ราชอาณาจักรอิตาลี
ราชอาณาจักรในทวีปยุโรปตอนใต้ ดำรงอยู่ระหว่าง ค.ศ. 1861 ถึง 1946 / From Wikipedia, the free encyclopedia
ราชอาณาจักรอิตาลี (อิตาลี: Regno d'Italia) เป็นราชอาณาจักรบนคาบสมุทรอิตาลี ซึ่งได้มีการสถาปนาขึ้นใน ค.ศ. 1861 จากการรวมตัวกันของรัฐอิตาลีหลาย ๆ รัฐภายใต้การนำของราชอาณาจักรซาร์ดิเนีย และดำรงอยู่ตราบจนถึง ค.ศ. 1946 เมื่อประชาชนชาวอิตาลีได้มีการลงประชามติให้มีการเปลี่ยนผ่านการปกครองจากระบบราชอาณาจักรไปสู่ความเป็นสาธารณรัฐ
ราชอาณาจักรอิตาลี Regno d'Italia | |
---|---|
ค.ศ. 1861–1946 | |
เพลงชาติ: (ค.ศ. 1861–1943; 1944–1946) มาร์ชาเรอาเลดอร์ดีนันซา ("เพลงมาร์ชหลวงตามพระราชโองการ") (ค.ศ. 1927–1943) โจวีเนซซา ("เยาวชน")[lower-alpha 1] (ค.ศ. 1943–1944) ลาลีเจนดาเดลพาเว ("ตำนานแห่งแม่นํ้าพาเว") | |
ดินแดนของราชอาณาจักรอิตาลี ค.ศ. 1936 | |
เขตการปกครองของอิตาลี ค.ศ. 1943 | |
เมืองหลวง | |
เมืองใหญ่สุด | โรม |
ภาษาทั่วไป | อิตาลี |
ศาสนา | โรมันคาทอลิก 96% ของประชากร ศาสนาประจำชาติ (ค.ศ. 1929–1946) |
การปกครอง |
|
พระมหากษัตริย์ | |
• ค.ศ. 1861–1878 | พระเจ้าวิคเตอร์เอ็มมานูเอลที่ 2 |
• ค.ศ. 1878–1900 | พระเจ้าอุมแบร์โตที่ 1 |
• ค.ศ. 1900–1946 | พระเจ้าวิกเตอร์ เอมมานูเอลที่ 3 |
• ค.ศ. 1946 | พระเจ้าอุมแบร์โตที่ 2 |
นายกรัฐมนตรี | |
• 1861 (คนแรก) | เคานต์แห่งคาวัวร์ |
• 1922–1943 | เบนีโต มุสโสลีนี[lower-alpha 2] |
• ค.ศ. 1945–1946 (สุดท้าย) | อัลชีเด เด กัสเปรี[lower-alpha 3] |
สภานิติบัญญัติ | รัฐสภา |
• สภาสูง | วุฒิสภา |
• สภาล่าง | สภาผู้แทนราษฎร |
ประวัติศาสตร์ | |
17 มีนาคม ค.ศ. 1861 | |
• สนธิสัญญาเวียนนา | 3 ตุลาคม ค.ศ. 1866 |
• การยึดกรุงโรม | 20 กันยายน ค.ศ. 1870 |
20 พฤษภาคม ค.ศ. 1882 | |
26 เมษายน ค.ศ. 1915 | |
31 ตุลาคม ค.ศ. 1922 | |
22 พฤษภาคม ค.ศ. 1939 | |
27 กันยายน ค.ศ. 1940 | |
• ระบอบฟาสซิสต์ล่มสลาย | 25 กรกรฎาคม ค.ศ. 1943 |
• สาธารณรัฐ | 2 มิถุนายน 1946 |
พื้นที่ | |
ค.ศ. 1861[1] | 250,320 ตารางกิโลเมตร (96,650 ตารางไมล์) |
ค.ศ. 1936[1] | 310,190 ตารางกิโลเมตร (119,770 ตารางไมล์) |
ประชากร | |
• ค.ศ. 1861[1] | 21,777,334 |
• ค.ศ. 1936[1] | 42,993,602 |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | ค.ศ. 1939 (ประมาณ) |
• รวม | 151 พันล้าน (2.82 ล้านล้าน ใน ค.ศ. 2019) |
สกุลเงิน | ลีราอิตาลี (₤) |
