Loading AI tools
เครื่องบินขับไล่ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เอฟ-15 อีเกิล (อังกฤษ: F-15 Eagle) เป็นเครื่องบินขับไล่สองเครื่องยนต์ทางยุทธวิธีทุกสภาพอากาศที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่ครองความได้เปรียบทางอากาศ มันถูกพัฒนาให้กับกองทัพอากาศสหรัฐและได้ทำการบินครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 1975 มันเป็นหนึ่งในเครื่องบินขับไล่ที่โดดเด่นที่สุดในสมัยใหม่ เอฟ-15อี สไตรค์อีเกิลเป็นแบบดัดแปลงสำหรับทำหน้าที่.ขับไล่.และ.โจมตีทุกสภาพซึ่งได้เข้าประจำการในปี 1976 กองทัพอากาศสหรัฐฯ วางแผนที่จะใช้ F-15 ไปจนถึงปี 2025 [1]
บทความนี้ต้องการการจัดหน้า จัดหมวดหมู่ ใส่ลิงก์ภายใน หรือเก็บกวาดเนื้อหา ให้มีคุณภาพดีขึ้น คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้ป้ายข้อความอื่นเพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
F-15 EAGLE | |
---|---|
ข้อมูลทั่วไป | |
บทบาท | เครื่องบินขับไล่ครองความได้เปรียบทางอากาศ |
ชาติกำเนิด | สหรัฐ |
บริษัทผู้ผลิต | MCDONNELL DOUGLAS / BOEING |
สถานะ | อยู่ในประจำการ |
ผู้ใช้งานหลัก | กองทัพอากาศสหรัฐ กองทัพอากาศอิสราเอล กองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศญี่ปุ่น กองทัพอากาศซาอุดิอาระเบีย |
ประวัติ | |
เริ่มใช้งาน | 9 มกราคม 1976 |
สายการผลิต | F-15E STRIKE EAGLE F-15ESMP F-15K SLAM EAGLE |
ในช่วงสงครามเวียดนาม เมือกองทัพเรือและกองทัพอากาศสหรัฐกำลังแข่งขันกันเพื่อกำหนดอนาคตของเครื่องบินขับไล่ ทางยุทธวิถี เมื่อรัฐมนตรีกลาโหม Robert McNamara กดดันให้สองเล่าทัพใช่อากาศที่เป็น Common Fleet > (การใช้งานอากาศยานแบบเดียวกันเพื่อลดค่าใช้จ่าย ในการใช้งาน ที่ถึงแม้จะกระทบถึงความสามารถในการรบ).และในช่วงนันต้องการหา.เครื่องบินขับไล่มาต่อกรกับ MIG-25 ของโซเวียต.
ด้วยนโยบายของ กลาโหม กองทัพเรือและกองทัพอากาศจึงดำเนินโครงการ TF-X จึงกล้ายมาเป็นเครืองบิน F-111 แต่ในเดือนมกราคมปี 1965 รัฐมนตรีกลาโหม Robert McNamara ได้ให้กองทัพอากาศตัดสินใจ สำหรับโครงการเครื่องบินขับไล่ราคาประหยัดแบบใหม่ ที่มีระยะทำการสันลง และรองรับภารกิจ Close air support ที่จะมาแทนที่เครืองบินหลายๆแบบ ทั่ง
NORTH AMERICA F-100D SUPER SADRE และเครื้องบินทิ้งระเบิดเบาอีกหลายๆแบบ โดยในการทดแทนนี้มีเครื่องบินหลายลำที่ถูกเลือกเข้ามา. กองทัพเรือได้เลือก Douglas A-4 SKYHAWK และ LTV A-7 CORSAIR II ที่เป็นเครื่องบินโจมตีเบาแบบเพียวๆ แต่กองทัพอากาศ กลับให้ความสนใจกับ Northrop F-5 ที่เป็นเครืองบินขับไล่และสามารถทำภารกิจโจมตีภาคพื่นได้เป็นภารกิจรอง เนื่องจากถ้ากองทัพอากาศเลือกเครื่องบินทำภารกิจโจมตีภาคพื่นเป็นภารกิจหลัก พวกเขาจำเป็นต้องหาเครื่องบินขับไล่อีกแบบหนึ่ง เพื่อความเป็นต่อในการครองอากาศ แต่ในท้ายที่สุด ก็เหลือตัวเลือกเครืองบินขนาดเบาทางยุทธวิถี แบบ F-5 และ A-7 เท่านันที่จะถูกตัดสินใจ โดยไปให้ความสัมพันธ์กับการออกแบบเครื่องบินขับไล่ครองอากาศ ที่มี สมรรถนะสูงกว่านี้ เนื่องจากตั่งแต่เหตุการณ์ที่ F-105 ถูกยิงตกโดยเครื่องบินขับไล่อย่าง MIG-17 ในปี 1965
