ซีคมุนท์ ฟร็อยท์
From Wikipedia, the free encyclopedia
ซีคมุนท์ ฟร็อยท์ (เยอรมัน: Sigmund Freud, ออกเสียง: [ˈziːkmʊnt ˈfʁɔʏ̯t]; 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1856 — 23 กันยายน ค.ศ. 1939) เป็นประสาทแพทย์ชาวออสเตรีย ผู้เป็นที่รู้จักในฐานะบิดาแห่งจิตวิเคราะห์
ซีคมุนท์ ฟร็อยท์ | |
---|---|
ซีคมุนท์ ฟร็อยท์ ถ่ายโดยมัคส์ ฮัลเบอร์ชตัท ค.ศ. 1914 | |
เกิด | ซีกิสมุนท์ ชโลโม ฟร็อยท์ (Sigismund Schlomo Freud) 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1856(1856-05-06) ไฟรแบร์คอินเมเริน มอเรเวีย ออสเตรีย-ฮังการี (ปัจจุบันอยู่ในประเทศเช็กเกีย) |
เสียชีวิต | 23 กันยายน ค.ศ. 1939(1939-09-23) (83 ปี) ลอนดอน ประเทศอังกฤษ สหราชอาณาจักร |
สัญชาติ | ออสเตรีย |
ศิษย์เก่า | มหาวิทยาลัยเวียนนา |
มีชื่อเสียงจาก | จิตวิเคราะห์ |
รางวัล | รางวัลเกอเทอ วุฒิบัณฑิตราชสมาคมแห่งลอนดอน |
อาชีพทางวิทยาศาสตร์ | |
สาขา | ประสาทวิทยา ปรัชญา จิตเวชศาสตร์ จิตวิทยา (สำนักคิดจิตวิเคราะห์) จิตบำบัด วรรณกรรม |
สถาบันที่ทำงาน | มหาวิทยาลัยเวียนนา |
มีอิทธิพลต่อ | จอห์น โบลบี วิคทอร์ ฟรังเคิล อันนา ฟร็อยท์ เออร์นิสต์ โจนส์ คาร์ล ยุง เม็ลลานี ไคลน์ ฌัก ลาก็อง ฟริทซ์ เพิลส์ อ็อทโท รังค์ วิลเฮ็ล์ม ไรช์ |
ได้รับอิทธิพลจาก | อาร์ทัวร์ โชเพินเฮาเออร์ ฟรีดริช นีทเชอ ฌ็อง-มาร์แต็ง ชาร์โก โยเซ็ฟ บร็อยเออร์ |
ลายมือชื่อ | |
บิดามารดาของฟร็อยท์ยากจน แต่ได้ส่งเสียให้ฟร็อยท์ได้รับการศึกษา เขาสนใจกฎหมายเมื่อครั้งเป็นนักเรียน แต่เปลี่ยนไปศึกษาแพทยศาสตร์แทน โดยรับผิดชอบการวิจัยโรคสมองพิการ ภาวะเสียการสื่อความ และจุลประสาทกายวิภาคศาสตร์ เขาเดินหน้าเพื่อพัฒนาทฤษฎีเกี่ยวกับจิตไร้สำนึกและกลไกของการกดเก็บ และตั้งสาขาจิตบำบัดด้วยวาจา โดยตั้งจิตวิเคราะห์ ซึ่งเป็นวิธีการทางคลินิกเพื่อรักษาจิตพยาธิวิทยาผ่านบทสนทนาและระหว่างผู้รับการรักษากับนักจิตวิเคราะห์[1] แม้จิตวิเคราะห์จะใช้เป็นการปฏิบัติเพื่อการรักษาลดลง[2] แต่ก็ได้บันดาลใจแก่การพัฒนาจิตบำบัดอื่นอีกหลายรูปแบบ ซึ่งบางรูปแบบแตกออกจากแนวคิดและวิธีการดั้งเดิมของฟร็อยท์
ฟร็อยท์ตั้งสมมุติฐานการมีอยู่ของลิบีโด (พลังงานซึ่งให้กับกระบวนการและโครงสร้างทางจิต) พัฒนาเทคนิคเพื่อการรักษา เช่น การใช้ความสัมพันธ์เสรี (ซึ่งผู้เข้ารับการรักษารายงานความคิดของตนโดยไม่มีการสงวน และต้องไม่พยายามเพ่งความสนใจขณะทำเช่นนั้น) ค้นพบการถ่ายโยงความรู้สึก (กระบวนการที่ผู้รับการรักษาย้ายที่ความรู้สึกของตนจากประสบการณ์ภาพในอดีตของชีวิตไปยังนักจิตวิเคราะห์) และตั้งบทบาทศูนย์กลางของมันในกระบวนการวิเคราะห์ และเสนอว่า ฝันช่วยรักษาการหลับ โดยเป็นเครื่องหมายของความปรารถนาที่สมหวัง ที่หาไม่แล้วจะปลุกผู้ฝัน เขายังเป็นนักเขียนบทความที่มีผลงานมากมาย โดยใช้จิตวิเคราะห์ตีความและวิจารณ์วัฒนธรรม
จิตวิเคราะห์ยังทรงอิทธิพลอยู่ในทางจิตเวชศาสตร์[3] และต่อมนุษยศาสตร์โดยรวม แม้ผู้วิจารณ์บางคนจะมองว่าเป็นวิทยาศาสตร์ลวงโลก[4]และกีดกันทางเพศ[5] การศึกษาเมื่อ ค.ศ. 2008 เสนอว่า จิตวิเคราะห์ถูกลดความสำคัญในสาขาจิตวิทยาในมหาวิทยาลัย[6] แม้ว่าทฤษฎีของฟร็อยท์จะมีเนื้อหาทางวิทยาศาสตร์อยู่ก็ตาม แต่ผลงานของเขาได้รับการตีแผ่ในความคิดเชิงปัญญาและวัฒนธรรมสมัยนิยม