รัฐคอมมิวนิสต์
From Wikipedia, the free encyclopedia
รัฐคอมมิวนิสต์ (อังกฤษ: Communist state) หรือเรียก รัฐลัทธิมากซ์–เลนิน (อังกฤษ: Marxist–Leninist state) เป็นรัฐซึ่งบริหารราชการแผ่นดินและปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์พรรคเดียวซึ่งมีอุดมการณ์ลัทธิมากซ์-เลนินชี้นำ ลัทธิมากซ์-เลนินเป็นอุดมการณ์ประจำรัฐของสหภาพโซเวียต, โคมินเทิร์น (คอมมิวนิสต์สากล) และรัฐคอมมิวนิสต์ในโคมีคอน กลุ่มตะวันออก และสนธิสัญญาวอร์ซอ[1] ลัทธิมากซ์-เลนินยังคงเป็นอุดมการณ์ของรัฐคอมมิวนิสต์หลายรัฐทั่วโลก และอุดมการณ์อย่างเป็นทางการของพรรครัฐบาลประเทศจีน คิวบา ลาวและเวียดนาม[2]
ตรงแบบรัฐคอมมิวนิสต์บริหารราชการแผ่นดินผ่านระบบศูนย์รวมอำนาจปกครองแบบประชาธิปไตย (democratic centralism) โดยกลไกพรรคคอมมิวนิสต์รวมศูนย์พรรคเดียว พรรคการเมืองเหล่านี้ปกติเป็นลัทธิมากซ์-เลนิน หรือรูปแบบเฉพาะชาติ เช่น ลัทธิเหมาหรือลัทธิติโต โดยมีเป้าหมายอย่างเป็นทางการเพื่อบรรลุสังคมนิยมและก้าวหน้าสู่สังคมคอมมิวนิสต์ มีหลายกรณีที่รัฐคอมมิวนิสต์มีกระบวนการมีส่วนร่วมทางการเมืองซึ่งเกี่ยวข้องกับองค์การที่มิใช่พรรคอย่างอื่น เช่น การมีส่วนร่วมแบบประชาธิปไตยทางตรง คณะกรรมการโรงงานและสหภาพแรงงาน แม้ว่าพรรคคอมมิวนิสต์เป็นศูนย์กลางแห่งอำนาจ[3][4][5][6][7] สภาพทางสังคม-เศรษฐกิจของรัฐคอมมิวนิสต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งของสหภาพโซเวียตซึ่งเป็นตัวอย่างสำคัญ มีการถกเถียงกันมาก โดยมีการระบุต่าง ๆ กันว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของระบบคติรวมหมู่ข้าราชการประจำบ้าง ทุนนิยมโดยรัฐบ้าง สังคมนิยมโดยรัฐบ้าง หรือเป็นวิถีการผลิตที่มีเอกลักษณ์เบ็ดเสร็จบ้าง[8]
คำว่า "รัฐคอมมิวนิสต์" เป็นคำที่นักประวัติศาสตร์ นักรัฐศาสตร์และสื่อตะวันตกใช้เรียกประเทศเหล่านี้และใช้แยกกับรัฐสังคมนิยมอื่น แต่รัฐเหล่านี้มิได้เรียกตนเองหรืออ้างว่าได้บรรลุลัทธิคอมมิวนิสต์แล้ว กล่าวคือ ประเทศเหล่านี้เรียกตนเองว่าเป็นสังคมนิยมที่กำลังอยู่ในกระบวนการสร้างสังคมนิยม[9][10][11][12] คำที่รัฐเหล่านี้ใช้เรียกตนเอง เช่น ประชาธิปไตยชาติ ประชาธิปไตยประชาชน โน้มเอียงไปทางสังคมนิยม หรือรัฐกรรมกรและชาวนา[13] นักวิชาการ นักวิจารณ์การเมืองและผู้ทรงคุณวุฒิอื่นมักแบ่งแยกรัฐคอมมิวนิสต์กับรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตย โดยกลุ่มแรกใช้หมายถึงกลุ่มตะวันออก และกลุ่มหลังหมายถึงกลุ่มตะวันตกที่ใช้ระบอบประชาธิปไตยและมีพรรคสังคมนิยม เช่น บริเตน ฝรั่งเศส สวีเดน เป็นต้น[14][15][16][17]
