ความดันโลหิตสูง
โรคเรื้อรังชนิดหนึ่งที่ผู้ป่วยมีความดันเลือดในหลอดเลือดแดงสูงกว่าปกติ / From Wikipedia, the free encyclopedia
โรคความดันโลหิตสูง (อังกฤษ: hypertension) เป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่งที่ผู้ป่วยมีความดันเลือดในหลอดเลือดแดงสูงกว่าปกติตลอดเวลา[11] ความดันเลือดประกอบด้วยสองค่า ได้แก่ ความดันช่วงหัวใจบีบและความดันช่วงหัวใจคลาย ซึ่งเป็นความดันสูงสุดและต่ำสุดในระบบหลอดเลือดแดงตามลำดับ ความดันช่วงหัวใจบีบเกิดเมื่อหัวใจห้องล่างซ้ายบีบตัวมากที่สุด ความดันช่วงหัวใจคลายเกิดเมื่อหัวใจห้องล่างซ้ายคลายตัวมากที่สุดก่อนการบีบตัวครั้งถัดไป ความดันเลือดปกติขณะพักอยู่ในช่วง 100–140 มิลลิเมตรปรอทในช่วงหัวใจบีบ และ 60–90 มิลลิเมตรปรอทในช่วงหัวใจคลาย ความดันโลหิตสูงหมายถึง ความดันเลือดมากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตรปรอทตลอดเวลา ส่วนในเด็กจะใช้ตัวเลขต่างไป[12]
โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) | |
---|---|
ชื่ออื่น | Arterial hypertension, high blood pressure |
มาตรความดันเลือดอัตโนมัติ แสดงผลความดันโลหิตสูง (แสดงความดันช่วงหัวใจบีบ 158 มิลลิเมตรปรอท ความดันช่วงหัวใจคลาย 99 มิลลิเมตรปรอท และอัตราหัวใจเต้น 80 ครั้งต่อนาที) | |
สาขาวิชา | หทัยวิทยา |
อาการ | ไม่มีอาการ[1] |
ภาวะแทรกซ้อน | โรคหลอดเลือดหัวใจ, โรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน, หัวใจวาย, โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลาย, ตาบอด, โรคไต, สมองเสื่อม[2][3][4] |
สาเหตุ | โดยปกติตามการดำเนินชีวิตและปัจจัยทางพันธุกรรม[5][6] |
ปัจจัยเสี่ยง | อดนอน, ได้รับเกลือมากเกินไป, น้ำหนักตัวเกิน, การสูบบุหรี่, แอลกอฮอล์,[1][5] มลพิษทางอากาศ[7] |
วิธีวินิจฉัย | วัดความดันโลหิตขณะพักได้มากกว่า 130/80 หรือ 140/90 มิลลิเมตรปรอท[5][8] |
การรักษา | เปลี่ยนการดำเนินชีวิต, การใช้ยา[9] |
ความชุก | 16–37% ทั่วโลก[5] |
การเสียชีวิต | 9.4 ล้าน / 18% (2010)[10] |
ปกติความดันโลหิตสูงไม่ก่อให้เกิดอาการในทีแรก[1] แต่ความดันโลหิตสูงต่อเนื่องเมื่อผ่านไปเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคหัวใจเหตุความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ท่อเลือดแดงโป่งพอง โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลาย โรคไตเรื้อรัง และภาวะสมองเสื่อม[2][3][4][13]
ความดันโลหิตสูงแบ่งออกเป็นความดันโลหิตสูงปฐมภูมิ (ไม่ทราบสาเหตุ) และความดันโลหิตสูงแบบทุติยภูมิ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ราวร้อยละ 90–95 จัดเป็นความดันโลหิตสูงปฐมภูมิ หมายถึงมีความดันโลหิตสูงโดยไม่มีเหตุพื้นเดิมชัดเจน[5][6] ที่เหลืออีกร้อยละ 5–10 จัดเป็นความดันโลหิตสูงแบบทุติยภูมิมักมีสาเหตุที่สามารถบอกได้ เช่น โรคไตเรื้อรัง ท่อเลือดแดงหรือหลอดเลือดแดงไตตีบแคบ หรือโรคของต่อมไร้ท่อ เช่น แอลโดสเตอโรน คอร์ติซอลหรือแคทิโคลามีนเกิน
อาหารและการเปลี่ยนวิถีชีวิตสามารถช่วยควบคุมความดันเลือดและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนต่อสุขภาพ แม้การรักษาด้วยยายังมักจำเป็นในผู้ที่การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตยังไม่พอหรือไม่ได้ผล การรักษาความดันในหลอดเลือดแดงสูงปานกลาง (นิยามเป็น >160/100 มิลลิเมตรปรอท) ด้วยยาสัมพันธ์กับการคาดหมายคงชีพที่เพิ่มขึ้น[14] ประโยชน์ของการรักษาความดันเลือดระหว่าง 140/90 ถึง 160/100 มิลลิเมตรปรอทไม่ค่อยชัดเจน บางบทปริทัศน์ว่าไม่มีประโยชน์[15] แต่บ้างก็ว่ามี[16][17]