|
อิตาลีได้ประกาศสงครามต่อออสเตรียในปี ค.ศ. 1866 โดยมีปรัสเซียเป็นพันธมิตรร่วม แม้ว่าอิตาลีจะทำการรบล้มเหลว แต่ชัยชนะของปรัสเซียก็ได้ทำให้อิตาลีได้สิทธิครอบครองเวนิส ต่อมาอิตาลีได้ยกทัพเข้ายึดกรุงโรมในปี ค.ศ. 1870 เป็นการปิดฉากอำนาจการปกครองทางโลกของสมเด็จพระสันตะปาปาที่มามีมาต่อเนื่องนับพันปี อิตาลีได้ตอบรับข้อเสนอของออทโท ฟอน บิสมาร์ค ในการเข้าร่วมกลุ่มไตรพันธมิตรกับเยอรมนีและออสเตรียในปี ค.ศ. 1892 หลังจากที่อิตาลีเกิดความไม่พอใจในการขยายอาณานิคมของฝรั่งเศส อย่างไรก็ดี แม้ว่าไมตรีระหว่างอิตาลีกับเยอรมนีจะเป็นไปอย่างฉันมิตรอย่างยิ่ง แต่ความเป็นพันธมิตรกับออสเตรียกลับอยู่ในลักษณะเป็นทางการเท่านั้น ดังนั้นในปี ค.ศ. 1915 อิตาลีจึงได้ตอบรับคำเชิญของสหราชอาณาจักรในการเข้าร่วมฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่ 1 ชัยชนะในมหาสงครามครั้งนั้นได้ทำให้อิตาลีก้าวขึ้นมาเป็นชาติมหาอำนาจ โดยมีที่นั่งถาวรอยู่ในสภาสันนิบาตชาติ
ในสมัยแห่งการปกครองโดยพรรคชาตินิยมฟาสซิสต์อิตาลีและภายใต้การปกครองแบบเผด็จการของเบนีโต มุสโสลีนี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1922 จนกระทั่งเขาถูกขับออกจากตำแหน่งในปี ค.ศ. 1943 นามที่ใช้เรียกราชอาณาจักรอิตาลีในช่วงนี้ส่วนใหญ่นักประวัติศาสตร์จะเรียกกันว่า ฟาสซิสต์อิตาลี ภายใต้ระบอบฟาสซิสต์ ราชอาณาจักรอิตาลีได้เป็นพันธมิตรกับนาซีเยอรมนีในสงครามโลกครั้งที่ 2 จนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1943 ในช่วงสองปีสุดท้ายของสงคราม ประเทศอิตาลีได้สลับข้างไปร่วมเป็นพันธมิตรกับฝ่ายสัมพันธมิตรหลังจากได้มีการขับไล่มุสโสลีนีลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและยุบเลิกพรรคฟาสซิสต์ รัฐของฝ่ายฟาสซิสต์ที่ยังคงสู้กับฝ่ายสัมพันธมิตรต่อคือรัฐหุ่นเชิดของนาซีเยอรมนีทางเหนือของอิตาลีซึ่งมีชื่อเรียกว่า สาธารณรัฐสังคมอิตาลี โดยมีมุสโสลีนีและพวกฟาสซิสต์ที่ยังจงรักภักดีต่อเขาเป็นแกนนำ หลังจากสงครามยุติไม่นาน ความไม่พอใจของประชาชนในปี ค.ศ. 1946 ได้นำไปสู่การลงประชามติให้อิตาลียังคงมีสถานะเป็นราชอาณาจักรต่อไปหรือให้มีการเปลี่ยนระบอบการปกครองไปเป็นสาธารณรัฐ ผลปรากฏว่าประชาชนต้องการให้ล้มเลิกการปกครองแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญและได้มีการจัดตั้งสาธารณรัฐอิตาลีขึ้น ซึ่งสาธารณรัฐแห่งนี้คือประเทศอิตาลีที่ยังดำรงอยู่สืบมาจนถึงปัจจุบัน