จ้าว หย่าจือ
นักแสดงหญิงชาวฮ่องกง / From Wikipedia, the free encyclopedia
จ้าว หย่าจือ (จีน: 趙雅芝; พินอิน: Zhào Yǎzhī กวางตุ้ง:Ziu3 Ngaa2 Zi1; อังกฤษ:Angie Chiu) เธอมีชื่อเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า แองจี้ ชิว เป็นนักแสดงหญิงชาวฮ่องกง ที่อดีตเคยโด่งดังมากและได้รับความนิยมทั่วเอเชีย ในช่วงยุค 70s-80s ในยุคสมัยนั้นเธอขึ้นชื่อว่าเป็นนักแสดงหญิงที่มีใบหน้าที่สวยงามโดดเด่นมาก จนได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักแสดงสาวที่มีใบหน้าสวยงามมากที่สุดคนหนึ่งของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ปัจจุบันเธอมีฉายาว่า "สาวสองพันปี" ส่วนผลงานละครที่เธอรับบทแสดงนำ ก็ล้วนแล้วแต่ได้รับความนิยมอย่างสูง จนขึ้นมาเป็น 1 ใน 4 ดรุณีหยกรุ่นแรกและรุ่นสองแห่งยุคทศวรรษที่ 70 ของทางช่องสถานีโทรทัศน์ทีวีบี [1][2][3][4][5][6][7]
จ้าว หย่าจือ | |
---|---|
สารนิเทศภูมิหลัง | |
เกิด | 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2497 (69 ปี) จ้าวหย่าจือ ฮ่องกง |
คู่สมรส | "หวงฮั่นเหว่ย" (พ.ศ. 2518-2526) "หวงจิ่นเซิน" (พ.ศ. 2527-ปัจจุบัน) |
อาชีพ | นักแสดง |
ปีที่แสดง | พ.ศ. 2518-ปัจจุบัน |
ผลงานเด่น | -บท จิวจี้เยี้ยก จาก ดาบมังกรหยก (พ.ศ. 2521) -บท แชแช จาก ฤทธิ์ดาบวงพระจันทร์ (พ.ศ. 2522) -บท โซวย่งย้ง จาก ชอลิ่วเฮียง ตอน สยบบ้อฮวย (พ.ศ. 2522) -บท ฝงฉิงฉิง จาก เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (พ.ศ. 2523) -บท เจ้าแม่กวนอิม เรื่อง "กำเนิดเจ้าแม่กวนอิม" (พ.ศ. 2528) -บท ไป๋ซู่เจิน เรื่อง นางพญางูขาว (พ.ศ. 2535) |
สังกัด | -สถานีโทรทัศน์ทีวีบี -สถานีโทรทัศน์เอทีวี |
ฐานข้อมูล | |
IMDb |
จ้าวหย่าจือ เกิดที่เกาลูน ในฮ่องกง เธอจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมปลายจากโรงเรียนมัธยม "เทียนจู่ฉงเต๋อ" ก่อนเข้าวงการบันเทิงเธอมีอาชีพเป็นแอร์โฮสเตส มาก่อน หลังจากนั้นได้เข้าสู่วงการบันเทิงจากการผลักดันส่งเสริมของคุณแม่ให้เข้าร่วมประกวดนางงามฮ่องกง ในปีพ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) ด้วยใบหน้าที่สวยงามอ่อนหวานโด่ดเด่นของเธอและหุ่นที่สูงตามมาตรฐานนางงาม อีกทั้งยังมีคุณสมบัติด้านอื่น ๆ ที่เพียบพร้อม จึงทำให้เธอเป็นตัวเก็งว่าจะสามารถคว้ามงกุฎชนะเลิศบนเวทีการประกวดนางงามฮ่องกงของปีนั้น และเธอก็มีคะแนนนำนางงามคนอื่น ๆ ในรอบชุดว่ายน้ำ แต่แล้วเธอก็มาพลาดในรอบตอบคำถาม จึงทำให้เธอได้ตำแหน่งรองอันดับสามมาแทน ต่อมาก็ได้เป็นนักแสดงในสังกัดสถานีโทรทัศน์ทีวีบี โดยแรกเริ่มได้เป็นพิธีกรในรายการเกมส์โชว์รายการหนึ่ง หลังจากนั้นอีก 2 ปีเธอจึงเริ่มงานแสดงโดยประเดิมผลงานละครชิ้นแรก ที่ทำให้เธอเริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดง คือเรื่อง คลื่นชะตาชีวิต (Move On 1975) ซึ่งเป็นละครในปีพ.ศ. 2518 หลังจากนั้นก็มีผลงานตามมาอีกมากมาย จนถึงผลงานที่ทำให้เธอแจ้งเกิดและเริ่มโด่งดังขึ้นมาในระดับเอเชีย จากการสวมบทบาทเป็น จิวจี้เยี้ยก ในเรื่อง ดาบมังกรหยก เวอร์ชันปีพ.ศ. 2521 (Heaven Sword and Dragon Sabre 1978) ที่เธอได้ร่วมแสดงกับดาราดังของทางค่ายทั้ง 2 คนคือ เจิ้งเส้าชิว และ วังหมิงฉวน
