![cover image](https://wikiwandv2-19431.kxcdn.com/_next/image?url=https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/8/88/Mussolini_and_Hitler_1940_%2528retouched%2529.jpg/640px-Mussolini_and_Hitler_1940_%2528retouched%2529.jpg&w=640&q=50)
ลัทธิฟาสซิสต์
From Wikipedia, the free encyclopedia
ลัทธิฟาสซิสต์ (อังกฤษ: Fascism) เป็นลัทธิชาติ-อำนาจนิยมมูลวิวัติรูปแบบหนึ่ง[1][2] ซึ่งมีความโดดเด่นในทวีปยุโรปช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ขบวนการฟาสซิสต์รุ่นแรก ๆ กำเนิดขึ้นในประเทศอิตาลีราวสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โดยได้รับอิทธิพลจากสหการนิยมชาติ (national syndicalism) การรวมจุดยืนฝ่ายขวาโดยทั่วไปเข้ากับการเมืองฝ่ายซ้ายบางส่วน ซึ่งตรงข้ามกับคอมมิวนิสต์ สังคมนิยม เสรีประชาธิปไตย และอนุรักษนิยมดั้งเดิม แม้ว่าโดยปกติลัทธิฟาสซิสต์จะถูกจัดเป็น "ขวาจัด" ตามการแบ่งพิสัยมโนคติทางการเมืองแบบซ้าย–ขวา (political spectrum) ดั้งเดิม พวกฟาสซิสต์เองและนักวิจารณ์บางส่วนแย้งว่าคำอธิบายนี้ไม่เพียงพอ[3][4]
![Thumb image](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/8/88/Mussolini_and_Hitler_1940_%28retouched%29.jpg/640px-Mussolini_and_Hitler_1940_%28retouched%29.jpg)
![Thumb image](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/c/ce/Fascist_symbol.svg/150px-Fascist_symbol.svg.png)
นักฟาสซิสต์มุ่งรวมชาติของพวกตนผ่านรัฐเผด็จการเบ็ดเสร็จที่สนับสนุนการระดมชุมชนชาติอย่างกว้างขวาง[5][6] และมีลักษณะเด่นโดยมีพรรคแนวหน้า (vanguard party) ซึ่งริเริ่มขบวนการการเมืองปฏิวัติโดยมุ่งหมายเพื่อจัดระเบียบชาติใหม่ตามหลักการของอุดมการณ์ลัทธิฟาสซิสต์[7] ขบวนการฟาสซิสต์ทั้งหลายมีลักษณะร่วมบางอย่าง รวมทั้งความเคารพรัฐ การอุทิศให้แก่ผู้นำที่เข้มแข็ง และการเน้นความคลั่งชาติ (ultranationalism) และแสนยนิยม ลัทธิฟาสซิสต์มองการเมือง ความรุนแรง สงครามและจักรวรรดินิยมว่าเป็นวิธีการบรรลุการฟื้นพลังของชาติ[5][8][9][10] และยืนยันว่าชาติที่เข้มแข็งกว่ามีสิทธิที่จะขยายอาณาเขตโดยเข้าแทนที่ชาติที่อ่อนแอกว่า[11]
อุดมการณ์ลัทธิฟาสซิสต์อ้างความสำคัญสูงสุดของรัฐอย่างต่อเนื่อง ผู้นำอย่างเบนิโต มุสโสลินีในอิตาลี และอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ในเยอรมนี รวมรัฐและอ้างอำนาจที่แย้งไม่ได้ ลัทธิฟาสซิสต์ยืมทฤษฎีและศัพท์จากสังคมนิยม แต่แทนที่การมุ่งไปยังความขัดแย้งทางชนชั้นของสังคมนิยมด้วยการมุ่งไปยังความขัดแย้งระหว่างชาติและเชื้อชาติ [12] ลัทธิฟาสซิสต์สนับสนุนระบบเศรษฐกิจแบบผสม โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อบรรลุการพึ่งตนเองทางเศรษฐกิจเพื่อให้ชาติมีเอกราชผ่านนโยบายเศรษฐกิจแบบคุ้มครองและมีการแทรกแซงจากรัฐ[13]
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง มีพรรคการเมืองน้อยพรรคที่อธิบายตนเองอย่างเปิดเผยว่าเป็นฟาสซิสต์ และคู่แข่งทางการเมืองมักใช้คำนี้เป็นคำหยาบ บางครั้งคำว่าลัทธิฟาสซิสต์ใหม่หรือหลังลัทธิฟาสซิสต์ใช้อย่างเป็นทางการเพื่ออธิบายพรรคการเมืองขวาจัดที่มีอุดมการณ์คล้ายคลึงหรือมีรากมาจากขบวนการฟาสซิสต์ในคริสต์ศตวรรษที่ 20