กลุ่มอาการขาดยาเบ็นโซไดอาเซพีน
อาการที่เกิดจากการเลิกยาเบ็นโซไดอาเซพีนสำหรับคนที่ติด / From Wikipedia, the free encyclopedia
กลุ่มอาการขาดยาเบ็นโซไดอาเซพีน[2] (อังกฤษ: Benzodiazepine withdrawal syndrome, Benzo withdrawal) เป็นกลุ่มอาการที่เกิดกับบุคคลผู้กินยาเบ็นโซไดอาเซพีนไม่ว่าจะเพื่อรักษาหรือเพื่อเสพติด เกิดติดยา แล้วลดยาหรือหยุดยา การเกิดติดยาแล้วตามด้วยผลคือกลุ่มอาการขาดยาโดยอาการบางอย่างอาจคงยืนเป็นปี ๆ อาจเกิดจากการกินยาตามแพทย์สั่ง มีอาการเป็นปัญหาการนอน, หงุดหงิด, ตึงเครียดและวิตกกังวลง่าย, เกิดตื่นตระหนก (panic attack), มือสั่น, ตัวสั่น, เหงื่อออก, ไม่มีสมาธิ, สับสนและมีปัญหาทางประชาน/ความคิด, ปัญหาความจำ, คลื่นไส้และขย้อนแห้ง (dry retching), น้ำหนักลด, ใจสั่น, ปวดหัว, กล้ามเนื้อตึงและปวด, ปัญหาการรับรู้ต่าง ๆ, ประสาทหลอน, ชัก, อาการโรคจิต[3] และเสี่ยงฆ่าตัวตายเพิ่ม[4][5] (ดูหัวข้อ "อาการ" ต่อไปสำหรับรายการเต็ม) อนึ่ง อาการเหล่านี้แปลกเพราะขึ้น ๆ ลง ๆ รุนแรงไม่เท่ากัน เป็นวันต่อวัน หรือสัปดาห์ต่อสัปดาห์ แทนที่จะค่อย ๆ ลดลงเป็นลำดับ[6] (ปรากฏการณ์นี้เรียกในภาษาอังกฤษว่า "waves" และ "windows")
กลุ่มอาการขาดยาเบ็นโซไดอาเซพีน (Benzodiazepine withdrawal syndrome) | |
---|---|
ชื่ออื่น | Benzo withdrawal |
ไดแอซิแพมบางครั้งใช้รักษาอาการขาดยาเบ็นโซไดอาเซพีน[1] | |
สาขาวิชา | จิตเวช |
มันอาจเป็นอาการรุนแรง ซับซ้อน และมักยืดเยื้อ[7][8] การใช้ยาระยะยาว นิยามเป็นการกินทุกวันเป็นอย่างน้อย 3 เดือน[9] ไม่ควรทำเพราะเสี่ยงติดยา[10], เสี่ยงต้องเพิ่มยา, เสี่ยงยาเกิดไม่มีผล, เสี่ยงอุบัติเหตุและหกล้มโดยเฉพาะในคนชรา[11] และยังอาจเกิดปัญหาทางประชาน[12] ทางประสาท และทางเชาวน์ปัญญา[13] การใช้ยานอนหลับที่มีฤทธิ์สั้น ๆ แม้จะช่วยให้เริ่มนอนหลับ แต่ก็มีผลเสียต่อการนอนครึ่งที่สองเพราะผลการขาดยา[14]
อาการขาดเบ็นโซไดอาเซพีนอาจรุนแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิต เช่น การชัก[15] โดยเฉพาะเมื่อลดยาเร็วเกินไปหลังจากใช้ในขนาดมาก ๆ หรือเป็นระยะยาว[7] อาการขาดยารุนแรงก็ยังสามารถเกิดเมื่อค่อย ๆ ลดยา หรือในบุคคลที่กินยาน้อยเป็นระยะสั้น[16] ในสัตว์ทดลอง นี่เกิดแม้เมื่อใช้ยาขนาดมาก ๆ เพียงครั้งเดียว[17][18] บุคคลจำนวนน้อยจะประสบกับอาการยืดเยื้อ (protracted) โดยมีอาการไม่ถึงกับกับรุนแรง (sub-acute) เป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปีหลังจากหยุดยา โอกาสเช่นนี้สามารถลดได้โดยให้ค่อย ๆ ลดยาอย่างช้า ๆ[19]
การได้ยาเป็นประจำทำให้ประสาทปรับตัวต้านฤทธิ์ของยา ก่อการชินยา (tolerance) และติดยา (dependence)[20] แม้จะกินยาในระดับรักษา แต่การกินยานาน ๆ ก็อาจก่ออาการขาดยาโดยเฉพาะในระหว่างมื้อยา[21] และเมื่อหยุดยาหรือลดขนาดยา อาการขาดยาอาจปรากฏแล้วคงยืนจนกระทั่งร่างกายปรับตัวได้[22] อาการที่เด้งกลับมาอีก (rebound symptom) อาจเหมือนกับอาการที่ตอนแรกใช้ยาระงับ หรืออาจเป็นอาการเพราะหยุดใช้ยา[23] ในกรณีรุนแรง การขาดยาอาจเพิ่มปัญหาหรือคล้ายกับปัญหาทางจิตเวชหรือปัญหาทางการแพทย์ที่รุนแรง เช่น อาการฟุ้งพล่าน โรคจิตเภท และการชักโดยเฉพาะเมื่อใช้ยาในขนาดมาก[24] การไม่เข้าใจว่าเป็นอาการขาดยาอาจทำให้วินิจฉัยอย่างผิด ๆ ว่าต้องให้เบ็นโซไดอาเซพีน ทำให้หยุดยาไม่สำเร็จเพราะกลับไปใช้ยาต่อ บ่อยครั้งในขนาดที่มากขึ้น ๆ[24] การเข้าใจปฏิกิริยาแบบขาดยา การเลือกใช้กลยุทธ์เป็นรายบุคคลขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการบวกกับวิธีอื่น ๆ เช่น ให้กำลังใจหรือมีกลุ่มสนับสนุนให้หยุดเบ็นโซไดอาเซพีน ล้วนเพิ่มอัตราการหยุดยาได้[25][26]