การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศมาเลเซีย
From Wikipedia, the free encyclopedia
การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศมาเลเซีย เป็นส่วนหนึ่งของการแพร่ระบาดทั่วโลกของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์กลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง 2 (SARS-CoV-2) การตอบสนองทางการแพทย์และการเตรียมพร้อมต่อการระบาดของโรคในประเทศมาเลเซียอยู่ภายใต้การดูแลของอธิบดีสาธารณสุข นูร์ ฮิชัม อับดุลละฮ์ ภายใต้กระทรวงสาธารณสุขของสองรัฐบาลที่ต่อเนื่องกัน[2] โดยผู้ป่วยรายแรกในประเทศมาเลเซียได้รับการยืนยันในกลุ่มนักเดินทางจากประเทศจีน สู่รัฐยะโฮร์ ผ่านประเทศสิงคโปร์เมื่อวันที่ 25 มกราคม[3][4] ในขณะที่การระบาดในขั้นต้นจำกัดเฉพาะผู้ป่วยขาเข้า แต่คลัสเตอร์ในประเทศหลายแห่งได้เกิดขึ้นในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2021 สิ่งที่น่าสังเกตมากที่สุดคือการชุมนุมทางศาสนา ตับลีฆญะมาอะห์ ในกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นอย่างมากของผู้ป่วยในประเทศ และผู้ป่วยขาเข้าในประเทศเพื่อนบ้าน[5] ภายในสิ้นเดือนมีนาคม จำนวนผู้ป่วยทั้งหมดเพิ่มขึ้นจาก 30 รายเป็น 2,000 ราย ที่มีอยู่ในทุกรัฐและดินแดนสหพันธ์ในประเทศ
การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศมาเลเซีย | |
---|---|
ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันแบ่งตามรัฐ (อาณาเขต) ณ เดือนเมษายน ค.ศ. 2021 | |
แผนที่การแพร่กระจายของผู้ป่วยโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันแบ่งตามเขต (เมือง) ณ เดือนเมษายน ค.ศ. 2021 | |
แผนที่การแพร่กระจายของผู้ป่วยโควิด-19 แบ่งตามเขตเมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2021 | |
โรค | โควิด-19 |
สายพันธุ์ไวรัส | ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) |
สถานที่ | ประเทศมาเลเซีย |
การระบาดครั้งแรก | อู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน |
ผู้ป่วยต้นปัญหา | ซูไงบูโละฮ์ รัฐเซอลาโงร์ |
วันที่ | 18 มีนาคม ค.ศ. 2020 |
ผู้ป่วยยืนยันสะสม | 2,840,225 คน |
ผู้ป่วยปัจจุบัน | 40,761 คน[1] |
หาย | 2,741,355 คน[1] |
เสียชีวิต | 31,918 คน |
อัตราการเสียชีวิต | 1.16 เปอร์เซ็นต์ |
การฉีดวัคซีน |
|
เว็บไซต์ของรัฐบาล | |
covid-19 |
เพื่อตอบสนองต่อผู้ป่วยที่เพิ่มสูงขึ้น รัฐบาลมาเลเซียซึ่งนำโดยนายกรัฐมนตรี มุฮ์ยิดดิน ยัซซิน ได้กำหนดให้มีการล็อกดาวน์ทั่วประเทศที่เรียกว่ามาตรการควบคุมการสัญจร ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 18 มีนาคม ค.ศ. 2020[6][7][8] เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม มาตรการควบคุมการสัญจรเหล่านี้ได้ทำให้การติดเชื้อในชีวิตประจำวันลดลงทีละน้อย ในการตอบสนอง รัฐบาลมาเลเซียมีความคืบหน้าในการผ่อนปรนข้อจำกัดการล็อกดาวน์ในเฟสที่ซวดเซ ซึ่งเริ่มต้นด้วย "มาตรการควบคุมการสัญจรแบบมีเงื่อนไข" (CMCO) ในวันที่ 4 พฤษภาคม ค.ศ. 2020[9] ตามด้วย "มาตรการควบคุมการสัญจรในระยะฟื้นฟู" (RMCO) ในวันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ. 2020[10] รัฐบาลมาเลเซียวางแผนที่จะยุติมาตรการควบคุมการสัญจรในระยะฟื้นฟูในปลายเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2020 แต่เนื่องจากมีการตรวจพบผู้ป่วยเข้าอย่างต่อเนื่องจึงมีการขยายมาตรการออกไปจนถึงสิ้นปีดังกล่าว[11][12][13]
การติดเชื้อ-19 ระลอกที่สามในประเทศเกิดขึ้นจากการเลือกตั้งของรัฐซาบะฮ์เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 2020 และการระบาดหลายครั้งที่โรงงานท็อปโกลฟในช่วงปลาย ค.ศ. 2020[14][15] เพื่อเป็นการตอบสนองต่อผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วประเทศในช่วงปลาย ค.ศ. 2020 และต้น ค.ศ. 2021 รัฐบาลมาเลเซียได้คืนสถานะข้อจำกัดการบังคับใช้มาตรการควบคุมการสัญจรแบบมีเงื่อนไข และมาตรการควบคุมการสัญจรในระยะฟื้นฟูในรัฐส่วนใหญ่[16][17] ภายในเดือนมกราคม ค.ศ. 2021 ผลกระทบที่ทำให้โควิด-19 มีผลต่อระบบการรักษาพยาบาลของประเทศนำไปสู่การรื้อฟื้นข้อจำกัดมาตรการควบคุมการสัญจรในรัฐต่าง ๆ ของมาเลเซียและดินแดนของรัฐบาลกลาง ซึ่งขยายไปถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ และจากนั้นถึง 4 มีนาคม ค.ศ. 2021[18][19][20] นอกจากนี้ ยังมีการประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศเมื่อวันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 2021 โดยยังดีเปอร์ตวนอากงเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยเหตุนี้ จึงระงับรัฐสภากับสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ และมอบอำนาจฉุกเฉินของรัฐบาลมุฮ์ยิดดินจนถึงวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 2021[21]
เนื่องจากการลดลงของผู้ป่วยรายใหม่ในช่วงต้นเดือนมีนาคม รัฐบาลจึงยกเลิกข้อจำกัดมาตรการควบคุมการสัญจรในรัฐและดินแดนส่วนใหญ่ของรัฐบาลกลาง[22] โครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศมาเลเซียเริ่มขึ้นในปลายเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ต่อโรคโควิด-19 ในหมู่ประชาชนและผู้ที่ไม่ใช่พลเมืองที่อาศัยอยู่ในประเทศ[23] ครั้นตั้งแต่กลางเดือนเมษายน ค.ศ. 2021 หลายรัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นได้ถูกจัดให้อยู่ภายใต้ข้อจำกัดของมาตรการควบคุมการสัญจรโดยรัฐบาล[24][25][26][27][28][29] ด้วยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสายพันธุ์ SARS-CoV-2 จากต่างประเทศที่ตรวจพบในมาเลเซีย ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 และจำนวนผู้เสียชีวิตในประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รัฐบาลจึงรื้อฟื้นมาตรการควบคุมการสัญจรอีกครั้ง โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคมถึง 7 มิถุนายน ค.ศ. 2021[30][31]
จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันแล้วกว่า 490,000 ราย โดยมีผู้ป่วยอยู่กว่า 52,000 ราย และผู้เสียชีวิตกว่า 2,100 ราย ซึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศนี้ติดอันดับสามในจำนวนผู้ป่วยรองจากอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ และอันดับสี่ของจำนวนผู้เสียชีวิตรองจากอินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และพม่า[32]