Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ขลุ่ยวิเศษ (เยอรมัน: Die Zauberflöte, อังกฤษ: The Magic Flute) เป็นอุปรากรสององค์ที่เขียนโดยว็อล์ฟกัง อมาเดอุส โมทซาร์ทผู้เป็นคีตกวีคนสำคัญของคริสต์ศตวรรษที่ 18 ในปี ค.ศ. 1791 จากเนื้อร้องที่เขียนโดยเอมานูเอล ชิคาเนเดอร์ “ขลุ่ยวิเศษ” เป็นอุปรากรแบบที่เรียกว่า ละครผสมเพลง (Singspiel) ซึ่งเป็นลักษณะที่นิยมกันที่มีทั้งบทร้องและบทพูด
“ขลุ่ยวิเศษ” เปิดแสดงเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 1791ที่กรุงเวียนนาในประเทศออสเตรีย[1] ในการแสดงวันนั้นโมทซาร์ทเองเป็นวาทยกร[2] ส่วนเอมานูเอล ชิคาเนเดอร์มีบทเป็นพาพาเกโน และน้องสะใภ้ของโมทซาร์ทโจเซฟา เวเบอร์รับบทร้องเป็น “ราชินีแห่งราตรี”
นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโมทซาร์ทกล่าวถึงปฏิกิริยาต่ออุปรากรว่า:
แม้ว่าจะไม่มีงานวิพากษ์ของการแสดงในคืนแรก แต่ก็เห็นได้ชัดว่าโมทซาร์ทและเอมานูเอล ชิคาเนเดอร์ประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ ที่ดึงดูดผู้ชมเป็นจำนวนมาก และมีการแสดงกันอีกหลายร้อยครั้งระหว่างคริสต์ทศวรรษ1790[3]
ความสำเร็จที่ได้รับจากอุปรากร “ขลุ่ยวิเศษ” ทำให้โมทซาร์ทผู้ก่อนหน้านั้นสองสามอาทิตย์ล้มป่วยอยู่ที่ปรากมีความสุขขึ้นบ้าง อุปรากรฉลองครบรอบการแสดงรอบที่หนึ่งร้อยในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1792 แต่โมทซาร์ทก็ไม่ได้มีโอกาสได้ทราบเพราะมาเสียชีวิตเสียก่อนเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 1791 เพียงสองเดือนหลังจากการแสดงรอบแรก
ตั้งแต่การแสดงครั้งแรกของ “ขลุ่ยวิเศษ” อุปรากรเรื่องนี้ก็เป็นอุปรากรที่เป็นที่ชื่นชอบกันที่สุดเรื่องหนึ่งในบรรดาอุปรากรต่างๆ และในปัจจุบันก็ยังเป็นอุปรากรเรื่องที่เล่นบ่อยที่สุดเป็นลำดับที่แปดในทวีปอเมริกาเหนือ[4]
ตัวละคร | ชื่อภาษาอังกฤษ | ระดับเสียง |
---|---|---|
ทามิโน | Tamino | เทเนอร์ |
พาพาเกโน | Papageno | บาริโทน |
พามินา | Pamina | โซปราโน |
ราชินีแห่งราตรี | The Queen of the Night[6] | โซปราโน |
ซาราสโตร | Sarastro | เบส |
สตรีสามคน | โซปราโน 2 คน, เมซโซโซปราโน | |
โมโนสตาโตส | Monostatos | เทเนอร์ |
เด็กชายสามคน | treble, อัลโต, เมซโซโซปราโน | |