เดือน เมษายนปี 1965 Harold Brown ผู้อำนวยการ Director of Department Of Defense Research and Engineering ได้ให้มีการเริ่มต้นศึกษาโครงการ เครื่องบินขับไล่ F-X ที่ได้คาดหวังไว้ว่า จะถูกผลิตออกมา 800 ถึง 1000 ลำ โดยถูกเน้นไปที่ความคล่องตัวแทนความเร็วที่สูงและจะไม่สามารถการโจมตีภาคพื่นดิน โดยความต้งการของโครงการ F-X ถูกกำหนดขึ้นในเดือน ตุลาคมปี 1965 และถูกไปเป็น คำร้องขอข้อเสนอ Request For Proposals ถึง 13 บริษัท ผู้พัฒนาอากาศยาน. ในวันที่ 8 ธันวาคม ปี 1965 ในตอนนันเองกองทัพอากาศก็ได้เลือกเครื่องบิน A-7 ในการที่เป็นเครื่องบินที่ขาดคุณลักษณะในการต่อสู้ทางอากาศ และมาคาดหวังความสามารถใยการครองอากาศจากโครงการ F-X แทน
มี 8 บริษัทที่ตอบรับข้อเสนอในครั้งนี้.แต่จากการคัดเลือกมีเพียง 4 บริษัทที่ให้ดำเนินการต่อในการเสนอเครื้องบินต้นแบบ มีการออกแบบที้มากถึง 500 แบบ ในช่วงเวลานี้.โดยการออกแบบส่วนใหญ่จะใช่เครื่องบินที่สามารถพับปีกได้.มีน้ำหนักลำตัวมากกว่า 60000 ปอนด์และมีความเร็วที้มากกว่ามัค 2.7 และมีอัตราสวน TTVLS อยู่ที่ 0.75 การศึกษาดำเนินการมาจนถึงปี 1966 ตัวเครื่องบินนันดูจะมีน้ำหนักมากๆพอกับ F-111 AARDVARK
ซึ่งนันจะทำให้มันไม่มีคุณสมบัติมากพอสำหรับเครื่องบินขับไล่ครองอากาศ ช่วงที่กำลังวิจัยโครงการ บทเรียนจากการรบในสงครามเวียดนาม..ได้ก่อให้เกิดเป็นความกังวลจำนวนมาก.โดยกำหนดให้เครื่องบินเน้นไปที่การต่อสู้โจมตีอากาศสู้อากาศตั่งแต่ระยะไกล โดยทำให้เครื่องบินขับไล่ยุคก่อนนันถูกออกแบบมาให้มีเรดาห์ขนาดใหญ่ และมีความเร็วที่สูง แต่ก็มีข้อจำกัดในความคล่องตัว.และขาดการติดตั่งอาวุธดังเดิมอย่างปืนกลอากาศ ดังตัวอย่างที่เครื่องบินขับไล่ที่สหรัฐใช่อย่าง MCDONNELL DOUGLAS F-4 PHANTOM II ที่ใช่งานทั้งในกองทัพอากาศ กองทัพเรือ.และนาวิกโยธิน.สหรัฐ มีนเป็นเครื่องบินเพียงแบบเดียวที่พอจะรับมือกับภัยคุมคามอย่างเครื่องบินขับไล่ MIG ในสงครามเวียดนาม.แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่ของ PHANTOM ทำให้เสียเปลี่ยนกับเครื่องบินขับไล่ที่เล็งอย่าง MIG-21 MIG-17 และ MIG-15 ในการรบระยะประชิด และจรวดนำวิถีอากาศสู้อากาศในขณะนันมีผลงานต้ำกว่าที่ขาดไว้.จึงถือกำเนิดและหลักการฝึกแบบใหม่ของนักบินเครื่องบินขับไล่สหรัฐที่ถูกสอนหลังจากช่วงเวลานัน รวมถึงการนำปืนใหญ่อากาศแบบ M61 VULCAN มาติดตั่ง กลับมาติดตั่งบนเครื่องบิน F-4
จากปัญหานี้ JOHN BOYD อดีตนักบินเครื่องบินขับไล่ของสหรัฐ จึงได้ตั่งทฎษภี Energy-Maneuverubility(U) ที่ได้กล่าวไว้ว่า
"พลังงานที่มากกว่า และความคล่องตัวจะเป็นปัจจัยสำคัญในการออกแบบเครื่องบินขับไล่ที่สูงกว่าของเครื่องบินนัน."
