![cover image](https://wikiwandv2-19431.kxcdn.com/_next/image?url=https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/b/ba/King_Penguins_at_St._Andrews_Bay%252C_South_Georgia_%25285817245080%2529.jpg/640px-King_Penguins_at_St._Andrews_Bay%252C_South_Georgia_%25285817245080%2529.jpg&w=640&q=50)
เพนกวินราชา
สปีชีส์ของนก / From Wikipedia, the free encyclopedia
เพนกวินราชา หรือ เพนกวินกษัตริย์ (อังกฤษ: King penguin; ชื่อวิทยาศาสตร์: Aptenodytes patagonicus) เป็นเพนกวินที่ใหญ่เป็นที่สองของเพนกวินที่ใหญ่ที่สุด มีน้ำหนักระหว่าง 11 ถึง 16 กิโลกรัม มีความสูงเกือบ 1 เมตร รองจากเพนกวินจักรพรรดิ เพนกวินราชามีสองชนิดย่อยคือ A. p. patagonicus ที่พบในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้ และ A. p. halli พบที่อื่น
เพนกวินราชา | |
---|---|
![]() | |
เพนกวินราชาในเซาธ์จอร์เจีย | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Aves |
อันดับ: | Sphenisciformes |
วงศ์: | Spheniscidae |
สกุล: | Aptenodytes |
สปีชีส์: | A. patagonicus |
ชื่อทวินาม | |
Aptenodytes patagonicus J.F. Miller, 1778 | |
![]() | |
แผนที่แสดงการกระจายพันธุ์ของเพนกวินราชา |
เป็นเพนกวินที่กินปลาเล็กเป็นอาหารส่วนใหญ่เป็น ปลาโคม และ ปลาหมึก และไม่ค่อยกินเคย หรือ ครัสเตเชียน เช่น สัตว์ในมหาสมุทรใต้อื่น ๆ เมื่อหาอาหารเพนกวินราชาจะดำน้ำลึกกว่า 100 เมตร บางครั้งก็กว่า 200 เมตรซึ่งลึกกว่าเพนกวินอื่น ๆ และหากินออกไปได้ไกลกว่า 3 ไมล์ นอกไปจากเพนกวินจักรพรรดิซึ่งเป็นเพนกวินสกุลเดียวกัน เพนกวินราชาที่หมู่เกาะปรินซ์เอ็ดเวิร์ดนอกจากจะตกเป็นเหยื่อของปลาฉลาม, วาฬเพชฌฆาต แล้ว ยังตกเป็นเหยื่อของแมวน้ำขนสีน้ำตาล อีกด้วย[1]
เพนกวินราชาวางไข่เพียงใบเดียว ฟักบนแผ่นหนังที่ฝ่าตีน พ่อแม่นกจะเลี้ยงลูกเป็นระยะเวลา 10-13 เดือน ลูกนกที่โตแล้วจะมีสีขนเปลี่ยนไป จนครั้งหนึ่งทำให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจผิดว่าเป็นเพนกวินอีกชนิดหนึ่ง เพนกวินที่โตแล้วจะผลัดขนปีละครั้ง โดยขนใหม่จะงอกขึ้นมาทดแทนขนที่หลุดไปทันทีเพื่อป้องกันความหนาวเย็นที่ดำเนินอยู่นานหลายเดือน[2]
มีลูกนกในบริเวณหมู่เกาะซับแอนตาร์กติก และทางตอนเหนือของทวีปแอนตาร์กติกา และเกาะเตียร์ราเดลฟวยโก, เซาธ์จอร์เจีย และเกาะอื่นๆ ในบริเวณเดียวกัน ประชากรของเพนกวินราชาประมาณกันว่ามี 2.23 ล้านคู่และยังคงเพิ่มขึ้น[3] และมีจำนวนประชากรมากที่หมู่เกาะฟอล์กแลนด์[2]