Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ซีเมออนแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา (เยอรมัน: Simeon von Sachsen-Coburg und Gotha) หรือ ซีเมออน บอรีซอฟ ซักสโกบูร์กกอตสกี (บัลแกเรีย: Симеон Борисов Сакскобургготски) หรือ พระเจ้าซาร์ซีเมออนที่ 2 แห่งบัลแกเรีย (ประสูติ 16 มิถุนายน ค.ศ. 1937) เป็นบุคคลสำคัญในสังคมการเมืองและราชวงศ์บัลแกเรีย พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าซาร์แห่งบัลแกเรียตั้งแต่ ค.ศ. 1943 จนกระทั่ง ค.ศ. 1946 เมื่อระบอบกษัตริย์ได้ถูกล้มล้าง หลังจากนั้นพระองค์ได้ดำรงเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐบัลแกเรียตั้งแต่กรกฎาคม ค.ศ. 2001 ถึงเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2005
ซีเมออนที่ 2 | |||||
---|---|---|---|---|---|
พระเจ้าซาร์แห่งบัลแกเรีย | |||||
สมเด็จพระเจ้าซาร์แห่งบัลแกเรีย | |||||
ครองราชย์ | 28 สิงหาคม ค.ศ. 1943 – 15 กันยายน ค.ศ. 1946 | ||||
ก่อนหน้า | พระเจ้าซาร์บอริสที่ 3 แห่งบัลแกเรีย | ||||
ถัดไป | ราชาธิปไตยถูกล้มล้าง | ||||
พระราชสมภพ | 16 มิถุนายน ค.ศ. 1937 | ||||
คู่อภิเษก | มาร์การิตา โกเมซ-อเชโบ ยี เซจูลา | ||||
พระราชบุตร | เจ้าชายคาร์ดัม เจ้าชายแห่งทาร์โน คิริล เจ้าชายแห่งพาร์ลาฟ เจ้าชายคูบราต เจ้าชายแห่งพาไนท์ยูริชเต เจ้าชายคอนสแตนติน-อัสเลน เจ้าชายแห่งวิดิน เจ้าหญิงคาลินาแห่งบัลแกเรีย ดัชเชสแห่งแซกโซนี | ||||
| |||||
ราชวงศ์ | ราชวงศ์ซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา | ||||
พระราชบิดา | พระเจ้าซาร์บอริสที่ 3 แห่งบัลแกเรีย | ||||
พระราชมารดา | โจวันนาแห่งซาวอย สมเด็จพระราชินีแห่งบัลแกเรีย | ||||
ลายพระอภิไธย |
พระเจ้าซาร์ซิเมออนเป็นพระราชโอรสในพระเจ้าซาร์บอริสที่ 3 แห่งบัลแกเรีย กับ เจ้าหญิงจีโอวันนาแห่งซาวอย และมีความเกี่ยวข้องกับหลาย ๆ ราชวงศ์ในยุโรป รวมทั้ง สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร, สมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 แห่งเบลเยียม และอดีตกษัตริย์แห่งอิตาลี คือ สมเด็จพระเจ้าวิคเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 3 แห่งอิตาลี และ สมเด็จพระเจ้าอุมแบร์โตที่ 2 แห่งอิตาลี เมื่อพระองค์ทรงประสูติพระราชบิดาของพระองค์ได้ส่งเครื่องบินไปที่แม่น้ำจอร์แดนเพื่อนำน้ำในแม่น้ำมาทำพิธีแบ็ฟติสท์ให้เจ้าชายซิเมออนเพื่อเข้ารีตคริสต์นิกายออร์ทอด็อกซ์ เจ้าชายซิเมออนได้ครองราชย์สมบัติเป็นพระเจ้าซาร์เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 1943 สืบต่อจากพระราชบิดาของพระองค์ซึ่งเสด็จสวรรคตอย่างเป็นปริศนาหลังจากเสด็จกลับมาจากการเข้าพบอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ฟือเรอห์แห่งเยอรมนี เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์มีพระชนมายุเพียง 6 พรรษาเท่านั้น เจ้าชายคิริลแห่งบัลแกเรียผู้เป็นพระปิตุลาของพระองค์, นายกรัฐมนตรีบอร์ดาน ฟิลอฟ และพลโทนิโคลา มิเฮย์ลอฟ มิฮอฟแห่งกองทัพบัลแกเรียได้เป็นคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระองค์ตรัสถึงเหตุการณ์ในช่วงนั้นไว้ว่า