จ้าวหย่าจือ ถือได้ว่าเป็นนักแสดงสาวที่โชคดีมากคนหนึ่งเพราะทางค่ายทีวีบีมักจะให้เธอแสดงประกบกับพระเอกชื่อดังระดับแนวหน้าของทางช่องในยุคนั้น อย่าง โจวเหวินฟะ, หลิวสงเหยิน และเจิ้งเส้าชิว อยู่เสมอ จนทั้งสามคนกลายเป็นพระเอกคู่บุญของเธอทางจอแก้ว ผลงานละครอันโด่งดังกับทั้งสามพระเอก เช่น ฤทธิ์ดาบวงพระจันทร์ (God of Sabre 1979) ประกบกับหลิวสงเหยิน, ชอลิ้วเฮียง (Chor Lau-heung 1979) ประกบกับ เจิ้งเส้าชิว และผลงานยอดนิยมสูงสุดตลอดกาล อย่างเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (The Bund 1980) ประกบกับ โจวเหวินฟะ ซึ่งทั้งสามผลงานยอดนิยมดังกล่าว ทำให้เธอมีชื่อเสียงโด่งดังในระดับเอเชียเป็นอย่างมากและกลายเป็นนักแสดงหญิงแถวหน้าคนหนึ่งในวงการจอแก้ว นอกจากนี้เธอยังมีผลงานละครดังเรื่องอื่น ๆ ที่สร้างชื่อเสียงให้กับเธอตามมาอีกหลายเรื่อง เช่น จิ้งจอกภูเขาหิมะ (The Flying Fox of Snowy Mountain 1985), ขุนศึกตระกูลหยาง (The Yang's Saga 1985) และ กำเนิดเจ้าแม่กวนอิม (Reincarnated Princess 1985) ซึ่งละครเหล่านี้ต่างเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซของเธอกับทางค่ายทีวีบี โดยเฉพาะบท "เจ้าแม่กวนอิม" ที่เธอสวมบทบาทนี้ออกมาได้อย่างสง่างามและมีเมตตามาก ทำให้คนดูละครในตอนนั้นต่างพากันชื่นชมการแสดงของเธอในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ต่อมาในปีพ.ศ. 2529 ในขณะที่เธอยังคงมีชื่อเสียงอยู่นั้น เธอกลับตัดสินใจหันหลังให้กับวงการบันเทิงเพื่อไปเป็นแม่บ้านเต็มตัว จึงเป็นเหตุให้ชื่อเสียงของเธอห่างหายไปจากความนิยม
จนกระทั่งในปีพ.ศ. 2531 เธอได้กลับเข้าสู่วงการบันเทิงอีกครั้งโดยไปเป็นนักแสดงให้กับทางไต้หวันแทน และผลงานที่ทำให้เธอเริ่มกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งคือ เรื่อง เฉียงหลง จอมราชันย์ ภาค 1 (The Chronicles of Emperor Qianlong 1991) ซึ่งเรื่องนี้เธอได้กลับมาร่วมนำแสดงกับดาราคู่ขวัญในอดีต อย่าง เจิ้งเส้าชิว และผลงานถัดมาที่ทำให้เธอกลับมาโด่งดังเปรี้ยงปร้างอีกครั้ง คือละครเรื่อง ตำนานนางพญางูขาว (The Legend of White Snake 1992) ซึ่งเป็นละครที่มีเรตติ้งติดท็อปเท็นสูงสุดตลอดกาลทั้งในไต้หวันและจีนแผ่นดินใหญ่ กลายเป็นอีกหนึ่งผลงานยอดนิยมสูงสุดตลอดกาลเรื่องหนึ่งในชีวิตการแสดงของเธอ และทำให้เธอขึ้นแท่นนางเอกเบอร์หนึ่งของทางฝั่งไต้หวันที่มีค่าตัวแพงที่สุดในตอนนั้น นอกจากนี้เธอยังมีผลงานละครเด่น ๆ กับทางไต้หวัน เช่น จิ๋นซีฮ่องเต้ เหนือรักเหนือแผ่นดิน (秦始皇与阿房女 1995) เป็นต้น จนกระทั่งหมดสัญญาการเป็นนักแสดงกับทางไต้หวันในปีพ.ศ. 2539 ประจวบเหมาะกับการหมดยุคทองของทั้งละครชุดฮ่องกงและไต้หวัน เธอก็ได้ห่างหายจากวงการบันเทิงอีกครั้ง
ในปีพ.ศ. 2544 หลังจากที่ได้ห่างหายจากวงการละครไปนานหลายปี เธอก็ได้กลับมารับเล่นละครในฮ่องกงอีกครั้ง โดยมีผลงานกับทางสถานีโทรทัศน์เอทีวี ในเรื่อง สุภาพบุรุษหัวใจสีชมพู (True Love 2001) ตามมาในปีพ.ศ. 2546 เธอได้มีผลงานการแสดงกับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ในเรื่อง เลือดนักสู้จอมทระนง (Point of No Return 2003) ซึ่งทั้ง 2 เรื่องเธอได้ร่วมแสดงนำกับดาราชายคู่ขวัญในอดีตของเธออีกคน คือ หลิวสงเหยิน และทั้งสองเรื่องนี้ต่างก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ชม ในปีถัดมา พ.ศ. 2547 เธอได้เล่นรับเชิญในละครเรื่อง ยอดขุนศึกวีรบุรุษตระกูลหยาง (Warriors of The Yang Clan 2004) ซึ่งเป็นละครโทรทัศน์ที่ผลิตโดยบริษัท ซีทีวี ของจีน ที่ร่วมมือกับผู้ผลิตจากสามประเทศ โดยใช้นักแสดงทั้งของชาวจีน, ไต้หวัน, ฮ่องกง และเกาหลี มาแสดงร่วมกัน โดยที่เนื้อเรื่องมีการดัดแปลงโครงเรื่องมาจากขุนศึกตระกูลหยาง หลังจากนั้นเป็นต้นมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน เธอก็ยังคงมีผลงานการแสดงละครโทรทัศน์ ทั้งในฮ่องกง,ไต้หวัน และจีนแผ่นดินใหญ่ พร้อม ๆ กับแบ่งเวลาให้กับการดูแลครอบครัว และธุรกิจเสื้อผ้าของตัวเธอเอง