รัฐคอมมิวนิสต์ในปัจจุบันมีประเทศที่ปกครองด้วยรัฐบาลลัทธิมากซ์-เลนินและใช้ระบบพรรคการเมืองเดี่ยวเหลือเพียง 4 ประเทศเท่านั้น ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน คิวบา ลาว และเวียดนาม ส่วนเกาหลีเหนือไม่ได้ยึดถืออุดมการณ์ตามแบบฉบับลัทธิมากซ์-เลนินแล้ว หากแต่ยึดถืออุดมการณ์ตามหลัก จูเช ที่ฉายภาพว่าพัฒนามาจากลัทธิมากซ์-เลนินแทน ในขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์หรือพรรคการเมืองสืบทอดที่หลงเหลืออยู่ก็ยังคงมีบทบาททางการเมืองที่สำคัญในหลายประเทศ เช่น พรรคคอมมิวนิสต์แห่งแอฟริกาใต้ที่เข้าร่วมเป็นพรรครัฐบาลภายใต้การนำของพรรคสมัชชาแห่งชาติแอฟริกา ฝ่ายคอมมิวนิสต์ที่เป็นรัฐบาลปกครองรัฐเกรละของอินเดีย ฝ่ายคอมมิวนิสต์ที่ครองเสียงข้างมากในรัฐสภาเนปาล สาธารณรัฐประชาชนจีนได้ปรับเปลี่ยนมุมมองที่ตกทอดมาจากลัทธิเหมาหลายด้าน เช่นเดียวกันกับลาว เวียดนาม และคิวบา (มีการเปลี่ยนแปลงน้อยกว่า) โดยรัฐบาลของประเทศเหล่านี้ได้ผ่อนคลายการควบคุมทางเศรษฐกิจลงเพื่อกระตุ้นการเติบโต ทั้งนี้รัฐบาลจีนภายใต้การนำของเติ้ง เสี่ยวผิง ได้เริ่มปฏิรูประบบเศรษฐกิจในปี ค.ศ. 1978 ซึ่งหลังจากนั้นเป็นต้นมาจีนสามารถลดระดับความยากจนลงจากร้อยละ 51 ในสมัยเหมา เจ๋อตุง มาเป็นเพียงร้อยละ 6 ในปี ค.ศ. 2001 ในขณะเดียวกันยังได้ริเริ่มเขตเศรษฐกิจพิเศษไว้สำหรับกิจการที่อิงกับระบบตลาดเป็นหลัก โดยที่ไม่ต้องกังวลการควบคุมหรือการแทรกแซงจากรัฐบาลกลาง ส่วนประเทศอื่น ๆ ที่ประกาศตนว่ายึดถือในอุดมการณ์ลัทธิมากซ์-เลนิน เช่น เวียดนาม ก็พยายามริเริ่มการปฏิรูปเศรษฐกิจให้อิงกับระบบตลาดด้วย
การปฏิรูปทางเศรษฐกิจนี้บางครั้งถูกวิจารณ์จากโลกภายนอกว่าเป็นการถอยกลับไปหาลัทธิทุนนิยม แต่พรรคคอมมิวนิสต์แย้งว่าเป็นการปรับตัวที่จำเป็นเพื่อให้สอดรับกับสภาพความเป็นจริงหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต และเพื่อใช้สมรรถนะทางอุตสาหกรรมให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในประเทศที่ดำเนินการปฏิรูปเหล่านี้ ที่ดินทั้งมวลถือเป็นทรัพย์สินสาธารณะซึ่งบริหารจัดการโดยรัฐ เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมและบริการที่จำเป็น รวมไปถึงทรัพยากรธรรมชาติ ดังนั้นภาครัฐจึงถือเป็นภาคส่วนทางเศรษฐกิจหลักในระบบเศรษฐกิจดังกล่าว และรัฐเป็นผู้มีบทบาทกลางในการประสานงานเพื่อให้เกิดพัฒนาการทางเศรษฐกิจ