“ | ฉันจำได้ว่า เมื่ออายุประมาณ 5 ขวบ วันหนึ่งขณะเล่นอยู่กับมารี หลุยส์ พระพี่นาง ราชองครักษ์เข้ามาหาฉัน โดนใช้สรรพนามแปลก ๆ เขาเรียกฉันเป็นภาษาอังกฤษว่า "Your Majesty" และบอกว่า "The King is Dead, Long Live the King" หมายความว่า ทูลกระหม่อมพ่อของฉันสวรรคต และฉันได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินแล้ว จากนั้นเสด็จอาก็มาพาเราไปโซเฟียเพื่อถวายบังคมพระบรมศพ[1] | ” |
ในวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 1944 สหภาพโซเวียตได้ประกาศสงครามกับราชอาณาจักรบัลแกเรียอย่างเป็นทางการและกองทัพแดงได้ยกพลบุกเข้าราชอาณาจักร ในวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1944 เจ้าชายคิริลและคณะผู้สำเร็จราชการได้ถูกผู้นิยมโซเวียตหักหลังทำการรัฐประหารและจับกุม เจ้าชายคิริล คณะผู้สำเร็จราชการทั้งหมด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสมาชิก ผู้นำเหล่าทัพทั้งหมดและนักข่าวที่มีชื่อเสียงในประเทศถูกสั่งประหารทั้งหมดโดยเหล่าคอมมิวนิสต์ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1945
พระราชวงศ์ที่เหลือ ได้แก่ สมเด็จพระราชินีจีโอวันนา, พระเจ้าซาร์ซิเมออนที่ 2, เจ้าหญิงมารี หลุยส์แห่งบัลแกเรีย พระเชษฐภคินี และเจ้าหญิงยูโดเซียแห่งบัลแกเรีย พระปิตุจฉา ได้รับการอนุญาตให้พำนักที่พระราชวังวรานาใกล้กรุงโซเฟียในขณะที่ได้มีการแต่งตั้งคณะผู้สำเร็จราชการคอมมิวนิสต์ชุดใหม่ ในบันทึกของพระนางจีโอวันนาทรงได้เล่าว่า "ทหารโซเวียตในครั้งนั้นได้มีความสนุกจากไล่ยิงพสกนิกรในทุกๆที่ที่นอกเหนือจากได้รับคำสั่งจากคณะรัฐบาลซึ่งตอนนั้นฉันกำลังเดินกับลูก ๆ อยู่ที่ที่นั้น"
ในวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 1946 ได้มีการลงคะแนนเสียงภายในกองทัพโซเวียต ผลออกมาร้อยละ 97 เห็นด้วยในการสถาปนาสาธารณรัฐบัลแกเรียและล้มล้างพระราชวงศ์และระบอบกษัตริย์ โดยให้พระราชวงศ์เตรียมตัว 1 เดือนเพื่อออกจากประเทศแต่เพียงวันเดียวคือในวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 1946 พระราชวงศ์ได้ถูกบังคับให้ออกจากบัลแกเรีย อย่างไรก็ตามพระเจ้าซาร์ซิเมออนไม่ทรงเคยลงพระนามในเอกสารสละราชบัลลังก์อย่างเป็นทางการ พระราชวงศ์ทั้งหมดจึงต้องลี้ภัยไปที่อเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ที่ซึ่งพระราชบิดาและพระราชมารดาของพระราชินีจีโอวันนาคือ สมเด็จพระเจ้าวิคเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 