นาซีเยอรมนี
เยอรมนีภายใต้การปกครองของพรรคนาซี (ค.ศ. 1933 - ค.ศ. 1945) / From Wikipedia, the free encyclopedia
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
ไรช์เยอรมัน (ค.ศ. 1933–1943) Deutsches Reich ไรช์เยอรมันใหญ่ (ค.ศ. 1943–1945) Großdeutsches Reich | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ค.ศ. 1933–ค.ศ. 1945 | |||||||||||||||
ธง
(1935–1945) ตราแผ่นดิน
(1935–1945) | |||||||||||||||
เพลงสดุดี: ดัสลีดแดร์ดอยท์เชิน ("เพลงแห่งเยอรมัน") ฮอสท์-เวสเซิล-ลีด[lower-alpha 1] ("เพลงฮอสท์ เวสเซิล") | |||||||||||||||
ดินแดนของเยอรมนีในช่วงที่แผ่ไพศาลที่สุด ขยายพื้นที่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง (ปลาย ค.ศ. 1942):
| |||||||||||||||
เมืองหลวง และเมืองใหญ่สุด | เบอร์ลิน 52°31′N 13°23′E | ||||||||||||||
ภาษาทั่วไป | เยอรมัน | ||||||||||||||
ศาสนา |
| ||||||||||||||
เดมะนิม | ชาวเยอรมัน | ||||||||||||||
การปกครอง | รัฐเดี่ยวนาซี รัฐพรรคการเมืองเดียว เผด็จการแบบฟาสซิสต์ ภายใต้ระบบรวบอำนาจเบ็ดเสร็จของเผด็จการ | ||||||||||||||
ประมุขแห่งรัฐ | |||||||||||||||
• 1933–1934 | เพาล์ ฟ็อน ฮินเดินบวร์ค[lower-alpha 3] | ||||||||||||||
• 1934–1945 | อดอล์ฟ ฮิตเลอร์[lower-alpha 4] | ||||||||||||||
• 1945 | คาร์ล เดอนิทซ์[lower-alpha 3] | ||||||||||||||
นายกรัฐมนตรี | |||||||||||||||
• 1933–1945 | อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ | ||||||||||||||
• 1945 (1 วัน) | โยเซ็ฟ เกิบเบิลส์ | ||||||||||||||
• พฤษภาคม ค.ศ. 1945 | ลุทซ์ ฟ็อน โครซิค | ||||||||||||||
สภานิติบัญญัติ | ไรชส์ทาค | ||||||||||||||
• สภาสูง | ไรชส์ราท (ยุบใน ค.ศ. 1934) | ||||||||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | ระหว่างสงคราม • สงครามโลกครั้งที่สอง | ||||||||||||||
• ยึดอำนาจ | 30 มกราคม ค.ศ. 1933 | ||||||||||||||
23 มีนาคม ค.ศ. 1933 | |||||||||||||||
• อันชลุส | 12 มีนาคม ค.ศ. 1938 | ||||||||||||||
1 กันยายน ค.ศ. 1939 | |||||||||||||||
30 เมษายน ค.ศ. 1945 | |||||||||||||||
• ยอมจำนน | 8 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 | ||||||||||||||
• การลบล้างครั้งสุดท้าย | 23 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 | ||||||||||||||
พื้นที่ | |||||||||||||||
1939[lower-alpha 5] | 633,786 ตารางกิโลเมตร (244,706 ตารางไมล์) | ||||||||||||||
สกุลเงิน | ไรชส์มาร์ค (ℛℳ) | ||||||||||||||
|
นาซีเยอรมนี (อังกฤษ: Nazi Germany) บ้างเรียก ไรช์ที่สาม (เยอรมัน: Drittes Reich) หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ ไรช์เยอรมัน (เยอรมัน: Deutsches Reich) คือชื่อเรียกประเทศเยอรมนีระหว่างปี 1933 ถึง 1945 อาณาจักรที่สามซึ่งแสดงให้เห็นภาพของนาซีที่มีต่อนาซีเยอรมนีว่าเป็นผู้สืบทอดของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (800-1806) และจักรวรรดิเยอรมันในปี 1871-1918
ประธานาธิบดีเยอรมนี เพาล์ ฟ็อน ฮินเดินบวร์ค แต่งตั้งฮิตเลอร์เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มกราคม 1933 ทำให้พรรคนาซีเริ่มกำจัดคู่แข่งทางการเมืองและรวบอำนาจ หลังจากที่ฮินเดินบวร์คถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 1934 ฮิตเลอร์กลายเป็นผู้นำเผด็จการแห่งเยอรมนีจากการรวมอำนาจและตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีกับประธานาธิบดี ในวันที่ 19 สิงหาคม 1934 มีการจัดการลงประชามติทั่วประเทศเพื่อทำให้ฮิตเลอร์เป็นฟือเรอร์ (ผู้นำ) เยอรมนีแต่เพียงผู้เดียว โดยมีอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งหมดรวมอยู่ในมือ และคำสั่งของเขาถือเป็นกฎหมายที่สูงสุด รัฐบาลมิได้เป็นหน่วยงานที่ร่วมมือประสานกัน หากแต่กระจัดกระจายแก่งแย่งอำนาจและความนิยมชมชอบจากฮิตเลอร์ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ นาซีฟื้นฟูเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและยุติการว่างงานขนานใหญ่โดยทุ่มไปกับรายจ่ายทางทหารและเศรษฐกิจแบบผสม[2] มีการดำเนินการนโยบายสาธารณะอย่างกว้างขวาง รวมถึงการก่อสร้างเอาโทบาน และการคืนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจช่วยส่งเสริมความนิยมในระบอบนาซีเพิ่มพูนขึ้น
การเหยียดเชื้อชาติ (อังกฤษ: racism) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การต่อต้านยิว เป็นหัวใจหลักของอุดมการณ์นาซีเยอรมนี โดยถือว่ากลุ่มชนเจอร์แมนิกเป็นเชื้อสายอารยันที่บริสุทธิ์ที่สุด ฉะนั้นจึงเป็นชนชาติปกครอง (master race) การเลือกปฏิบัติและสังหารชาวยิวและชาวโรมานี (ชื่ออื่น: ยิปซี) เริ่มต้นขึ้นหลังจากการยึดครองอำนาจ ค่ายกักกันค่ายแรกสร้างขึ้นในเดือนมีนาคมปี 1933 ชาวยิวและคนกลุ่มอื่นที่ไม่เป็นที่พึงปรารถนาถูกคุมขัง กลุ่มคอมมิวนิสต์ สังคมนิยมและเสรีนิยมต่างถูกสังหาร คุมขัง หรือต้องลี้ภัย โบสถ์ของคริสเตียนและประชาชนที่ต่อต้านการปกครองโดยฮิตเลอร์ถูกกดขี่และแกนนำหลายคนถูกคุมขัง ด้านการศึกษาจะมุ่งเน้นไปที่ชีววิทยาเชื้อชาติ นโยบายประชากร และการเสริมสมรรถภาพทางกายสำหรับราชการทหาร โอกาสในอาชีพและการศึกษาของสตรีถูกลดทอน มีการจัดนันทนาการและการท่องเที่ยวผ่านโครงการความแข็งแรงผ่านความรื่นเริง (Strength Through Joy) มีการใช้โอลิมปิกฤดูร้อน 1936 เพื่อนำเสนอนาซีเยอรมนีในเวทีระหว่างประเทศ รัฐมนตรีโฆษณาการ โยเซฟ เกิบเบิลส์ ได้ใช้ภาพยนตร์ การชุมนุมมวลชน และวาทศิลป์จับจิตของฮิตเลอร์เพื่อควบคุมมติมหาชนอย่างได้ผล[3] รัฐบาลควบคุมการแสดงออกทางศิลปะ โดยสนับสนุนศิลปะบางรูปแบบ แต่ขัดขวางหรือห้ามศิลปะรูปแบบอื่น[4]
เริ่มตั้งแต่ปลายคริสต์ทศวรรษ 1930 นาซีเยอรมนีเรียกร้องดินแดนอย่างก้าวร้าวมากขึ้นเรื่อย ๆ และขู่ทำสงครามหากข้อเรียกร้องไม่ได้รับการตอบสนอง จนในที่สุดนาซีเข้ายึดออสเตรียและพื้นที่ของเชโกสโลวาเกียเกือบทั้งหมดในปี 1938 และ 1939 หลังจากนั้นฮิตเลอร์ทำสนธิสัญญาไม่รุกรานกับโจเซฟ สตาลิน และบุกครองโปแลนด์ในวันที่ 1 กันยายน 1939 เป็นการเปิดฉากสงครามโลกครั้งที่สองในทวีปยุโรป จนกระทั่งต้นปี 1941 นาซีเยอรมนีได้ควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในยุโรป ไรชส์ค็อมมิสซารีอาทเข้าไปควบคุมพื้นที่ที่นาซีเยอรมนียึดครอง มีการจัดตั้งรัฐบาลทั่วไปในส่วนที่เหลือของโปแลนด์ ขณะเดียวกันเยอรมนีก็ได้ยึดครองทรัพยากรและแรงงานจากพื้นที่ ๆ เข้าไปครอบครอง
หลังการรุกรานสหภาพโซเวียตในปี 1941 นาซีเยอรมนีก็เริ่มเป็นรอง และปราชัยทางทหารสำคัญหลายครั้งในปี 1943 การทิ้งระเบิดทางอากาศต่อประเทศเยอรมนีทวีขึ้นในปี 1944 และฝ่ายอักษะถอยจากยุโรปตะวันออกและยุโรปใต้ หลังการบุกครองฝรั่งเศสของสัมพันธมิตร ประเทศเยอรมนีถูกโซเวียตจากทิศตะวันออกและฝ่ายสัมพันธมิตรจากทิศตะวันตกพิชิตและยอมจำนนในหนึ่งปี การที่ฮิตเลอร์ปฏิเสธยอมรับความปราชัยนำให้โครงสร้างพื้นฐานของเยอรมนีถูกทำลายล้างขนานใหญ่และการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสงครามเพิ่มในเดือนท้าย ๆ ของสงคราม ฝ่ายสัมพันธมิตรผู้กำชัยเริ่มนโยบายการขจัดนาซีและนำตัวผู้นำนาซีที่เหลือรอดหลายคนมาพิจารณาคดีอาชญากรรมสงครามในการพิจารณาคดีเนือร์นแบร์ค ส่วนนาซีเยอรมนีถูกฝ่ายสัมพันธมิตรยึดครองหลังสงครามเช่นเดียวกับจักรวรรดิญี่ปุ่น