โรคจิตเภท
โรคทางจิต / From Wikipedia, the free encyclopedia
โรคจิตเภท[11] (อังกฤษ: schizophrenia ออกเสียงว่า สคิดโซฟรีเนีย หรือ สคิดโซเฟรเนีย) เป็นความผิดปกติทางจิตที่มีอาการเป็นพฤติกรรมผิดปกติ พูดแปลก ๆ และรู้ว่าอะไรจริงอะไรไม่จริงได้น้อยลง[2] อาการอื่น ๆ รวมทั้งอาการหลงผิดคือเชื่อผิด ๆ ความผิดปกติทางความคิดคือคิดสับสนหรือไม่ชัดเจน ประสาทหลอนทางหูคือได้ยินเสียงพูดที่คนอื่นไม่ได้ยิน การลดมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม การลดแสดงออกทางอารมณ์ และการไร้แรงจูงใจที่จะทำอะไรเอง[2][3] คนไข้บ่อยครั้งมีปัญหาทางสุขภาพจิตอื่น ๆ เช่น วิตกกังวล ซึมเศร้า หรือติดสารเสพติด (SUD)[12] อาการปกติจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเริ่มตั้งแต่ต้นวัยผู้ใหญ่และจะไม่หายในกรณีโดยมาก[3][6]
โรคจิตเภท (Schizophrenia) | |
---|---|
ผ้าที่ปักโดยคนไข้โรคจิตเภท แสดงการสัมพันธ์คำและแนวคิดต่าง ๆ อย่างไร้ความหมายที่เป็นอาการหนึ่งของโรค | |
การออกเสียง |
|
สาขาวิชา | จิตเวช |
อาการ | เชื่อผิด ๆ คิดสับสน ได้ยินเสียงพูดที่คนอื่นไม่ได้ยิน[2][3] |
ภาวะแทรกซ้อน | ฆ่าตัวตาย โรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับการดำเนินชีวิต (lifestyle diseases)[4] |
การตั้งต้น | 16-30 ปี[3] |
ระยะดำเนินโรค | เรื้อรัง[3] |
สาเหตุ | ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมและพันธุกรรม[5] |
ปัจจัยเสี่ยง | ประวัติในครอบครัว การใช้กัญชา ปัญหาเมื่ออยู่ในครรภ์ เติบโตขึ้นในเมือง พ่อที่มีอายุมากกว่า[5] |
วิธีวินิจฉัย | ขึ้นกับพฤติกรรมที่สังเกตเห็น ประสบการณ์จากคนไข้เองและจากคนใกล้ตัว[6] |
โรคอื่นที่คล้ายกัน | การใช้สารเสพติด, โรคฮันติงตัน, ความผิดปกติทางอารมณ์ (คือโรคอารมณ์สองขั้ว), โรคออทิซึม[7] |
การรักษา | การรับคำแนะนำปรึกษาจากแพทย์พยาบาล การฝึกงาน[2][5] |
ยา | ยารักษาโรคจิต (antipsychotic)[5] |
พยากรณ์โรค | การคาดหมายคงชีพจะน้อยลง 18-20 ปี[8][4] |
ความชุก | ~0.5%[9] |
การเสียชีวิต | ~17,000 (2015)[10] |
เหตุของโรครวมปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมและทางพันธุกรรม[5] ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมรวมการเติบโตขึ้นในเมือง การใช้กัญชาในช่วงวัยรุ่น การติดเชื้อบางอย่าง อายุของพ่อแม่ และการได้สารอาหารไม่เพียงพอเมื่ออยู่ในครรภ์[5][13] ปัจจัยทางพันธุกรรมรวมรูปแปรของยีนต่าง ๆ ทั้งแบบสามัญและไม่สามัญ[14] การวินิจฉัยโรคจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมที่สังเกตเห็น รายงานประสบการณ์จากตัวผู้ป่วยเองและจากคนที่คุ้นเคย[6] เมื่อจะวินิจฉัย แพทย์ต้องพิจารณาวัฒนธรรมของคนไข้ด้วย[6] จนถึงปี 2013 ยังไม่มีการตรวจสอบโรคที่เป็นปรวิสัย[6] โรคจิตเภทไม่ได้หมายถึงโรคที่ทำให้มีบุคลิกภาพเป็นหลายคน คือ dissociative identity disorder ซึ่งคนบางส่วนอาจสับสน[15]
วิธีรักษาหลักก็คือยารักษาโรคจิต (antipsychotic) พร้อมกับคำแนะนำปรึกษาจากแพทย์พยาบาล (counselling) การฝึกงาน และการฟื้นฟูสภาพทางสังคม[2][5] ไม่ชัดเจนว่า ยารักษาโรคจิตตามแบบ (typical) หรือนอกแบบ (atypical) ดีกว่ากัน[16] ในคนไข้ที่ยารักษาโรคจิตอื่น ๆ ไม่ได้ผล อาจลองยา clozapine ดูได้[5] ในกรณีรุนแรงที่มีความเสี่ยงต่อตนเองหรือผู้อื่น การกักไว้ในสถานพยาบาลอาจจำเป็น แม้ปัจจุบันการอยู่ใน รพ. จะสั้นกว่าและไม่บ่อยครั้งเท่ากับในอดีต[17]
คนประมาณ 0.3-0.7% จะมีโรคจิตเภทในช่วงชีวิตของตน[9] ในปี 2013 มีกรณีคนไข้ประมาณ 23.6 ล้านรายทั่วโลก[18] ผู้ชายเป็นมากกว่าและโดยเฉลี่ยเริ่มเป็นเมื่ออายุน้อยกว่า[2] คนไข้ประมาณ 20% ฟื้นสภาพได้ดี โดยจำนวนน้อยจะหายโดยสิ้นเชิง[6] ประมาณ 50% จะพิการตลอดชีวิต[19] ปัญหาทางสังคม เช่น การว่างงานระยะยาว ความยากจน การไร้ที่อยู่อาศัย เป็นเรื่องสามัญ[6][20] การคาดหมายคงชีพของคนไข้จะน้อยกว่าคนทั่วไป 10-25 ปี[8] ซึ่งเกิดจากปัญหาสุขภาพทางกายและอัตราการฆ่าตัวตายที่สูงขึ้น (ประมาณ 5%)[9][21] ในปี 2015 คนทั่วโลกประมาณ 17,000 คนเสียชีวิตเนื่องกับพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับหรือมีเหตุจากโรคจิตเภท[10]