3 แห่งอิตาลีกับพระราชินีเอเลนาพำนักอยู่หลังจากทรงลี้ภัยจากอิตาลี พระองค์และพระราชวงศ์ทรงมีความเป็นอยู่อย่างยากลำบากโดยทรงมีทรัพย์เพียงพระองค์ละ 200 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ด้วยการอุปถัมภ์จากพระอัยกาทำให้พระเจ้าซาร์ซิเมออนทรงสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยวิกตอเรีย,อเล็กซานเดรียซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาร่วมกับเจ้าชายเลกาที่ 1 มกุฎราชกุมารแห่งแอลเบเนีย พระองค์ตรัสถึงเหตุการณ์ในช่วงนั้นไว้ว่า
“ | ทำไมจึงต้องเป็นอียิปต์ ก็เพราะพระเจ้าวิกเตอร์ เอ็มมานูเอลและพระราชินีเอเลนาแห่งอีตาลี ตายายของฉันลี้ภัยอยู่ที่นั่น ฉันเรียนชั้นประถมที่วิกตอเรียคอลเลจ โรงเรียนชั้นดีของอียิปต์ ที่อเล็กซานเดรีย มีเพื่อนร่วมชั้นคือ เจ้าชายฮุสเซน บิน ตาลาล ซึ่งต่อมาได้เป็นกษัตริย์แห่งจอร์แดน[2] | ” |
ต่อมาพระเจ้าวิกเตอร์ เอ็มมานูเอลผู้เป็นพระอัยกาได้เสด็จสวรรคตลง ทรงมอบมรดกให้แก่พระธิดาซึ่งก็คือ สมเด็จพระราชินีจีโอวันนา ทำให้ราชวงศ์ทรงมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมาก ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1951 รัฐบาลสเปนนำโดยจอมพลฟรันซิสโก ฟรังโกได้เชิญพระราชวงศ์ลี้ภัยที่สเปน
พระเจ้าซาร์ซิเมออนทรงศึกษาที่ Lycée Français ในมาดริดแต่ไม่สำเร็จการศึกษา ในวันที่ 16 มิถุนายน ค.ศ. 1955 เมื่อมีพระชนมายุได้ 18 พรรษา การที่พระองค์ทำให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญทาร์โนโว พระเจ้าซาร์ซิเมออนที่ 2 ทรงประกาศตนเป็นพระเจ้าซาร์แห่งปวงชนชาวบัลแกเรียซึ่งทำให้การดำรงเป็นกษัตริย์แห่งปวงชนชาวบัลแกเรียตามเจตนารมย์ของพระองค์มั่นคงยิ่งขึ้นและพระองค์ยังทรงประกาศแก่ชาวบัลแกเรียว่า พระองค์ยังทรงเป็นกษัตริย์ของพวกเขาเพราะไม่เคยลงนามในข้อความสละราชบัลลังก์เป็นลายลักษณ์อักษร ใน ค.ศ. 1958 พระองค์ทรงสมัครเข้า Valley Forge Military Academy and College ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ซึ่งทรงเป็นที่รู้จักกันในนาม "Cadet Rylski No. 6883" และทรงสำเร็จการศึกษาในตำแหน่งร้อยตรี พระองค์ทรงศึกษากฎหมายและการบริหารธุรกิจในสเปนอีกครั้ง
พระองค์ได้เป็นนักธุรกิจ เป็นเวลา 30 ปีทรงดำรงเป็นประธานบริษัท Thomson SA สเปนซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับกลุ่มเครื่องป้องกันและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของฝรั่งเศส และทรงเป็นที่ปรึกษาด้านการธนาคาร, การโรงแรม, อิเล็กทรอนิกส์และการจัดหาข้อมูล พระเจ้าซาร์ซิเมออนได้ประกาศคณะการปกครองระหว่างทรงลี้ภัยผ่านทางตำแหน่งของพระองค์ในมาดริดซึ่งทรงถูกถอดโดยยุคสมัยคอมมิวนิสต์ในบัลแกเรียและการขับไล่พระองค์ออกจากประเทศซึ่งเป็นคนชาติเดียวกัน อย่างไรก็ตามทรงพยายามจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นแต่ไม่เป็นผล