ผู้ประกาศที่เทวสถาน | Speaker of the temple | เบส-บาริโทน |
นักบวชสามองค์ | Three priests | เทเนอร์, เบส 2 คน |
พาพาเกนา | Papagena | โซปราโน |
คนใส่เสื้อเกราะสองคน | Two armored men | เทเนอร์, เบส |
ทาสสามคน | เทเนอร์ 2 คน, เบส | |
นักบวช, สตรี, ผู้คน, ทาส, นักร้องประสานเสียง |
ข้อสังเกต: การแสดงในปัจจุบันบางครั้งก็จะตัดบทพูดบางตอนที่เห็นว่าเป็นบทพูดที่ดูถูกเพศหรือดูถูกผิว
ฉากที่ 1
หลังจากดนตรีนำแล้ว เนื้อเรื่องก็เริ่มขึ้นเมื่อทามิโนเจ้าชายหนุ่มผู้ถูกไล่ตามโดยพญางูจนหลงไปในดินแดนอันห่างไกล (ควอเท็ท: "Zu Hilfe! Zu Hilfe!") ล้มหมดสติลงด้วยความอ่อนล้า สตรีสามคนที่เป็นนางสนองพระโอษฐ์ของราชินีแห่งราตรีจึงปรากฏตัวและช่วยสังหารพญางู สตรีทั้งสามหลงรักรูปโฉมของทามิโนที่หมดสติอยู่ ต่างคนต่างก็หาทางให้อีกสองคนทิ้งไว้ให้ตนมีโอกาสอยู่ตามลำพังกับทามิโน หลังจากที่ถกเถียงกันแล้วก็ตกลงกันว่าวิธีที่ดีที่สุดคือทิ้งทามิโนไปพร้อมกันทั้งสามคน
ทามิโนฟื้นตัวขึ้นมา พาพาเกโนก็เข้ามาในเครื่องแต่งกายที่คล้ายนก และร้องบรรยายว่าตนเป็นคนจับนก และมีความคิดถึงภรรยา หรือ อย่างน้อยก็เพื่อนสตรี (ร้องเดี่ยว: "Der Vogelfänger bin ich ja") พาพาเกโนบอกทามิโนว่าตนเองพาพาเกโนเป็นผู้ทำการสังหารพญางูด้วยมือเปล่า ทันทีนั้นสตรีสามคนก็ปรากฏตัวขึ้นมาลงโทษพาพาเกโนโดยเอากุญแจล็อกปากพาพาเกโนไว้ แล้วสตรีทั้งสามก็บอกทามิโนว่าตนนั้นเป็นผู้รับผิดชอบในการช่วยชีวิตทามิโน และ ให้ยื่นภาพของสตรีสาวพามินาให้ทามิโนดู ทามิโนก็ตกหลุมรักพามินา�ทันทีที่ได้เห็น (ร้องเดี่ยว: "Dies Bildnis ist bezaubernd schön")
ราชินีแห่งราตรีที่มาปรากฏตัวก็บอกกับทามิโนว่าสาวสวยในภาพ ซึ่งมีชื่อว่า "พามินา" นั้น คือพระธิดาของตนเองที่ถูกซาราสโตรผู้เป็นศัตรูลักตัวไป ราชินีแห่งราตรีก็สั่งให้ทามิโนเดินทางไปยังเทวสถานเพื่อไปนำตัวพามินาคืนมา และสัญญากับทามิโนว่าจะให้แต่งงานกับพามินาถ้าทำได้ (ร้องพูดและร้องเดียว: "O zittre nicht, mein lieber Sohn") หลังจากที่ราชินีแห่งราตรีหายตัวไป สตรีทั้งสามก็มอบขลุ่ยวิเศษที่สามารถทำให้คนเปลี่ยนใจได้ให้แก่ทามิโน และไขกุญแจที่ปิดปากพาพาเกโนออก และมอบระฆังให้เพื่อให้พิทักษ์ตนเอง พาพาเกโนก็ถูกสั่งให้ติดตามไปช่วยทามิโนเอาตัวพามินากลับมา ทั้งสองคนจึงเริ่มเดินทาง (ร้องประสานเสียงห้า: "Hm hm hm hm") แล้วสตรีทั้งสามจึงแนะนำเด็กวิเศษสามคนให้ไปช่วยนำทางทามิโนและพาพาเกโนไปยังเทวสถาน
