ภัยพิบัติเชียร์โนบีล
อุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ขั้นร้ายแรงในยูเครน / From Wikipedia, the free encyclopedia
ภัยพิบัติเชียร์โนบีล[1] (ยูเครน: Чорнобильська катастрофа, Čornobyľśka katastrofa; อังกฤษ: Chernobyl disaster) เป็นอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ขั้นร้ายแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1986 ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชียร์โนบีล ตั้งอยู่ที่นิคมเชียร์โนบีล ริมฝั่งแม่น้ำนีเปอร์ ใกล้เมืองปรือปิยัจ แคว้นเคียฟ ทางตอนเหนือของยูเครน ใกล้ชายแดนเบลารุส (ในขณะนั้นยูเครนและเบลารุสยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต) อุบัติเหตุที่เชียร์โนบีลนี้เป็นอุบัติเหตุที่เกิดกับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ในแง่ของค่าใช้จ่ายและชีวิต
บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
เครื่องปฏิกรณ์หมายเลข 4 ในหลายเดือนหลังภัยพิบัติเชียร์โนบิล สามารถเห็นเครื่องปฏิกรณ์หมายเลข 3 ได้ หลังปล่องระบายอากาศ | |
วันที่ | 26 เมษายน 1986; 38 ปีก่อน (1986-04-26) |
---|---|
เวลา | 01:23:40 MSD (UTC+04:00) |
ที่ตั้ง | โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชียร์โนบีล, ปรือปิยัจ, Chernobyl Raion, แคว้นเคียฟ, สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตยูเครน, สหภาพโซเวียต (ในปัจจุบันคือ แคว้นเคียฟ, ยูเครน) |
ประเภท | อุบัติเหตุจากนิวเคลียร์และรังสี |
สาเหตุ | ข้อบกพร่องจากการออกแบบ และความผิดพลาดจากมนุษย์ |
ผล | มาตราระหว่างประเทศว่าด้วยเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์อยู่ที่ระดับ 7 (อุบัติเหตุรุนแรงที่สุด) ดูที่ ผลกระทบของภัยพิบัตเชียร์โนบิล |
เสียชีวิต | เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ น้อยกว่า 100 ราย ค่าประมาณการเสียชีวิตนั้นเพิ่มขึ้นในคริสต์ทศวรรษที่ต่อ ๆ ไป ในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป (ดูที่ การเสียชีวิตอันเนื่องจากภัยพิบัติ) |
อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวิศวกรได้ทำการทดสอบการทำงานของระบบหล่อเย็น และระบบทำความเย็นฉุกเฉินของแกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์ แต่การทดสอบระบบได้ล่าช้ากว่ากำหนดจนต้องทำการทดสอบโดยวิศวกรกะกลางคืน ได้เกิดแรงดันไอน้ำสูงขึ้นอย่างฉับพลัน แต่ระบบตัดการทำงานอัตโนมัติไม่ทำงาน ส่งผลให้เกิดความร้อนสูงขึ้นจนทำให้แกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 4 หลอมละลาย และเกิดระเบิดขึ้น ผลจากการระเบิดทำให้เกิดขี้เถ้าปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีพวยพุ่งขึ้นสู่บรรยากาศ ปกคลุมทางตะวันตกของสหภาพโซเวียต ยุโรปตะวันออก ยุโรปตะวันตก ยุโรปเหนือ ทางการยูเครน เบลารุส และรัสเซีย ต้องอพยพประชากรมากกว่า 336,431 คน ออกจากพื้นที่อย่างฉุกเฉิน
อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นหนึ่งในสองครั้งที่ได้รับการจัดความรุนแรงไว้ที่ระดับ 7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตามมาตราระหว่างประเทศว่าด้วยเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์ ซึ่งเกิดอีกครั้งหนึ่งในภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิในปี 2011[2]
สงครามเพื่อต่อสู้กับการปนเปื้อนและป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียมากไปกว่านี้เกี่ยวข้องกับคนงานทั้งทหารและพลเรือนกว่า 500,000 คนและค่าใช้จ่ายประมาณ 18 พันล้านรูเบิ้ล[3] ในขณะที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีผู้เสียชีวิตทันที 31 ราย และผลกระทบระยะยาวเช่นมะเร็งอยู่ระหว่างการสืบสวน มีการประมาณการว่ามีผู้ได้รับผลกระทบจากการระเบิดโดยตรงมากกว่า 600,000 คน แต่ผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งจากการสัมผัสกัมมันตรังสีอาจสูงถึง 4,000 คน [4]