ทำให้ในต้นปี 1967 ความต้องการของโครงการ ได้ถูกเปลียนให้ เปลี่ยนให้มี
อัตราส่วนแรงขับต่อน้ำหนักเท่าก้บ 1.1
ความเร็วสูงสุด มัค 2.3
น้ำหนัก 40,000 ปอนด์
ปีกรองรับน้ำหนักบรรทุดได้สูงสุด 80 ปอนด์/ต่อตารางฟุต
ในช่วงเวลาเดียวกับกาาพัฒนา สหภาพโซเวียตก็ได้เผยให้เห็นถึงเครื่องบินขับไล่ MIG-25 ที่สนามบิน โดโมเดโดโว่ ใกล้กับ Moscow โดยเครื่องบิน MIG-25 นี้
ถูกออกแบบให้มีความเร็วและเพดานสูงสำหรับการเป็นเครื่องบินขับไล่สกัดกันโดยการออกแบบของเครื่องบินที่มีความเร็วมากกว่ามัค 2.8 ทำให้เครื่องบินลำนี้ต้องใช่วัสดุอย่างสแตนเลส steel แทนที่เครื่องบินขับไล่ปกติเขาใช้กันในการสร้างเครื่องบินขับไล่น้ำหนักเบาและมีปีกขนาดใหญ่สำหรับเพดานบินที่สูง ลักษณะภายนอกของ mig-25 มันมีลักษณะคล้ายกับเครื่องบินต้นแบบในโครงการ F-X แต่มีขนาดใหญ่กว่าจึงนำไปสู้ความกังวลร้ายแรงทั่วกระทรวงกลาโหมสหรัฐ.ในเวลานัน.
เดือนกันยายนปี 1968 คำขอข้อเสนอได้ถูกส่งให้ไปย้ง บริษัทผลิตอากาศยาน 4 บริษัทด้วยกัน โดย กำหนดไว้ว่า เป็น
เครื่องบินขับไล่ครองอากาศ ที่นั่งเดียว
น้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุด. คือ 40,000 ปอนด์
มีความเร็วสูงสุดคือ มัค 2.5
อัตราส่วนแรงขับต่อน้ำหนัก 1.1
มีเครื่องยนต์ 2 ตัว ในเครื่องบิน 1 ลำ ที่คล้ายกับโครงการ VF-X ของกองทัพเรือ
ในเวลาเดียวกัน กระทรวงกลาโหมของสหรัฐได้ร้องของให้ NASA ตอบรับข้อเสนอของโครงการ VF-X ในลักษณะของคู่สัญญาจ้าง ทางอุตสาหกรรมโดยผู้อยู่เบื่องหลังกับการทำงานของนาซ่านี้คือ
John Foster ผู้อำนวยการ Defense Department Reseearch and Engineering ด้วยเหตุผลสองข้อ โดยประการแรกการออกแบบจาก Nasa จะเป็นการรวมเอาเทคโนโลยี ขั้นก้าวหน้า อุตสาหกรรม มาปรับใช่ สอง ด้วยประสบการณ์ ของ Nasa อาจจะช่วยให้ลดความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในการพัฒนาภายหลังได้
การออกแบบคอนเซป 4 ตัว สำหรับเครื่องบินขับไล่นี้ มีชื่อว่า Langley Fighter/Attack Experimental หรือ [LFAX]
ซึ่ง มีต้นแบบทั่ง 4 แบบคือ
LFAX-4 (แบบที่ใช้ปีกพับปรับองศาได้)
LFAX-8 เครื่องต่อยอดมาจาก LFAX-4 แต่มีปีกแบบตายตัว
LFAX-9 มีแบบเครื่องยนต์ที่ติดตั่งทีาใต้ปีก
LFAX-10 มีรูปร่างภายนอกคล้ายกับ MIG-25 ของโซเวียต
ทีมพัฒนาของ McDonnell Douglas ได้ให้ความสนใจ LFAX-8 เป็นพิเศษ และมีผลต่อการออกแบบเครื่องบินของบริษัทนี้ โดย McDonnell Douglas ได้ทำการดัดแปลงรูปทรงของปีกเครื่องบินเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการบังคับทิศทางในช่วงความเร็วต่ำกว่าเสียง
ในเดือนตุลาคมปี 1969 กองทัพอากาศสหรัฐ ได้เปลี่ยนชื่อโครงการ F-X เป็น ZF-15A จาก 4 บริษัท ที่ตอบรับมา กองทัพอากาศ ได้ตัด General Dynamics ออก จึงเหลือเพียง Fairchild Republic