ฉากที่ 2: ท้องพระโรงในวังของซาราสโตร
พามินาถูกลากเข้าไปโดยโมโนสตาโตสผู้เป็นทาสชาวมัวร์ของซาราสโตร (ร้องประสานเสียงสาม: "Du feines Täubchen, nun herein!") พาพาเกโนผู้เดินทางไปทำการหาตัวพามินาล่วงหน้าก่อนเข้ามาในห้อง ทั้งพาพาเกโนและโมโนสตาโตสต่างก็มีความหวาดกลัวรูปลักษณ์อันแปลกประหลาดของกันและกัน ทั้งสองคนก็วิ่งหนีลงจากเวที แต่ไม่นานพาพาเกโนก็กลับเข้ามาใหม่และบอกพามินาว่าราชินีแห่งราตรีได้ส่งทามิโนมาช่วยเหลือ พามินาเต็มไปด้วยปิติยินดีเมื่อทราบว่าทามิโนหลงรักตนเอง และแสดงความเห็นอกเห็นใจและให้ความหวังแก่พาพาเกโนผู้อยากจะมีสตรีเอาไว้รัก ทั้งสองคนจึงร้องเพลงแสดงความรัก (ร้องประสานเสียงสอง: "Bei Männern welche Liebe fühlen") จากนั้นทั้งสองคนก็แยกกัน
ฉากที่ 3: สวนและทางเข้าเทวสถาน
เด็กวิเศษสามคนก็นำทามิโนไปยังเทวสถานของซาราสโตร และรับรองว่าถ้าทามิโนมีความตั้งมั่นแล้วก็จะสามารถนำตัวพามินาคืนมาได้ เมื่อไปถึงเทวสถานทามิโนก็ไม่ได้รับการอนุญาตให้เข้าที่ประตูแห่งธรรมชาติและเหตุผล โดยเสียงที่ประกาศออกมาโดยไม่เห็นตัวเจ้าของเสียงร้องว่า "กลับไป!" แต่เมื่อทามิโนพยายามเข้าทางประตูแห่งสติปัญญา นักบวชสูงอายุก็ปรากฏตัวขึ้นและพยายามหว่านล้อมให้ทามิโนเชื่อว่าซาราสโตรเป็นผู้มีความเมตตากรุณาและไม่ได้เป็นคนชั่วร้ายอย่างที่เข้าใจกัน และความเห็นของสตรีทั้งหลายนั้นไม่ควรจะเป็นสิ่งที่ทามิโนเอามาเชื่อถือ เมื่อนักบวชออกไปแล้วทามิโนก็เป่าขลุ่ยวิเศษโดยหวังจะเรียกตัวพามินาและพาพาเกโน แต่เสียงของขลุ่ยวิเศษกลับไปเรียกสัตว์วิเศษที่เชื่องมา จากนั้นทามิโนก็ได้ยินเสียงดนตรีที่พาพาเกโนเป่าอยู่นอกเวทีเป็นการตอบเสียงขลุ่ยของทามิโน พาพาเกโนรู้สึกดีใจที่จะได้พบพามินาและทามิโนจึงรีบวิ่งไป
พาพาเกโนปรากฏตัวกับพามินาตามเสียงขลุ่ยของทามิโนมาแต่ไกล แต่ในทันทีทันใดทั้งสองคนก็ถูกจับตัวโดยโมโนสตาโตสและทาส พาพาเกโนจึงพยายามหว่านมนต์ขลังต่อทาสโดยการสั่นกระดิ่ง ทาสต้องมนต์ขลังของกระดิ่งต่างก็เต้นรำไปตามจังหวะของกระดิ่งจนออกจากเวทีไป
