันดับที่ 45) |
จีนี (2020) | 28.3[11] ต่ำ |
เอชดีไอ (2019) | 0.854[12] สูงมาก · อันดับที่ 40 |
สกุลเงิน | โฟรินต์ (HUF) |
เขตเวลา | UTC+1 (CET) |
UTC+2 (CEST) | |
รูปแบบวันที่ | ปปปป/ดด/วว |
ขับรถด้าน | ขวา |
รหัสโทรศัพท์ | +36 |
โดเมนบนสุด | .hu[a] |
|
ดินแดนของฮังการีในปัจจุบันมีผู้เข้ามาอาศัยอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายศตวรรษ รวมถึงชาวเคลต์, โรมัน, เจอร์แมนิก, ฮัน, สลาฟตะวันตก และอาวาร์ รากฐานของรัฐฮังการีได้รับการสถาปนาขึ้นในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 9 โดยอาร์ปาด เจ้าชายหัวหน้าเผ่าฮังการี หลังจากการพิชิตที่ราบพันโนเนีย[15][16] พระเจ้าอิชต์วานที่ 1 เหลนของเขาได้ขึ้นครองราชย์ใน ค.ศ. 1000 พระองค์เปลี่ยนอาณาจักรของพระองค์เป็นอาณาจักรคริสเตียน เมื่อถึงคริสต์ศตวรรษที่ 12 ฮังการีกลายเป็นมหาอำนาจในภูมิภาค และเข้าสู่ยุครุ่งเรืองทางวัฒนธรรมและการเมืองในคริสต์ศตวรรษที่ 15[17] หลังจากยุทธการที่โมฮัชจ์ใน ค.ศ. 1526 บางส่วนของฮังการีถูกยึดครองโดยจักรวรรดิออตโตมัน (ค.ศ. 1541–1699) ต่อมาก็อยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ฮาพส์บวร์คในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 และต่อมาได้ร่วมกับออสเตรียก่อตั้งจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีซึ่งเป็นมหาอำนาจของยุโรป[18]
จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีล่มสลายหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และสนธิสัญญาทรียานงได้กำหนดเขตแดนของฮังการีตามที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ส่งผลให้สูญเสียดินแดนร้อยละ 71, ประชากรร้อยละ 58 และกลุ่มชาติพันธุ์ฮังการีร้อยละ 32[19][20][21] หลังจากสมัยระหว่างสงครามที่วุ่นวาย ฮังการีเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะในสงครามโลกครั้งที่สอง โดยได้รับความเสียหายมีผู้ล้มตายจำนวนมาก[22][23] ฮังการีกลายเป็นรัฐบริวารของสหภาพโซเวียตซึ่งมีส่วนทำให้เกิดการสถาปนาสาธารณรัฐสังคมนิยมซึ่งดำรงอยู่ถึงสี่ทศวรรษ (ค.ศ. 1949[24]–1989[25]) ประเทศนี้ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในระดับสากลอันเป็นผลมาจากการปฏิวัติใน ค.ศ. 1956 และการเปิดพรมแดนด้านที่ติดกับออสเตรียใน ค.ศ. 1989 ซึ่งเร่งการล่มสลายของกลุ่มตะวันออก[26][27] และในวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 1989 ฮังการีได้กลายเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยระบบรัฐสภา[28]
ในคริสต์ศตวรรษที่ 21 ฮังการีเป็นประเทศอำนาจปานกลาง และมีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกอันดับ 57 จากการจัดอันดับราคาตลาดตามผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ และมีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดตามภาวะเสมอภาคของอำนาจซื้อเป็นอันดับที่ 58 จาก 191 ประเทศ ซึ่งวัดโดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ในฐานะผู้ดำเนินการที่สำคัญในภาคอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ[29] ฮังการีเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดในโลกเป็นอันดับที่ 35 และผู้นำเข้าสินค้ารายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 34 ฮังการีเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่มีรายได้สูงพร้อมกับมาตรฐานการครองชีพที่สูงมาก[30][31] มีระบบหลักประกันสังคมและหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า รวมถึงการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยโดยไม่เสียค่าเล่าเรียน[32][33] ฮังการีมีผลการดำเนินงานที่ดีในระดับสากล โดยติดอันดับที่ 20 ในด้านคุณภาพชีวิต, อันดับที่ 24 ในดัชนีประเทศที่ดี, อันดับที่ 28 ของดัชนีการพัฒนามนุษย์ซึ่งปรับตัวเลขความไม่เท่าเทียมกันในสังคมแล้ว, อันดับที่ 32 ในดัชนีความก้าวหน้าทางสังคม, อันดับที่ 33 ในดัชนีนวัตกรรมระดับโลก และติดอันดับประเทศที่ปลอดภัยที่สุดเป็นอันดับที่ 15 ของโลก
ประเทศฮังการีเข้าร่วมสหภาพยุโรปใน ค.ศ. 2004 และเป็นส่วนหนึ่งของเขตเชงเกนตั้งแต่ ค.ศ. 2007[34] ฮังการีเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ องค์การการค้าโลก ธนาคารโลก ธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย สภายุโรป กลุ่มวิแชกราด และอื่น ๆ[35] ฮังการีเป็นที่รู้จักกันดีจากประวัติศาสตร์เชิงวัฒนธรรมอันยาวนาน โดยมีส่วนสำคัญในด้านศิลปะ ดนตรี วรรณคดี กีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี[36][37][38][39] ฮังการีเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นอันดับที่ 11 ในฐานะแหล่งท่องเที่ยวในยุโรป โดยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 24.5 ล้านคนใน ค.ศ. 2019[40] และฮังการียังเป็นที่ตั้งของระบบถ้ำบ่อน้ำร้อนที่ใหญ่ที่สุดและทะเลสาบน้ำร้อนที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปกลาง และทุ่งหญ้าธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป[41][42]