![cover image](https://wikiwandv2-19431.kxcdn.com/_next/image?url=https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/d/de/Jaundice_eye.jpg/640px-Jaundice_eye.jpg&w=640&q=50)
ตับอักเสบ เอ
From Wikipedia, the free encyclopedia
โรคไวรัสตับอักเสบ เอ (อังกฤษ: Hepatitis A ชื่อเดิมคือ การติดเชื้อตับอักเสบ) เป็นโรคติดเชื้อเฉียบพลันของตับ ซึ่งเกิดจากไวรัสตับอักเสบ (เอชเอวี)[6] ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมีอาการเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีอาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้มีอายุน้อย[1] ในกลุ่มผู้ป่วยที่แสดงอาการของโรค ช่วงเวลาระหว่างการติดเชื้อและการเกิดอาการคือสองถึงหกสัปดาห์[2] เมื่อโรคแสดงอาการ มักเกิดขึ้นนานราวแปดสัปดาห์และอาการต่าง ๆ อาจได้แก่: การคลื่นไส้ การอาเจียน ท้องเสีย ผิวเหลือง เป็นไข้ และปวดท้อง[1] ผู้ป่วยประมาณ 10–15% กลับมามีอาการอีกภายในหกเดือนหลังจากการติดเชื้อครั้งแรก[1] ภาวะตับวายเฉียบพลันพบได้น้อยมาก แต่พบบ่อยในผู้สูงอายุ[1]
Hepatitis A | |
---|---|
ชื่ออื่น | Infectious hepatitis |
![]() | |
ผู้ป่วยมีภาวะดีซ่านเหตุจากโรคไวรัสตับอักเสบ เอ | |
สาขาวิชา | โรคติดเชื้อ, วิทยาทางเดินอาหาร |
อาการ | คลื่นเหียน, อาเจียน, ท้องเสีย, ปัสสาวะสีเข้ม, ดีซ่าน, ไข้, ปวดท้อง[1] |
ภาวะแทรกซ้อน | ตับวายเฉียบพลัน[1] |
การตั้งต้น | 2–6 สัปดาห์หลังการติดเชื้อ[2] |
ระยะดำเนินโรค | 8 สัปดาห์[1] |
สาเหตุ | รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนอุจจาระที่มีเชื้อ Hepatovirus A[1] |
วิธีวินิจฉัย | การตรวจเลือด[1] |
การป้องกัน | วัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ, การล้างมือ, ประกอบอาหารอย่างถูกวิธี[1][3] |
การรักษา | การรักษาตามอาการ, การปลูกถ่ายตับ[1] |
ความชุก | 114 ล้านคน ทั้งมีและไม่มีอาการ (ค.ศ. 2015)[4] |
การเสียชีวิต | 11,200 คน (ค.ศ. 2015)[5] |
โรคนี้ติดต่อผ่านการกินอาหารที่ปนเปื้อนอุจจาระที่มีเชื้อโรคอยู่[1] การกินสัตว์น้ำจำพวกมีเปลือกที่ปรุงไม่สุกก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ทำให้ติดโรคได้บ่อย[7] นอกจากนี้แล้วยังสามารถติดผ่านการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีเชื้อได้อีกด้วย[1] ผู้ป่วยที่เป็นเด็กส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ แต่สามารถแพร่เชื้อต่อให้ผู้อื่นได้[1] ผู้ที่ติดเชื้อเมื่อหายแล้วจะมีภูมิคุ้มกันไปตลอดชีวิต[8] การวินิจฉัยทำได้โดยดูจากอาการและผลตรวจเลือด[1] โรคนี้เป็นโรคตับอักเสบจากไวรัสชนิดหนึ่งจากทั้งหมดหลายชนิด ได้แก่ ตับอักเสบเอ บี ซี ดี และอี
มีวัคซีนตับอักเสบเอซึ่งใช้ป้องกันโรคนี้ได้[1][3] บางประเทศกำหนดให้เด็กและผู้ที่มีความสี่ยงต้องได้รับวัคซีน[1][9] ข้อมูลปัจจุบันบ่งชี้ว่าวัคซีนนี้เมื่อฉีดครบแล้วจะมีภูมิคุ้มกันได้ตลอดชีวิต[1] วิธีป้องกันวิธีอื่น ๆ ได้แก่ การล้างมือ การทานอาหารที่ปรุงสุก[1] การรักษาเป็นแบบประคับประคองตามอาการ โดยการให้พักผ่อน ใช้ยาแก้อาเจียน รักษาอาการถ่ายเหลว และอาการอื่น ๆ โดยไม่มีการรักษาจำเพาะ[1] ผู้ป่วยส่วนใหญ่หายโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนระยะยาว[1] กรณีที่มีภาวะตับวายเฉียบพลันรุนแรงการรักษาทำได้โดยการปลูกถ่ายตับ[1]
ทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคตับอักเสบเอ แบบแสดงอาการประมาณปีละ 1.4 ล้านคน[1] หากนับรวมผู้ที่ไม่แสดงอาการด้วยอาจมากถึง 114 ล้านคน[4] มักพบในบริเวณที่มีสุขอนามัยไม่ดีและมีน้ำสะอาดไม่เพียงพอ[9] ในประเทศที่กำลังพัฒนาจะพบว่าเด็กอายุ 10 ปีประมาณ 90% จะเคยติดเชื้อนี้มาแล้ว และเมื่อเข้าวัยผู้ใหญ่ก็มักมีภูมิคุ้มกัน[9] โรคนี้มักทำให้เกิดการระบาดขึ้นในประเทศกึ่งพัฒนาที่เด็กไม่เคยติดเชื้อนี้ตอนเด็กและการให้วัคซีนยังไม่แพร่หลาย[9] ข้อมูล ค.ศ. 2015 พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากตับอักเสบเฉียบพลันจากไวรัสตับอักเสบเอ 11,200 คน[5] วันตับอักเสบโลกคือวันที่ 28 กรกฎาคม มีเป้าหมายคือการสร้างการตระหนักรู้ต่อโรคตับอักเสบจากไวรัสแก่คนทั่วไป[9]