ซากเรืออับปางของเรืออาร์เอ็มเอส ไททานิก
ซากเรืออับปางในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ / From Wikipedia, the free encyclopedia
ซากเรืออัปปางของเรืออาร์เอ็มเอส ไททานิก พบอยู่ในระดับความลึกประมาณ 12,500 ฟุต (3.8 กิโลเมตร; 2.37 ไมล์) ตรงทิศตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ห่างไปประมาณ 370 ไมล์ (600 กิโลเมตร) ณ ที่นั้น พบชิ้นส่วนซากเรือสองจุดหลัก ห่างกันประมาณ 3 ไมล์ (600 เมตร) ส่วนของบริเวณหัวเรือและภายในยังคงสภาพสมบูรณ์ แม้จะมีการเสื่อมสภาพตามเวลา และความเสียหายจากการกระทบกับพื้นทะเล ในทางตรงกับข้ามกับท้ายเรือที่ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ พื้นที่โดยรอบพบสิ่งของนับแสนชิ้นกระจัดกระจายอยู่ภายในบริเวณพื้นที่ ซึ่งหล่นลงมาขณะเรือกำลังอัปปาง ร่างของผู้โดยสารและลูกเรือพบในบริเวณรอบพื้นที่ ต่อมา ถูกสิ่งมีชีวิตใกล้เคียงย่อยสลายจนหมด
ซากเรืออัปปางของเรืออาร์เอ็มเอส ไททานิก | |
---|---|
ซากหัวเรือไททานิก ถ่ายภาพเมื่อปี ค.ศ. 2004 | |
เหตุการณ์ | การอับปางของเรืออาร์เอ็มเอส ไททานิก |
สาเหตุ | เรือชนภูเขาน้ำแข็ง |
วันที่ | 15 เมษายน 1912; 112 ปีก่อน (1912-04-15) |
สถานที่พบ | 370 ไมล์ (600 กิโลเมตร) ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์, มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ |
พิกัดภูมิศาสตร์ | 41°43′32″N 49°56′49″W |
พบซาก | 1 กันยายน 1985; 38 ปีก่อน (1985-09-01) |
ไททานิกอัปปางลงในปี ค.ศ. 1912 เมื่อเรือได้ชนกับภูเขาน้ำแข็งในระหว่างการเดินเรือครั้งแรกของไททานิก มีความพยายามหลายครั้งที่จะค้นหาซากของเรือโดยวิธีทำแผนที่ด้วยระบบโซนาร์ในการระบุตำแหน่ง แต่ไม่สำเร็จผล ในปี ค.ศ. 1985 ซากของเรือได้ถูกระบุพิกัดโดยสมบูรณ์ อันเป็นความร่วมมือจากการสำรวจระหว่างสหรัฐและประเทศฝรั่งเศส นำโดย ฌ็อง-หลุยส์ มิเชลแห่งไอเอฟอาร์อีเอ็มอีอาร์ และโรเบิร์ต บัลลารด์แห่งสถาบันสมุทรศาสตร์วูดสโฮล ซากของเรือเป็นที่น่าสนใจ ส่งผลให้มีการสำรวจเป็นจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงการสำรวจในปี ค.ศ. 2023 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย การกู้ของรอบบริเวณซาก พบมีของมากถึงหนึ่งพันกว่าชิ้น โดยทั้งหมดถูกนำมาแสดงต่อสาธารณชน แม้ว่าจะมีการถกเถียงถึงการกู้สิ่งของ
มีการเสนอแผนปฏิบัติการในการกู้ซากเรือไททานิกมากมาย อาทิ การใช้ลูกปิงปองในการถมซากโดยใส่วาสลีนกว่า 180,000 ตันลงไปในนั้น หรือการใช้ไนโตรเจนเหลวห่อหุ้มกว่าครึ่งล้านตัน เพื่อให้ซากลอยขึ้นมาเสมือนภูเขาน้ำแข็ง อย่างไรก็ตาม ซากของเรือนั้นเปราะบางเกินกว่าที่จะสามารถนำขึ้นมาได้ และซากนี้ถูกคุ้มครองโดยยูเนสโก