พาพาเกโนได้ยินเสียงซาราสโตรกับผู้ติดตามเข้ามาใกล้ขึ้นทุกขณะ พาพาเกโนมีความตกใจเป็นอันมากและถามพามินาว่าควรจะพูดอย่างไร พามินาก็ตอบว่าจะต้องพูดความจริง ซาราสโตรกับผู้ติดตามเข้ามาบนเวที
ด้วยความตกตลึงในความยิ่งใหญ่งดงามของซาราสโตร พามินาจึงหมอบลงที่เท้าและสารภาพว่าตนเองกำลังพยายามที่จะหนี เพราะโมโนสตาโตสพยายามบังคับให้ตนรัก ซาราสโตรก็รับรองพามินาเป็นอย่างดี และบอกพามินาว่าตนจะไม่บังคับใจพามินา แต่ก็ไม่อาจจะให้เสรีภาพหรือปล่อยให้กลับไปหามารดาได้ เพราะพามินาต้องมีชายเป็นผู้นำ
โมโนสตาโตสเข้ามาพร้อมกับทามิโนที่เป็นนักโทษ เมื่อพามินาและทามิโนพบหน้ากันเป็นครั้งแรก ทั้งสองก็สวมกอดกันและกันซึ่งสร้างความขุ่นเคืองให้แก่ผู้ติดตามของซาราสโตร โมโนสตาโตสพยายามกล่าวโทษทามิโน แต่ซาราสโตรลงโทษโมโนสตาโตสเพราะความต้องการในตัวพามินาของซาราสโตร และนำทามิโนและพาพาเกโนเข้าไปในเทวสถานแห่งการทดสอบ
ฉากที่ 4: ป่าต้นปาล์ม
สภานักบวชแห่งเทพไอสิสและโอซีริสนำโดยซาราสโตรเข้ามาในเทวสถาน และเรียกร้องให้ทามิโนและพามินาแต่งงานกัน และให้ทามิโนเป็นประมุขสืบต่อจากซาราสโตรถ้าผ่านการทดสอบ ซาราสโตรอธิบายว่าราชินีแห่งราตรีพยายามที่จะหว่านล้อมผู้คนด้วยความเชื่องมงายและความกลัวอันไม่มีเหตุผล แล้วซาราสโตรก็ร้องเพลงสวดมนต์แด่เทพไอสิสและโอซีริส และขอให้เทพทั้งสองพระองค์พิทักษ์ทามิโนและพามินา และให้นำไปยังสวรรคสถานถ้าทั้งสองคนเสียชีวิตระหว่างการทดสอบ ("O Isis und Osiris")
ฉากที่ 5: ลานเทวสถานแห่งการทดสอบ
ทามิโนและพาพาเกโนถูกนำตัวไปยังเทวสถาน นักบวชเตือนทามิโนว่าโอกาสนี้เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะเปลี่ยนใจได้ แต่ทามิโนก็ยืนกรานสัญญาว่าจะยอมดำเนินการทดสอบต่างๆ ทุกอย่างเพื่อที่จะให้ได้พามินา ตอนแรกพาพาเกโนก็ปฏิเสธไม่ยอมผ่านการทดสอบ โดยกล่าวว่าตนเองไม่คำนึงถึงคุณค่าของสติปัญญาและความรู้แจ้งเท่าใดนัก สิ่งที่ต้องการเพียงอย่างเดียวคืออาหาร, เหล้าองุ่น และ สตรี นักบวชบอกกับพาพาเกโน ว่าซาราสโตรอาจจะมีสตรีไว้ให้ถ้ายอมทำการทดสอบ และสตรีผู้นี้มีชื่อว่าพาพาเกนา พาพาเกโนจึงยอมตกลงอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าใดนัก