North America Rockwell และ MCDONNELL DOUGLAS เพื่อให้ทั่ง 3 บริษัทส่งข้อเสนอทางด้านเทคโนโลยี.ในเดือนมิถุนายนปี 1969 และในวันที่ 23 ธันวาคม 1969 กองทัพอากาศก็ได้ประกาศให้ MCDonnell Douglas เป็นผู้ชนะโครงการ F-15
แต้มการสอยแรกเครื่องบินของ F-15 เริ่มต้นโดยกองทัพอากาศอิสราเอล ในปี 1979 ในการบุกโจมตีกรุงปาเลนสไตน์ ในเลบาลอน ปี 1979 ถึง 1981 โดยยิงเครื่องบินของซีเรียตกที่ประกอบไปด้วย MIG-21 13 ลำ และ MIG-25 อีก 2 ลำ ในสงครามเลบาบอนปี 1982 ก็ยังมีแต้มสังหาเครื่องบินรบของซีเรียอีกกว่า 40 ลำ อีกทั่งอิสราเอล และ ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่ดัดแปลง F-15 ให้สามารถทำภารกิจโจมตีภาคพื่นได้
ในปี 1984 มีรายงานว่า F-15C ของซาอุได้ยิง F-4E PHAMTON II สองลำของอิหร่านตก
ในช่วงปี 1984 ถึง 1986 มีการนำจรวดต่อต้านดาวเทียมมีติดตั้งบน F-15 อย่าง ASM-135 ASAT โดยติดตั้งที่กึ่งกลางใต้ท้อง เพื่อหวังทำลายดาวเทียมสอดแนมวงโครงจรต่ำ ในการทดสอบนักบินจะไต่ระดับขึ้น 65 องศา ไปยังจุดที่คำนวณไว้ เมื่อถึงระดับความสูง 38,100 ฟุต และความเร็วมัค 1.22 นักบินจะยิงลูกจรวดออกไปใส่ยังดาวเทียม ในการทดสอบคร้งที่ 3 ในการยิงดาวเทียมปลดประจำการ T-78-1 หรือโซวิน ที่อยู่ห่างจากพื่นโลก 555 กิโลเมตรจากพื่นดิน ทำให้นักบินนาวาอากาศตรี Wilbert D. "Doug" Pearson เป็นนักบินเพียงคนเดียวที่ประสบความสำเร็จ ในการยิงดาวเทียมด้วย F-15 เพราะหลังจากนันไม่นานโครงการนี้ก็ได้ถูกปิดตัวลง
ในปฎิบัติการพายุทะเลทรายสงครามอ่าวในปี 1991 F-15C/D ของสหรัฐ ได้เข้าร่วมรบทางอากาศ 36 ครั้งจากทังหมด 39 ครั่งตลอดช่วงของสงคราม ข้อมูลจากกองทัพอากาศสหรัฐ ยื่นยันว่าเครื่องบินอิรักถูกทำลายโดย F-15C จำนวน 34 ลำ ซึงประกอบไปด้วย MIG-29 MIG-25 MIG-21 SU-25 SU-22 SU-7 Mirage F-1 รวมไปถึงเครื่องบินลำเลียง เครื่องบินฝึกและ ฮอ
ในส่วน ซาอุ อาจเป็นผู้ใช้งาน F-15 ที่ใช้ไม่ได้เต็มดีพอสมควร โดยวันที่ 11 พฤศจิกายน ปี 1990 มีนักบินของซาอุที่แปรพันต์นำเครื่องบินของ F-15C ไปลงจอดที่ซูดาน ทางรัฐบาลซาอุได้จ่ายเงินถึง 50 ล้านเหรียญ เพื่อขอซื้อเครื่องบิน คืน และในช่วงสงครามอ่าว วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ปี 1991 มีรายงานว่า F-15 ของซาอุ ตกที่สนามบิน คามิมูซาอิ โดยในภายหลังอิรักอ้างว่า เป็นผู้ที่ยิงเครื่องบินลำนี้ด้วย MIG-25PD แต่ข้อมูลนี้ไม่มีการยื่นยันอีกทั้งในช่วง เวลานันกองกำลังพันธมิตร ของสหรัฐ ได้ทำรายระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิรักไปจนหมดแล้ว
ในสงครามโคโซโว F-15C ของกองทัพอากาศสหรัฐ ยังมีผลงานในการสอยเครื่องบิน MIG-29 อีก 1 ลำ
สำหรับแบบที่มาจากเอฟ-15อีดูที่เอฟ-15อี สไตรค์อีเกิล
การพัฒนาที่เกี่ยวข้อง
เครื่องบินที่เทียบเท่า
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.