ใน ค.ศ. 1962 ทรงอภิเษกสมรสกับชนชั้นสูงในสเปนคือ มาร์การิตา โกเมซ-อเชโบ ยี เซจูลา แต่การอภิเษกสมรสไม่เป็นไปโดยง่ายเนื่องจากพระองค์ทรงเป็นออร์ทอด็อกซ์ ส่วนพระชายาเป็นคาทอลิก พระเจ้าซาร์ซิเมออนเสด็จไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตปาปาถึง 3 ครั้ง จนในที่สุดทรงอนุญาตแต่มีข้อแม้ให้จัดพิธีอภิเษกสมรสในโบสถ์ทั้ง 2 ฝ่าย ทั้ง 2 พระองค์มีพระโอรสและธิดารวม 5 พระองค์ เป็นพระโอรส 4 พระองค์และพระธิดา 1 พระองค์ โดยปัจจุบันทั้ง 5 พระองค์ทรงอภิเษกสมรสกับชาวสเปนทั้งสิ้น
ใน ค.ศ. 1990 หลังจากการล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ พระเจ้าซาร์ซิเมออนทรงได้รับหนังสือเดินทางชาวบัลแกเรียฉบับใหม่ ใน ค.ศ. 1996 ซึ่งเป็นปีที่ 50 ของการล้มล้างราชบัลลังก์ พระเจ้าซาร์ซิเมออนเสด็จกลับบัลแกเรียและมีพสกนิกรชาวบัลแกเรียมารับเสด็จมากมายอย่างอบอุ่น โดยฝูงชนได้ตะโกนว่า "เราต้องการกษัตริย์!" (We want our Tsar!) แต่พระองค์ทรงต้องการเข้าสู่การเมือง เมื่อทรงมาถึงพระองค์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลให้ยกเลิกคำสั่งยึดทรัพย์สินในสมัยรัฐบาลคอมมิวนิสต์ ทำให้ทรงได้พระราชวังวรานา, พระราชวังซาร์สกา บิสทริตสา และทรัพย์สมบัติมากมายกลับคืนมา แต่ทรงรับทรัพย์สินเพียงบางส่วน ส่วนที่เหลือได้มอบคืนแก่รัฐบาลเพื่อเป็นสมบัติของประชาชน
ใน ค.ศ. 2001 ทรงประกาศจัดตั้งพรรคการเมืองชื่อ พรรคขบวนการแห่งชาติเพื่อซิเมออนที่ 2 (NMSII) มีนโยบายคือ"ปฏิรูปและการเมืองมั่นคง" พระองค์ทรงสัญญาว่าภายใน 800 วัน ชาวบัลแกเรียจะเข้าในการปกครองของรัฐบาลอย่างชัดเจนและมีความสุขสมบูรณ์กับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ในการเลือกตั้งวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ. 2001 พรรคของพระองค์ได้ที่นั่งในรัฐสภาถึง 120 ที่นั่งหรือครึ่งหนึ่งของทั้งหมด แต่การมี ส.ส. เพียงครึ่งเดียวไม่สามารถบริหารได้พระองค์จึงทรงดึงพรรคขบวนการเพื่อความถูกต้องและเสรีภาพ (MRF) มาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้พระองค์ทรงดำรงเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งบัลแกเรียขณะมีพระชนมายุ 64 พรรษา ทรงบริหารประเทศเพื่อฟื้นฟูความบอบช้ำจากการฉ้อราษฎร์บังหลวงอย่างหนักของรัฐบาลที่ผ่าน ๆ มา พระองค์ทรงนำบัลแกเรียเข้าสู่องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ จนถึง ค.ศ. 2005 รัฐบาลของพระองค์ได้หมดวาระ เนื่องจากทรงพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งแก่พรรคสังคมนิยมบัลแกเรีย (BSP) ปัจจุบันทรงดำรงเป็นหัวหน้าพรรคและทรงใช้ชีวิตอย่างสงบ
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.