การทดสอบขั้นแรกระบุว่าทามิโนและพาพาเกโนต้องไม่พูดจาโต้ตอบใดๆ ทั้งสิ้นเมื่อถูกยั่วยวนหรือขู่เข็ญโดยสตรี (ร้องประสานเสียงคู่, นักบวชสององค์) สตรีสามคนมาปรากฏตัวและพยายามยั่วให้ทามิโนและพาพาเกโนพูด (ร้องประสานเสียงห้า: "Wie, wie, wie") พาพาเกโนยับยั้งตนเองไม่ได้ แต่ทามิโนยังคงไม่ยอมพูด และเมื่อพูดก็จะพูดกับพาพาเกโนเท่านั้น และถึงจะพูดก็เพียงแต่บอกให้พาพาเกโนหุบปาก เมื่อเห็นว่าทามิโนไม่ยอมพูดกับตน สตรีสามคนก็จากไปด้วยความงงงวย
นักบวชแสดงความยินดีกับทามิโนที่ผ่านการทดสอบขั้นแรกสำเร็จ นักบวชอีกองค์หนึ่งด่าว่าพาพาเกโนว่าอ่อนแอ และกล่าวว่าจะไม่มีวันที่จะบรรลุถึงพระเจ้าได้ พาพาเกโนโต้ว่ามีคนในโลกมากมายที่เหมือนกับตนที่ไม่มีโอกาสที่จะบรรลุ แต่ก็เป็นผู้ที่มีความสุข และถามว่าทำไมตนจึงต้องผ่านการทดสอบด้วย ในเมื่อซาราสโตรก็มีสตรีเตรียมไว้ให้ตนอยู่แล้ว นักบวชก็ตอบว่านี่เป็นวิธีเดียว
ฉากที่ 6: ในสวน, พามินาหลับ
โมโนสตาโตสเดินเข้ามาและจ้องมองพามินาด้วยความหลงใหล (ร้องเดี่ยว: "Alles fühlt der Liebe Freuden") และเกือบจะจูบใบหน้าที่กำลังหลับของพามินาเมื่อราชินีแห่งราตรีปรากฏตัวและทำให้โมโนสตาโตสตระหนกจนหนีออกไป ราชินีแห่งราตรีจึงปลุกพามินาและมอบกริชให้และสั่งให้พามินาใช้สังหารซาราสโตร (ร้องเดี่ยว: "Der Hölle Rache kocht in meinem Herzen") หลังจากที่ราชินีออกไปแล้ว โมโนสตาโตสก็กลับเข้ามาอีก และพยายามบังคับให้พามินารักตน โดยขู่ว่าจะเปิดเผยแผนการฆาตกรรม แต่ซาราสโตรเข้ามาทันและไล่โมโนสตาโตสออกไป ซาราสโตรยกโทษให้พามินาและทำการปลอบใจ (ร้องเดี่ยว: "In diesen heil'gen Hallen")
ฉากที่ 7: ห้องโถงในเทวสถานแห่งการทดสอบ
ทามิโนและพาพาเกโนต้องผ่านการทดสอบโดยการไม่พูดอีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ยากกว่าเดิม โดยพามินาเข้ามาและพยายามพูดกับทามิโน ในเมื่อทามิโนไม่ยอมโต้ตอบ พามินาก็เชื่อว่าทามิโนไม่รักตนต่อไปอีกแล้ว (ร้องเดี่ยว: "Ach, ich fühl's, es ist verschwunden") พามินาจึงออกจากห้องด้วยความระทมทุกข์
ฉากที่ 8: พีระมิด
นักบวชแสดงความยินดีกับทามิโนที่ผ่านการทดสอบ และทำนายว่าจะประสบความสำเร็จและควรค่าต่อคำสั่งของตน (ประสานเสียง: "O Isis und Osiris") ซาราสโตรแยกพามินาและทามิโน (ร้องประสานเสียงสาม: ซาราสโตร, พามินา, ทามิโน – "Soll ich dich, Teurer, nicht mehr sehn?") ตัวละครออกจากฉาก พาพาเกโนเข้ามา พาพาเกโนเล่นระฆังวิเศษและร้องเพลงเกี่ยวกับสตรีที่ตนต้องการเล่น (ร้องเดี่ยว, พาพาเกโน: "Ein Mädchen oder Weibchen") สตรีชราปรากฏตัวต่อหน้าพาพาเกโน และเรียกร้องให้พาพาเกโนสัญญาว่าจะหมั้นกับตน และเตือนว่าถ้าไม่ทำก็จะเป็นโสดไปจนตลอดชีวิต ด้วยความไม่ค่อยเต็มใจพาพาเกโนก็ยอมสัญญาว่าจะรักภักดีสตรีชรา สตรีชราจึงกลายเป็นสตรีสาวผู้มีความงดงาม--พาพาเกนา แต่เมื่อพาพาเกโนพยายามวิ่งเข้าไปกอด นักบวชก็ขับไล่พาพาเกนาด้วยฟ้าร้องฟ้าผ่า
ฉากที่ 9: ลาน
เมื่อเด็กวิเศษสามคนเห็นพามินาพยายามฆ่าตัวตายเพราะเชื่อว่าทามิโนทิ้งตน เด็กก็ดึงรั้ง และยึดกริชจากมือของพามินา และรับรองกับพามินาว่าจะได้พบกับทามิโนภายในเวลาอันไม่นานนัก (ร้องประสานเสียงสี่: "Bald prangt, den Morgen zu verkünden").
ฉากที่ 10: ห้องโถงหรือห้องที่มีประตูสองประตู: ประตูหนึ่งนำไปยังห้องทดสอบด้วยน้ำ และ อีกห้องหนึ่งเป็นถ้ำไฟ
ชายใส่เสื้อเกราะสองคนนำตัวทามิโนขึ้นมาบนเวที ทามิโนประกาศว่าตนพร้อมแล้วที่เข้าสู่การทดสอบ แต่พามินาร้องเรียกมาแต่ไกลให้คอยตนด้วย ชายใส่เสื้อเกราะยืนยันกับทามิโนว่าการทดสอบโดยการเงียบนั้นเรียบร้อยไปแล้ว และทามิโนสามารถพูดกับพามินาได้ พามินาก็เข้ามาและร้องเพลงประกาศความรักต่อกันกับทามิโน ("Tamino mein, o welch ein Glück!") จากนั้นทั้งสองคนก็เข้าสู่การทดสอบด้วยกัน และสามารถผ่านทั้งห้องทดสอบด้วยน้ำและห้องทดสอบด้วยไฟได้โดยใช้ขลุ่ยวิเศษช่วย
พาพาเกโนหมดหวังในการได้พาพาเกนาพยายามแขวนคอตนเอง (ร้องเดี่ยว/ประสานเสียงสี่: "Papagena! Papagena! Papagena!") แต่ในนาทีสุดท้ายเด็กวิเศษก็เข้ามาปรากฏตัวและแนะว่าพาพาเกโนควรจะใช้กระดิ่งวิเศษเรียกตัวพาพาเกนา พาพาเกนากลับเข้ามา ทั้งสองคนต่างก็ปิติยินดีที่ได้เห็นกันจนพูดเหมือนคนติดอ่าง ("pa … pa … pa") ด้วยความงงงวย (ร้องประสานเสียงสอง: "Papageno! Papagena!").[7]
โมโนสตาโตสผู้ทรยศปรากฏตัวต่อหน้าราชินีแห่งราตรีและข้าราชบริพาร วางแผนที่จะทำลายเทวสถาน ("Nur stille, stille") แต่ก็ถูกสาปแช่งให้เข้าไปในราตรีกาลอันไม่มีที่สิ้นสุด
ฉากเปลี่ยนไปเป็นทางเข้าเทวสถานเอก ที่ซาราสโตรกล่าวต้อนรับทามิโนและพามินา เพลงสุดท้ายเป็นเพลงสรรเสริญทามิโนและพามินาที่อดทนและมีความพยายามในการผ่านการทดสอบ และแสดงความขอบคุณพระเจ้า
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.