การประท้วงร่างแก้ไขกฎหมายสัญชาติ
From Wikipedia, the free encyclopedia
การประท้วงร่างแก้ไขกฎหมายสัญชาติ (อังกฤษ: Citizenship Amendment Act (Bill) protests ย่อว่า CAA Protest หรือ CAB Protest) เกิดขึ้นหลังรัฐบาลอินเดียตรากฎหมาย รัฐบัญญัติสัญชาติฉบับแปรญัติ (Citizenship (Amendment) Act, 2019 หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Citizenship Amendment Act; CAA) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ. 2019 การตรากฎหมายนี้ได้ก่อให้เกิดการประท้วงอย่างรุนแรงขึ้นทั่วประเทศอินเดียต่อต้านการตรากฎหมายนี้และโครงการเกี่ยวกันที่ชื่อว่าทะเบียนพลเมืองแห่งชาติ (National Register of Citizens; NRC)[37] การประท้วงระลอกแรกเริ่มต้นในรัฐอัสสัม ก่อที่จะกระจายไปตามรัฐอื่น ๆ อย่างรวดเร็ว เช่น[38] เดลี[39] เมฆาลัย[40] อนุราจัลประเทศ และตรีปุระ ในวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 2019[24] อย่างไรก็ตาม เหตุผลและความกังวลของผู้ที่ประท้วงนั้นมีหลากหลาย[4][41]
การประท้วงร่างแก้ไขกฎหมายสัญชาติ[1] Citizenship Amendment Act protests | |||
---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ การประท้วงในปี พ.ศ. 2562 | |||
วันที่ | 4 ธันวาคม ค.ศ. 2019 (2019-12-04) – 14 มีนาคม ค.ศ. 2020 (2020-03-14) | ||
สถานที่ | ประเทศอินเดีย | ||
สาเหตุ | |||
เป้าหมาย |
| ||
วิธีการ | ผู้ประท้วง: การดื้อแพ่ง, เดินขบวน, Dharna, Gherao, การอดอาหารประท้วง, สัตยเคราะห์, หารตาล, ทำลายทรัพย์สิน, วางเพลิง, ขว้างหิน, กิจกรรมแฮชแท็ก, ประท้วงหยุดงาน (Bandh), ยิงปืน รัฐบาล: การกราดยิงหมู่โดยตำรวจ, ขว้างหิน, ทำลายทรัพย์สิน, ทุบด้วยตะบอง, การจับกุมหมู่, การชัตดาวน์อินเทอร์เน็ต, เคอร์ฟิว, จำกัดการเดินทาง, ปืนใหญ่น้ำ, ออกกฎหมายห้ามชุมนุม (Section 144) | ||
สถานะ | หยุดไว้ก่อน เนื่องด้วยคำสั่งปิดประเทศอินเดียเนื่องมาจากการระบาดทั่วของไวรัสโคโรนาในประเทศอินเดีย พ.ศ. 2563
ก่อนหน้า:
| ||
คู่ขัดแย้ง | |||
| |||
ผู้นำ | |||
| |||
ความเสียหาย | |||
เสียชีวิต | 65+ [30][31][32][33][34] | ||
บาดเจ็บ | 175[35] (reported as of 16 December) | ||
ถูกจับกุม | 3000+[36] (reported as of 17 December) |
การแปรญัติ (แก้กฎหมาย) CAA นั้นได้มีการแก้ไขให้มีการให้สัญชาติอินเดียแก่ผู้อพยพผิดกฎหมายที่นับถือศาสนาฮินดู ศาสนาซิกข์ ศาสนาเชน โซโรอัสเตอร์แบบปาร์ซี ศาสนาพุทธ และศาสนาคริสต์ ที่อพยพมาจากประเทศอัฟกานิสถาน บังกลาเทศ และปากีสถาน และได้เข้ามาในอินเดียก่อนปี ค.ศ. 2014 หลังมีการลงโทษด้วยศาสนา (religious prosecutions) เกิดขึ้นในประเทศทั้งสาม[42] ในการแก้กฎหมายนี้ไม่ได้ระบุให้สิทธิ์นี้แก่ชาวมุสลิม (ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม) และชุมชนอื่น ๆ ที่อพยพมาจากประเทศข้างเคียง นอกจากนี้ผู้อพยพชาวทมิฬศรีลังกา โรฮิญยาจากพม่า และชาวทิเบตอพยพ ก็ไม่ได้ระบุไว้ในการแก้กฎหมายฉบับนี้ด้วยเช่นกัน[43][44] ส่วนโครงการที่ได้มีการเสนอภายใต้ชื่อ ทะเบียนพลเมืองแห่งชาติ (National Register of Citizens; NRC) จะเป็นบันทึกทางการของพลเมืองโดยชอบตามกฎหมายในอินเดีย พลเมืองแต่ละคนจะต้องเตรียมเอกสารที่บังคับไว้และยื่นก่อนวันที่ได้กำหนดโดยรัฐ ถ้าหากจะมีชื่ออยู่ในทะเบียนดังกล่าว[45]
การแก้กฎหมายนี้จึงถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการเลือกปฏิบัติจากศาสนา โดยเฉพาะผ่านการยกเว้นชาวมุสลิมออกจากกฎหมายนี้[46] ผู้ประท้วงทั่วประเทศมีเป้าหมายเพื่อให้รัฐบาลยกเลิกกฎหมายใหม่นี้โดยสิ้นเชิง[47][48][49] กฎหมายใหม่นี้ทำให้เกิดข้อกังวลในหมู่ชาวมุสลิมอินเดียและชาวอินเดียที่ยากจนว่าอาจถูกตราว่าเป็นบุคคลไร้สัญชาติซึ่งอาจนำไปสู่การขับไล่ออกนอกอาณาเขตอินเดีย[50][51][52][53] นอกจากนี้ผู้ประท้วงยังได้ประท้วงรูปแบบเผด็จการและการใช้กำลังของตำรวจในการสลายการชุมนุมในมหาวิทยาลัยอย่างรุนแรง[4][54]